ลูกของเรากำลังเรียนรู้และฝึกฝนหลายสิ่งหลายอย่าง เพื่อให้พร้อมเมื่อถึงวัยที่เขาต้องเข้าสู่รั้วโรงเรียนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า  หน้าที่ของคุณแม่คือสนับสนุนให้ลูกได้เรียนรู้ที่จะช่วยเหลือตัวเองได้มากที่สุด มีทักษะทางอารมณ์และสังคมที่ดี...มาดูพัฒนาการแต่ละด้านของลูกน้อยเดือนนี้กันค่ะ 

ด้านสติปัญญาและการเรียนรู้

  • วัยนี้เป็นวัยแห่งความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ เขาจะสามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้จากการมองเห็นและเรียนรู้ที่จะสร้างจินตภาพ ซึ่งคือกระบวนการทางความคิดที่เกิดจากการที่สมองได้รับสัญญาณมาจากประสาทสัมผัสทั้งหมด ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส รวมถึงอารมณ์และความรู้สึกในขณะนั้นด้วย  

  • จดจำสิ่งต่างๆ ได้ดี  วิธีที่จะช่วยส่งเสริมให้เด็กมีการจดจำที่ดีคือ การเปิดโอกาสให้เขาได้พบเจอสิ่งใหม่ๆ และตั้งคำถามเพื่อให้เขาได้นึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา เช่น คุณแม่อาจจะเปิดรูปที่ลูกเพิ่งได้ไปเที่ยวสวนสัตว์มาให้เขาดู แล้วถามว่า หนูไปเที่ยวไหนมา สนุกไหม เห็นสัตว์อะไรบ้าง ไหนเราลองมาวาดรูปสัตว์กันไหม เป็นต้น แม้ว่าเขาจะยังวาดภาพได้ไม่ดีแต่สามารถจดจำสิ่งต่างๆ ได้ดี เด็กจะนึกเป็นภาพได้ว่า เขาไปสวนสัตว์ ไปเห็นยีราฟ เห็นม้าลาย ฯลฯ

  • ลูกเริ่มที่รู้จักคิดในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ดังนั้นการหาของเล่นประเภทตัวต่อหรือชิ้นส่วนต่างๆ ทั้งที่ต้องประกอบให้เสร็จถึงจะเห็นเป็นรูปเป็นร่าง หรือเปิดอิสระทางความคิดให้กับลูกน้อยได้สร้างสิ่งต่างๆ ในรูปแบบของตัวเองจะช่วยส่งเสริมทักษะดังกล่าวได้ดี โดยอาจจะเริ่มจากชิ้นที่ต่อง่ายๆ ไม่ซับซ้อน หลังจากนั้นค่อยเพิ่มความยากทีละน้อย เพื่อเพิ่มความสนุกสนานและท้าทายให้กับลูก

ด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว

  • ลูกเคลื่อนไหวร่างกายได้ดีขึ้นตามลำดับจากเดือนก่อนๆ ทั้งเดิน วิ่ง กระโดด หรือขึ้นบันได พัฒนาการในเดือนนี้จึงเป็นลักษณะการฝึกฝนให้ดีขึ้น

  • การที่ลูกจะทรงตัวได้ดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการควบคุมร่างกายว่าทำได้ดีแค่ไหนด้วย ซึ่งการจัดท่าทางเกิดขึ้นเพราะสมองได้รับข้อมูลจากระบบการทรงตัว ระบบการมองเห็น และความตึงตัวของกล้ามเนื้อแล้วนำมาวิเคราะห์ จากนั้นจึงส่งสัญญาณมาควบคุมการทำงานของร่างกายทั้งสองด้านให้ทำงานตามที่ต้องการ

  • คุณแม่สามารถช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านนี้ได้ด้วยกิจกรรมง่ายๆ เช่น การเอาผ้าห่มห่อตัวลูก แล้วกลิ้งไปมา  ซึ่งจะช่วยกระตุ้นร่างกายได้มากทีเดียว เพราะน้ำในหูชั้นในจะกลอกไปมาและสัมผัสกับปลายประสาททุกครั้งที่ลูกเคลื่อนไหว ทำให้เกิดการส่งสัญญาณไปยังสมองแล้วสั่งการมายังกล้ามเนื้อลูกตาที่ช่วยในการมองเห็นและปรับสมดุลของร่างกาย

