อาหารรสเผ็ดส่งผลให้เกิดอาการกรดไหลย้อน และแสบบริเวณทวารหนักเวลาขับถ่ายได้ ทำให้ปวดมวนท้อง ซึ่งอาการเหล่านี้ส่งผลให้คุณแม่ไม่สุขสบาย จึงควรหลีกเลี่ยงค่ะ ส่วนการกินรสเค็มต่อเนื่องก็อาจทำให้บวมได้ง่าย เสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตสูง นอกจากนี้การกินอาหารรสหวานนานๆก็อาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคเบาหวานซึ่งส่งผลต่อลูกในครรภ์ได้
เพื่อตรวจดูว่ามีปัญหาเรื่องฟันหรือไม่ หญิงตั้งครรภ์เป็นโรคเหงือกอักเสบได้ง่ายกว่าปกติเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย หากมีการติดเชื้อในช่องปาก โอกาสเสี่ยงที่จะคลอดก่อนกำหนดและลูกอาจมีขนาดตัวเล็กเกินไปได้ คุณแม่จึงควรไปพบทันตแพทย์นะคะ ช่วงที่เหมาะกับการทำฟันคือช่วงตั้งครรภ์ 4 -6 เดือน ก่อนหน้านี้ไม่เหมาะเพราะยังมีอาการแพ้ท้อง มีคลื่นไส้อาเจียนอยู่และอาจทำให้แท้งได้ ส่วนช่วง 7-9 เดือนท้องที่โตขึ้นก็ทำให้ไม่สะดวกในการนอนบนเตียงทำฟันและอาจทำให้คลอดก่อนกำหนดได้เช่นกันค่ะ สุขภาพที่แข็งแรงของคุณแม่มีส่วนสำคัญต่อลูกน้อยในครรภ์อย่างมาก ขณะที่เจริญเติบโตอยู่ในครรภ์ ฟันน้ำนมและฟันแท้ของลูกน้อยก็จะค่อยๆสร้างไปพร้อมอวัยวะอื่นๆของร่างกาย คุณแม่จึงควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เช่นไข่ นมสด ปลา น้ำมันตับปลา ผักผลไม้ เพื่อการสร้างฟันของลูกน้อย โดยเฉพาะผักผลไม้เป็นอาหารที่มีเส้นใยช่วยทำความสะอาดฟันของคุณแม่ไปในตัวซึ่งจะช่วยลดฟันผุได้ดีด้วยค่ะ
"ระหว่างวัน หรือการดื่มเครื่องดื่มที่อาจมีส่วนผสมของคาเฟอีนอยู่
กาแฟ ชา น้ำอัดลม ช็อคโกแลต หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นส่วนผสม สามารถส่งผ่านทางเลือดของคุณแม่ไปสู่ทารกในครรภ์ ดังนั้นจึงควรควบคุมปริมาณของคาเฟอีนที่ร่างกายบริโภคเข้าไป เพราะว่าการบริโภคคาเฟอีนในปริมาณที่มากจะส่งผลต่อการตั้งครรภ์ได้
ชีสบางชนิด หลีกเลี่ยงชีสในกลุ่ม Camembert, Brie, หรือชีสอื่นที่มีลักษณะผิวแบบเดียวกัน นอกจากนั้นยังควรหลีกเลี่ยงชีสที่มีเส้นสีน้ำเงินแทรก เช่น Stilton ด้วย ชีสเหล่านี้มีเชื้อ ""ลิสทีเรีย"" ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ทำอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ แต่ถ้าอยากรับประทานจริงๆ ให้เปลี่ยนเป็น Cheddar หรือ cottage cheese, processed cheese หรือ cheese spread
ปาเต (pâté) หมายถึงเนื้อหรือตับบดผสมไขมัน เครื่องใน หรือเครื่องเทศ ที่ใช้ทาขนมปัง อาหารกลุ่มนี้มีเชื้อลิสทีเรียซึ่งควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน"
" แม้หญิงตั้งครรภ์สามารถรับประทานอาหารส่วนใหญ่ได้เหมือนปกติ แต่อาหารบางอย่างควรหลีกเลี่ยงเนื่องจากเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาหารเป็นพิษ การติดเชื้อ หรือส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้
