เพราะ 85% ของพัฒนาการทางสมอง จะเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์จนถึง 3 ขวบปีแรก ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว หากคุณแม่ได้ดูแลลูกน้อยอย่างดีที่สุดด้วยโภชนาการที่ดีและการเลี้ยงดูที่เหมาะสม ก็จะเป็นโอกาสทองให้ลูกมีพัฒนาการทางสมองที่ดี แต่ด้วยในปัจจุบัน ด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป เริ่มมีโรคใหม่ๆ อุบัติขึ้น อย่างเช่น โควิด-19 ที่เป็นสาเหตุของการระบาดอยู่ในขณะนี้ นอกจากลูกจะต้องมีพัฒนาการทางสมองที่ดีแล้ว การมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก
นอกจากอาหารหลัก 5 หมู่แล้ว การให้ลูกได้รับสารอาหารที่ช่วยทั้งพัฒนาสมองและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน จึงเป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน หนึ่งในสารอาหารสำคัญที่ว่านั้นคือ MFGM
MFGM คืออะไร
MFGM หรือ Milk Fat Globule Membrane คือเยื่อหุ้มอนุภาคไขมันที่พบได้ในนมแม่ ผลิตจากต่อมน้ำนม ทำหน้าที่ช่วยห่อหุ้มอนุภาคไขมันในนมให้คงรูปอยู่ได้ MFGM อุดมไปด้วยไขมันและโปรตีนชีวภาพมากกว่า 150 ชนิด เช่น สฟิงโกไมอีลิน ฟอสโฟลิปิด และแกงกลิโอไซด์ ซึ่งล้วนแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายและสมองของเด็ก
5 เหตุผลที่ลูกควรได้รับ MFGM
1. MFGM รวมสารอาหารสำคัญเพื่อเด็กยุคใหม่
อย่างที่กล่าวข้างต้นว่าใน MFGM ประกอบด้วยสารอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
-
มีไขมันหลายชนิด
เช่น ฟอสโฟลิปิด สฟิงโกไมอีลิน และแกงกลิโอไซด์ ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญ ที่ช่วยส่งเสริมการสร้างเซลล์สมอง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญาและพฤติกรรม 1-2
-
มีส่วนของโปรตีนสำคัญหลายชนิด
ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ให้ลูกสุขภาพแข็งแรงพร้อมเรียนรู้
2. MFGM ช่วยส่งเสริมการเชื่อมต่อเซลล์สมอง
เพราะเด็กๆ อยู่ในช่วงของการสร้างการเชื่อมต่อของเซลล์สมองเพื่อการสื่อสารระหว่างเซลล์ MFGM มีส่วนประกอบของไขมันเชิงซ้อนอย่างสฟิงโกไมอีลิน ฟอสโฟลิปิด แกงกลิโอไซด์ ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างปลอกหุ้มเส้นใยประสาท (Myelin Sheath) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรับส่งสัญญาณของประสาท และช่วยในการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง สมองก็จะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ส่งผลต่อการพัฒนาทางสมองและสติปัญญา
จากการทดลองในห้องปฏิบัติการเป็นเวลา 21 วัน พบว่า สารอาหารใน MFGM ทำงานร่วมกับ DHA จะช่วยเพิ่มโอกาสการเชื่อมต่อเซลล์สมองมากกว่าการใช้ DHA เพียงอย่างเดียว1MFGM ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ในยุคนี้ การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของเด็กๆ ให้แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญมาก
