พัฒนาการของลูกน้อยวัย 12 เดือน
-
ด้านการเรียนรู้
กิจกรรมง่ายๆพัฒนาการเรียนรู้ของลูกน้อย
สำหรับลูกน้อยเข้าวัย 12 เดือนคุณแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกน้อยได้มีการทำกิจกรรมง่ายๆเพื่อกระตุ้นให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่เหนือกว่ายิ่งขึ้น วันนี้เอนฟามีกิจกรรมง่ายๆที่คุณแม่สามารถนำมาปรับใช้เพื่อกระตุ้นพัฒนาการและประสาทสัมผัสของลูกน้อยกันค่ะ
- ให้ลูกช่วยเปิดขวดน้ำ เวลาที่คุณแม่เปิดขวดน้ำทดลองให้ลูกใช้มือช่วยเปิด ลูกจะได้สัมผัสกับน้ำและมีความรู้สึกที่แปลกใหม่ สิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นการเรียนรู้ของลูกต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ อย่างเช่น การไหลของน้ำ อุณหภูมิ เป็นต้น
- ปรบมือ กิจกรรมง่ายๆที่ช่วยให้เด็กฝึกประสาทสัมผัสของมือและตา โดยคุณแม่คอยปรบมือเป็นจังหวะให้ลูกน้อยทำตาม
- เคาะสิ่งของต่างๆรอบตัว ฝึกให้ลูกทดลองเคาะสิ่งของรอบตัวต่างๆเบาๆ ลูกจะเกิดการเรียนรู้เสียงของวัตถุต่างๆ กิจกรรมนี้จะช่วยกระตุ้นการเรียนรู้และการจดจำของลูกน้อยได้เป็นอย่างดี
- การร้องเพลงในรถขณะรถติด เป็นกิจกรรมง่ายๆ ที่ช่วยให้ลูกเรียนรู้ทักษะภาษาทางอ้อม เช่นเดียวกับการ การเปิดเพลงเบาๆ ช่วยให้ลูกอยู่ในอารมณ์ที่ผ่อนคลายและพร้อมจะเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว
- การเล่นกับผ้าที่มีพื้นผิวและสีแตกต่างกัน สามารถกระตุ้นการเรียนรู้ของลูกได้ผ่านการสัมผัส นุ่ม ลื่น หยาบ และสีสันต่างๆ คุณแม่สามารถสอดแทรกให้ลูกได้เรียนรู้ไปพร้อมกัน
-
ด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว
วิธีเสริมกล้ามเนื้อขา เพื่อการก้าวเดินของลูก
สิ่งที่เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการที่จะทำให้เด็กๆ ก้าวเดินได้เร็วและมั่นคงขึ้นคือ กล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง ซึ่งมีกิจกรรมหลากหลายที่คุณพ่อคุณแม่สามารถเสริมสร้างกล้ามเนื้อและกำลังขาให้ลูกได้ เช่น...
• จับลูกน้อยยืนบนตักคุณพ่อคุณแม่ แล้วประคองให้ลูกน้อยยืน เด้งไปเด้งมาเพื่อฝึกกล้ามเนื้อขา และทำให้ลูกน้อยไม่กลัวที่จะลองประคองตัวเองให้ยืนโดยไม่เกาะเพราะอยู่ใกล้คุณพ่อคุณแม่
• นวดขาให้ลูกน้อย ทำให้กล้ามเนื้อถูกกระตุ้น และผ่อนคลายจากการใช้งาน
• หมั่นพาลูกเดินโดยแรกๆ คุณแม่ต้องจับมือพาลูกเดินเพื่อให้เขารู้สึกมั่นใจในการก้าวเท้าเดินเสียก่อน
• หลอกล่อด้วยของเล่น และให้ลูกพยายามเดินไปเอาของเล่นนั้น เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยกระตุ้นให้ลูกฝึกเดินมากขึ้น
• เปลี่ยนบรรยากาศ สร้างแรงเสริมในการก้าวเดินให้กับลูก เช่น พาไปเดินในสวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น เพราะยิ่งลูกเห็นเด็กอื่นๆ เดินได้ เขาก็อยากจะเดินเองบ้าง