ไข่ดิบหรือไข่ลวกกึ่งดิบกึ่งสุก ไข่มีเชื้อซาลโมเนลลาที่ทำให้เกิดอาหารเป็นพิษได้ การรับประทานไข่ควรปรุงให้สุกก่อนทั้งไข่แดงและไข่ขาว ไม่ควรรับประทานไข่ที่มีบางส่วนยังดิบอยู่ หรือน้ำสลัดปรุงเองที่มีส่วนผสมของไข่ดิบ แต่น้ำสลัดและมายองเนสที่ซื้อตามร้านส่วนใหญ่ใช้ไข่ที่ผ่านการพาสเจอไรส์แล้ว ดังนั้นจึงไม่ค่อยเป็นปัญหา
เนื้อสัตว์ดิบหรือปลาดิบ ควรรับประทานเนื้อสัตว์ปรุงสุกแล้วในอุณหภูมิที่สูงมากๆ โดยให้สุกจนไม่เหลือส่วนที่เป็นเนื้อแดงอยู่เลย อาหารดิบอาจมีความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อต่างๆเช่น โคลิฟอร์มแบคทีเรีย Toxoplasmosis และ Salmonella
ปลาบางชนิด ปลาบางชนิดมีสารปรอทตกค้างในปริมาณสูงซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาระบบประสาทของทารกในครรภ์ได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงปลากลุ่มนี้ ได้แก่ ปลาทะเล, หูฉลาม ส่วนปลาทูน่าถ้าจำเป็นจริงๆ ควรจำกัดไม่รับประทานเกิน 2 ชิ้นสเต็คทูน่าต่อสัปดาห์ ปลาอื่นที่ไม่ใช่ปลาทะเลสามารถรับประทานได้ทั้งหมดและควรรับประทานเนื่องจากเป็นอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย ควรรับประทานปลาอย่างน้อย 2 ส่วนต่อสัปดาห์ โดยหนึ่งส่วนเป็นปลาที่มีน้ำมันปลาอยู่ด้วย
ถั่วลิสง ถ้าตัวหญิงตั้งครรภ์, สามี, หรือญาติทางฝั่งตนเองหรือสามีมีประวัติแพ้อาหารหรือประวัติภูมิแพ้ เช่น แพ้ละอองเกสรหรือหอบหืด คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานถั่วลิสงทั้งระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตรด้วย
หอยดิบ หลีกเลี่ยงการรับประทานหอยดิบขณะตั้งครรภ์เนื่องจากบางครั้งมีไวรัสและแบคทีเรียปนเปื้อนมาด้วยและอาจทำให้เกิดอาหารเป็นพิษได้ เช่นหอยแครงลวก ควรรับประทานหอยที่ปรุงสุกแล้วเท่านั้น
แอลกอฮอล์ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากขณะตั้งครรภ์อาจทำอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ มีหลักฐานยืนยันว่าสัมพันธ์กับความพิการแต่กำเนิดและน้ำหนักตัวแรกคลอดน้อยด้วย การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปอาจส่งผลร้ายต่อสภาวะสารอาหารของมารดาได้ โดยจะไปรบกวนการดูดซึมสารอาหารหรือลดความอยากอาหารลง ทำให้มารดากินน้อยลง
คาเฟอีน ปัจจุบันยังไม่มีการรายงานที่แน่ชัดว่าคาเฟอีนมีผลต่อการพัฒนาการของเด็กหรือไม่
ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ส่วนใหญ่จะแนะนำว่าหญิงตั้งครรภ์ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารคาเฟอีนอยู่เกิน 200 - 300 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งอาจจะเป็นเท่ากับการดื่มกาแฟ 2-3 แก้ว แต่คุณแม่ควรระลึกเสมอว่าร่างกายอาจได้รับสารคาเฟอีนมาจากการรับประทานอาหาร"