  • กล้ามเนื้อมือและนิ้วเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น จนลูกสามารถใช้กรรไกรเล็กๆ ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กตัดกระดาษได้ รวมทั้งร้อยลูกปัดด้วยเข็มเล่มโตได้บ้างแล้ว ซึ่งคุณสามารถส่งเสริมให้ลูกฝึกใช้นิ้วด้วยกิจกรรมง่ายๆ เช่น ร้อยเชือกรองเท้า หรือหาริบบิ้นสีสวยๆ ร้อยกับตะกร้าที่มีรู

  • ลูกสนใจขีดเขียนวาดรูปมากขึ้น ซึ่งเป็นพื้นฐานการวาดรูปและการสร้างสรรค์งานศิลปะที่สำคัญต่อไป คุณแม่จึงควรใช้โอกาสแห่งการเรียนรู้นี้ชวนลูกทำความรู้จักสีสันและลวดลายต่างๆ โดยเฉพาะเส้นแต่ละแบบ ไม่ว่าจะเป็นเส้นตรง เส้นเฉียง เส้นโค้ง ฟันปลา รวมทั้งวงกลม 

สมัครเป็นสมาชิก Enfa Smart Club กับชมวันนี้ ลุ้นรับ MacBook Air

ด้านภาษาและการสื่อสาร

  • ลูกวัยนี้ช่างพูด พูดได้หลายคำ และพูดคำสองพยางค์ติดกันได้ ตอบโต้ได้ด้วยคำสั้นๆ และเข้าใจประโยคยาวๆ ได้ นั่นเพราะเขามีคำศัพท์ในสมองมากมายพอดู และความอยากรู้อยากเห็นก็ทำให้ลูกเรียนรู้ที่จะถาม “อะไร” มากขึ้น มีงานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่า หากคุณแม่พูดคุยกับลูกอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้พัฒนาการด้านภาษาของลูกดีวันดีคืนและเพิ่มพูนคำศัพท์ในคลังสมองน้อยๆ ของลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ลูกสามารถชี้ภาพได้ตามคำบอกได้ดีขึ้น

  • รู้จักคำเรียกอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย  

  • รู้จักสีต่างๆ รู้ว่าพยัญชนะตัวไหนเรียกว่าอะไร (หากที่ผ่านมาคุณแม่สอนเขาซ้ำๆ ทุกวัน)

  •  สามารถเล่าหรือพูดคุยเรื่องใกล้ตัวได้มากขึ้น

ด้านอารมณ์และสังคม

  • ยังติดแม่อยู่  แม้จะต้องการอิสระแค่ไหนก็ตาม หากคุณแม่มีแผนว่าจะส่งเขาไปเนิร์สเซอรี่ จำเป็นต้องให้ลูกได้มีโอกาสเตรียมตัวเตรียมใจด้วย  เพราะการต้องจากแม่ไปโดยไม่ทันตั้งตัว เป็นการทำร้ายจิตใจลูกมากทีเดียว คุณแม่อาจต้องพาลูกไปค่อยๆ ทำความรู้จักกับสถานที่ที่เขาต้องไปอยู่ทีละนิดๆ เพื่อให้ลูกคุ้นเคยเสียก่อน  

  •  ถึงวัยฝึกการรู้จักช่วยเหลือตัวเอง  เช่น ฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา หรือสอนให้ลูกบอกเมื่อเขาอยากเข้าห้องน้ำ จำเป็นมาก เมื่อเขาต้องไปอยู่โรงเรียน

  • ช่วงวัยนี้เป็นวัยที่พอจะสอนเรื่องการแบ่งปันให้ลูกได้บ้างแล้ว หลังจากที่เป็นผู้รับมานาน วิธีง่ายๆ คือ การทำตัวเป็นแบบอย่างเรื่องการให้  เล่นเกมแม่ให้หนูหนูให้แม่ สลับกันเป็นผู้รับผู้ให้  และเมื่อลูกมีพฤติกรรม “แบ่งปัน” ต้องไม่ลืมที่จะเอ่ยชมเชย เปิดโอกาสให้ลูกได้เป็นผู้ให้บ้าง เช่น ให้ลูกให้อาหารสัตว์เลี้ยงในบ้าน  

     โลกใบนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างให้ลูกเรียนรู้  การสนับสนุนให้ลูกได้ฝึกฝนทักษะต่างๆ รอบด้าน จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ลูกพร้อมสู่โลกกว้างนอกบ้านได้มากขึ้น