อย่าลืมนะคะว่า ยิ่งลูกมีโอกาสได้ฝึกเดินบ่อยๆ โอกาสที่เขาจะก้าวเดินได้อย่างมั่นคงก็ย่อมเร็วขึ้นเท่านั้นค่ะ
-
ด้านภาษาและการสื่อสาร
พัฒนาภาษาและการสื่อสารด้วย นิทานก่อนนอน
การอ่านนิทานก่อนนอน (Bedtime Story) ให้ลูกฟังนั้น มีคุณค่าและความหมายมากมายทั้งต่อเด็กๆ และต่อตัวพ่อแม่ ซึ่งเป็นผู้อ่านเองด้วย คุณพ่อคุณแม่สามารถอ่านนิทานก่อนนอนให้ลูกฟังได้ตั้งแต่เล็กๆ และสามารถทำต่อไปได้เรื่อยๆ ซึ่งคุณค่าที่ลูกได้รับนั้นมีอย่างมากมายทีเดียว
- นิทานก่อนนอนกับพัฒนาการทางภาษาของลูก
ระหว่างที่คุณแม่อ่านหนังสือนั้น สมองของลูกจะซึมซับและบันทึกทั้งเสียงของคุณแม่และภาษาที คุณแม่ใช้ถ่ายทอดเรื่องราวให้เขาฟัง ซึ่งแน่นอนว่าข้อดีของเรื่องนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องพัฒนาการทางภาษาของลูกเท่า นั้น แต่สายสัมพันธ์อันอบอุ่นระหว่างคุณแม่กับลูกก็จะเกิดขึ้นด้วย
- นิทานก่อนนอน ปลูกฝังให้ลูกรักและผูกพันกับหนังสือ
การอ่านนิทานก่อนนอนให้ลูกฟัง ยิ่งเริ่มตั้งแต่ลูกมีอายุน้อย ยิ่งช่วยปลูกฝังความรักใคร่ผูกพันใน หนังสือได้มากและลึกซึ้งเพียงนั้น เมื่อเด็กรักหนังสือแล้วเขาก็จะไม่ละเลย ไม่ฉีกทำลายหนังสือ ตรงกันข้าม เขากลับจะค่อยๆ รู้สึกว่าหนังสือไม่ได้มีไว้แค่อ่าน แต่เป็นเพื่อนเหมือนของเล่นชิ้นโปรดชิ้นหนึ่งเลย
- นิทานก่อนนอน ช่วยพัฒนาทักษะการฟังที่ดี
เด็กๆ สนใจนิทานที่พ่อแม่เล่า เพราะเขาอยากรู้และอยากเข้าใจเรื่องราวนั้น ขณะที่ฟัง เด็กๆ ก็เปิดใจกว้างเตรียมพร้อมที่จะซึมซับทุกถ้อยคำของพ่อแม่เพื่อนำมาเรียงร้อย สร้างสรรค์เป็นโลกอัศจรรย์ในจินตนาการของตัวเขาเอง ด้วยเหตุนี้ ระหว่างที่พ่อแม่เล่านิทาน เด็กๆ จึงฝึกฝนตนเองให้รู้จักฟังอย่างตั้งใจ และในที่สุดจะพัฒนาเป็นทักษะที่เป็นประโยชน์ต่อสติปัญญาและการเรียนรู้ของเด็กต่อไป
-
ด้านอารมณ์และสังคม
สนุก อารมณ์ดีไปกับเพลง
ลูกในวัยนี้บางครั้งก็ไม่ได้ต้องการของเล่นหรืออุปกรณ์อะไรเลย เพียงแค่ให้มีคุณพ่อกับคุณแม่อยู่ใกล้ๆ มีส่วนร่วมในการเล่นกับเขาด้วย และจะยิ่งมีความสุขไปกันใหญ่ หากการเล่นนั้นจะมีเสียงเพลงเข้ามาร่วมด้วย ครั้งนี้เรามีการเล่นที่สนุกกันทั้งคุณแม่และคุณลูกเล่นแบบง่ายๆ ใช้เพียงแค่มือสนุกไปกับเสียงเพลงเท่านั้นเองค่ะ
- เพลง จับปูดำ
“จับปูดำ ขยำปูนา จับปูม้า คว้าปูทะเล
สนุกจริงเอย ชะเอยนอนเปล ชะโอละเห่ นอนเปลหลับไป”
เวลาร้องเพลงนี้ ให้คุณแม่กำมือเป็นจังหวะให้ลูกเห็นนะคะ แล้วลูกก็จะทำตาม เป็นการฝึกกล้ามเนื้อมือของลูกด้วยค่ะ
- เพลง นิ้วโป้งอยู่ไหน
“นิ้วโป้งอยู่ไหน นิ้วโป้งอยู่ไหน
อยู่นี่จ้ะ อยู่นี่จ้ะ
สุขสบายดีหรือไร สุขสบายดีหรือไร
ลาก่อนนะ สวัสดี”
เมื่อคุณแม่ร้องเพลงนี้ให้กระดิกนิ้วหัวแม่มือสลับไปทีละนิ้วนะคะ ครั้งแรกที่ลูกเห็นอาจจะยังทำไม่ได้ แต่ลูกจะสนุกสนานกับการได้เห็นท่าทางที่คุณแม่แสดงค่ะ