จากการศึกษายังพบว่าโปรตีนบางชนิดใน MFGM มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายและระบบการป้องกันการติดเชื้อจากไวรัสและแบคทีเรีย ช่วยให้ร่างกายเด็กต่อสู้กับการติดเชื้อได้ เช่น มีการศึกษาพบว่า MFGM ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน3 รวมทั้งลดการติดเชื้อของทางเดินหายใจส่วนบนและภูมิแพ้ในเด็ก4
นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาในเด็กก่อนวัยเรียนที่มีอายุตั้งแต่ 2 ปีครึ่งถึง 6 ปี พบว่า เด็กที่ได้รับนมเสริม MFGM จะมีระยะเวลาในการเป็นไข้หรือเจ็บป่วยและใช้ยาปฏิชีวนะน้อยกว่าเด็กที่กินนมที่ไม่ได้เสริม MFGM แสดงถึงการมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงของเด็ก
3. MFGM สร้างพัฒนาการที่สมดุลสู่อนาคตแห่งความสำเร็จ
นอกจากจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสมองแล้ว จากการศึกษาพบว่า MFGM ส่งผลดีต่อพัฒนาการด้านอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น
-
MFGM ส่งผลต่อพัฒนาการด้านอารมณ์
เด็กที่ได้รับ MFGM ได้คะแนนจากการประเมินทางด้านพฤติกรรมที่ดีขึ้น2 ซึ่งเกี่ยวข้องกับพัฒนาการด้านอารมณ์ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่คุณแม่ต้องส่งเสริมด้วย เพราะในโลกปัจจุบันจนถึงอนาคต เด็กจะเก่งวิชาการอย่างเดียวไม่พอ ลูกต้องมีทักษะการใช้ชีวิตด้วย เช่น การสื่อสาร การทำงานร่วมกับผู้อื่น ฯลฯ
-
MFGM ช่วยพัฒนาภาษาและการสื่อสารที่ซับซ้อนกว่า
วิจัยในเด็กพบว่า เด็กกลุ่มที่ได้รับนมเสริม MFGM มีพัฒนาการด้านภาษาที่ดีและทักษะการสื่อสารที่ซับซ้อนกว่ากลุ่มเด็กที่ได้รับนมไม่เสริม MFGM
-
MFGM ช่วย เพิ่มสมาธิจดจ่อที่นานกว่า
มีงานวิจัยในเด็กพบว่า เด็กกลุ่มที่ได้รับนมเสริม MFGM มีสมาธิจดจ่อกับกิจกรรมที่ทำนานกว่ากลุ่มเด็กที่ได้รับนมไม่เสริม MFGM
4. MFGM คือสิ่งที่แม่มอบให้ลูกได้ด้วยตัวเอง
คุณแม่สามารถให้ลูกน้อยได้รับ MFGM จากน้ำนมแม่ ซึ่งเป็นโภชนาการที่ดีที่สุด นอกจากนี้ การศึกษายังได้ค้นพบว่า MFGM มีอยู่ในน้ำนมวัวเช่นกัน และด้วยเทคโนโลยีการผลิตในปัจจุบัน สามารถนำ MFGM มาเติมในนมผงสำหรับเด็กได้5 จึงเป็นทางเลือกให้คุณแม่ที่ไม่สามารถให้ลูกกินนมแม่ได้
ด้วยการเลือกสารอาหารที่ดีที่สุดให้ลูกน้อย เชื่อว่าลูกจะมีพัฒนาการทางสมองและมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง รวมทั้งมีพัฒนาการด้านต่างๆ ที่ดีอย่างแน่นอน
References
1NeuroProof report for Mead Johnson Nutrition
2Veereman-Wauters G, Staelens S, Rombaut R, et al. Milk fat globule membrane (INPULSE) enriched formula milk decreases febrile episodes and may improve behavioral regulation in young children. Nutrition. 2012;28:749-752.
3Timby N et al.Pediatr Gastroenterol Nutr.2013;60:384-389
4 Birch EE et al.J Nutr.2010;156 (6):902-906
5Dewettinck K, Rombaut R, Thienpont N, Le T, Messens K, Van Vamp J. Nutritional and technological aspects of milk fat globule membrane material. Int Dairy J. 2008;18:436-457.
Jimenez-Flores R, Brisson G. The milk fat globule membrane as an ingredient: why, how, when? Dairy Sci Technol. 2008;88:5-18.