"เนื่องจากเป็นช่วงที่ลูกเติบโตเร็วมาก มดลูกขยายตัวไปดันปอดทำให้หายใจไม่สะดวกและเจ็บชายโครงได้ วิธีแก้ไข ให้นั่งหลังตรง หายใจเข้าลึกๆพร้อมค่อยๆยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ กลั้นหายใจนับ 1, 2, 3 แล้วค่อยๆผ่อนลมหายใจออกทางปากช้าๆพร้อมปล่อยแขนลงตามเดิม ทำเช่นนี้หลายๆรอบ การฝึกหายใจแบบนี้เป็นการบริหารปอดและกล้ามเนื้อหน้าอกจะช่วยให้คุณแม่สบายขึ้นค่ะ และยังช่วยลดความเจ็บปวดขณะคลอดได้ด้วยค่ะ ช่วงนี้ควรกินอาหารทีละน้อยแต่เพิ่มมื้อขึ้น เพราะกระเพาะอาหารก็ถูกเบียดไปด้วยเช่นกันค่ะ"
ตั้งครรภ์ปกติ มีเพศสัมพันธ์ได้ตลอดการตั้งครรภ์ เพียงระมัดระวังเรื่องความรุนแรงและน้ำหนักที่กดทับ ถ้ามีประวัติเลือดออก แท้ง คลอดก่อนกำหนด รกเกาะต่ำ ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ช่วงครรภ์ 1 -3 เดือนป้องกันการแท้ง และช่วง 7-9 เดือนป้องกันการคลอดก่อนกำหนด
"เนื่องจากเอ็นมีการยืดขยาย ข้อต่อต่างๆหลวมและยืดหยุ่นมากขึ้นโดยเฉพาะบริเวณอุ้งเชิงกราน ขนาดของมดลูกขยายใหญ่ขึ้น ประกอบกับส่วนนำของทารกเคลื่อนลงมาต่ำและมากดกระดูกรองนั่ง(Coccyx) การรับน้ำหนักของมดลูกที่โตและการที่ส่วนนำกดกระดูกรองนั่ง จึงทำให้คุณแม่ครรภ์แก่มีอาการปวดหลังได้
การป้องกัน
-ให้ใส่ร้องเท้าส้นเตี้ย สวมสบาย
-เวลายืนพยายามดึงให้หลังตรง ไม่แอ่นไปตามท้องที่ถ่วงไปด้านหน้า เพราะจะทำให้ปวดหลังมากขึ้น ไม่ควรยืนหรือเดินมากเกินไป ไม่ยกของหนัก การทรงตัวในท่าต่างๆให้ถูกต้อง เช่น ย่อเข่าลงหยิบของที่พื้น ไม่ก้มลงไปหยิบ
- เวลานอนหงายใช้หมอนหนุนใต้เข่าพอรู้สึกสบาย ถ้านอนตะแคง ให้กอดหมอนข้างเพื่อไม่ให้กดทับแขนอีกข้าง และงอเข่า 1 หรือ 2 ข้าง เข่าด้านบนหนุนด้วยหมอนนุ่มๆ หรือใช้หมอนขั้นอยู่ระหว่างเข่า 2 ข้าง และมีหมอนอีกใบหนุนท้องไว้
- เวลานั่งให้ก้นชิดพนักเก้าอี้ ถ้ามีอาการปวดให้ใช้วิธีประคบร้อน การออกกำลังกายเพื่อยืดกล้ามเนื้อส่วนหลัง เช่น ท่าแมว ก็ช่วยบรรเทา
-ให้สวมสเตย์(I-Cheer Maternity Support Belth)พยุงหน้าท้องร่วมด้วยค่ะ"
ขณะตั้งครรภ์เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและมีเลือดไปเลี้ยงที่อวัยวะเพศมาก ทำให้ช่องคลอดชุ่มชื้น มีตกขาวมากขึ้น ปกติเป็นมูกสีขาวเหมือนแป้งเปียก ไม่มีกลิ่น ไม่คัน ดูแลทำความสะอาดหลังปัสสาวะ ล้างและเช็ดให้แห้งทุกครั้ง อาจใส่แผ่นอนามัยชนิดบางไว้ซับและควรเปลี่ยนทุกๆ4ชม.เพื่อลดการหมักหมมกับเชื้อโรค กางเกงในซักแล้วตากแดด หากตกขาวมีสีผิดปกติเช่นสีเหลืองหรือเขียว มีกลิ่นเหม็นและคันร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพราะอาจเป็นเชื้อราซึ่งมักเกิดในผู้หญิงที่มีภูมิต้านทานต่ำ ห้ามซื้อยามาเหน็บเองเพราะอาจไม่ใช่ยาที่เหมาะกับเชื้อที่เป็น