Enfa สรุปให้

  • น้ำนมเหลือง คือน้ำนมระยะแรกซึ่งจะมีเพียง 3 วันแรกหลังคลอด แต่เป็นน้ำนมช่วงที่มีคุณค่ากับลูกน้อยมหาศาล เพราะประกอบด้วยสารอาหารสำคัญมากมาย ที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการให้ลูกน้อยได้อย่างรอบด้าน​

  • แลคโตเฟอร์ริน (Lactoferrin) สุดยอดสารอาหารสำคัญที่พบในปริมาณสูงที่สุดในน้ำนมระยะแรก หรือน้ำนมเหลืองของแม่ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดการเจ็บป่วย มีคุณสมบัติช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส จึงปกป้องลูกจากการติดเชื้อทางเดินหายใจ และทำให้สุขภาพทางเดินอาหารแข็งแรง เพื่อพื้นฐานที่ดีและพัฒนาการที่ดีกว่าในอนาคตของลูกน้อย

  • น้ำนมเหลืองนี้ในทางการแพทย์ถือว่าเป็นน้ำนมแม่ที่ดีที่สุด เพราะอุดมไปด้วยสารภูมิต้านทานและสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของทารก ปกป้องทารกจากการติดเชื้อ

เลือกอ่านตามหัวข้อ

     • น้ำนมเหลือง (Colostrum) คืออะไร
     • ในน้ำนมเหลืองมีสารอาหารอะไรบ้าง
     • ประโยชน์ของน้ำนมเหลือง
     • รู้จักน้ำนมเหลืองจากธรรมชาติ
     • ร่างกายผลิตน้ำนมเหลืองเมื่อใด
     • วิธีเก็บรักษาน้ำนมเหลือง
     • น้ำนมเหลืองไม่มาทำยังไงดี
     • ไขข้อข้องใจเรื่องน้ำนมเหลืองกับ Enfa Smart Club

พูดถึงนมแม่ ใคร ๆ ก็รู้อยู่แล้วว่านมแม่นั้นเป็นสารอาหารที่สำคัญซึ่งทารกควรได้รับต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ถึง 2 ปีหรือนานกว่านั้น แต่... ถ้าเราจะมาพูดถึงอีกส่วนหนึ่งของน้ำนม ที่บางคนก็เรียกว่าน้ำนมเหลือง บางคนก็เรียกหัวน้ำนม ก็อาจจะรู้สึกงง ๆ ว่า มันมีด้วยเหรอ แล้วน้ำนมเหลืองคืออะไร น้ำนมเหลืองกับน้ำนมแม่คือสิ่งเดียวกันไหม และมีประโยชน์ต่อทารกอย่างไรบ้าง วันนี้ Enfa จะมาไขข้อข้องใจเรื่องนี้กันค่ะ

น้ำนมเหลือง (Colostrum) คืออะไร


นมน้ำเหลือง (Colostrum) คือ น้ำนมแม่ในระยะแรก ที่เริ่มผลิตในช่วงอายุครรภ์ตั้งแต่ 16-22 สัปดาห์จนถึงวันแรกหลังคลอด ในช่วงนี้ ร่างกายจะผลิตน้ำนมได้น้อย และมีลักษณะเป็นหัวน้ำนม สีเหลือง ซึ่งเรียกว่า น้ำนมเหลือง หรือ Colostrum ​

น้ำนมส่วนนี้จะมีเพียง 1-3 วันแรก หลังคลอดเท่านั้น แต่เป็นน้ำนมช่วงที่มีคุณค่ากับลูกน้อยมาก เปรียบเสมือนวัคซีนหยดแรกจากอกแม่สู่ลูกน้อย ​

น้ำนมเหลืองมีสารอาหารอะไรบ้าง


น้ำนมเหลือง หรือ โคลอสตรุ้ม สร้างจากโปรตีน ไขมัน น้ำตาล รวมถึงกลุ่มเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ผลิตแอนติบอดีด้วย ซึ่งแอนติบอดีเหล่านี้จะทำหน้าที่สำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของทารก ปกป้องทารกจากการติดเชื้อ โดยสารอาหารสำคัญในน้ำนมเหลืองนั้น มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น

          Lactoferrin หรือแลคโตเฟอร์ริน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบมากในนมแม่ โดยเฉพาะน้ำนมเหลือง ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 15-20% ของโปรตีนทั้งหมด ถือเป็นสุดยอดสารอาหารสำคัญที่ลูกควรได้รับ ซึ่งมีผลวิจัยรองรับว่า แลคโตเฟอร์รินช่วยเสริมสร้างภูมคุ้มกันให้ลูก ลดการเจ็บป่วย ปกป้องลูกน้อยจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา จึงช่วยลดโอกาสการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ, นอกจากนี้ยังส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร

         MFGM (Milk Fat Globule Membrane) หรือเยื่อหุ้มอนุภาคไขมันในน้ำนมแม่ ประกอบด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด อย่างสปิงโกไมอิลีน ฟิสโฟลิปิด แกงกลิโอไซต์ เป็นต้น มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างเส้นใยประสาท (Myelin Sheath) และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณประสาทเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง ช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเรียนรู้และจดจำได้ดียิ่งขึ้น มีงานวิจัยรับรองว่าการที่เด็กได้รับนมแม่อย่างต่อเนื่องส่งผลดีต่อพัฒนาการทางสมองในระยะยาวของเด็กเล็กไปจนถึงวัยเข้าเรียน เด็กที่ได้รับประทานนมแม่ที่มี MFGM จะมีทักษะและคะแนนจากการวัดผล IQ/EQ ที่สูงกว่า การมอบโภชนาการที่มี MFGM ให้กับลูกจึงเป็นหนึ่งในรากฐานที่ดีในอนาคตให้กับลูกน้อย ช่วยเสริมสร้าง IQ และ EQ ของลูกน้อยให้เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ขวบปีแรก

          สารอาหารอื่น ๆ นอกจากสองสารอาหารหลักอย่าง MFGM และ Lactoferrin ในน้ำนมเหลืองยังพบว่ามีสารอาหารที่มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของเด็ก ได้แก่

                    • Immunoglobulin A (แอนติบอดี)
                    • Lactoferrin (โปรตีนที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อ)
                    • เม็ดเลือดขาว (เซลล์เม็ดเลือดขาว)
                    • Epidermal growth factor (โปรตีนที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์)

มากไปกว่านั้น น้ำนมเหลืองยังอุดมไปด้วยแคโรทีนอยด์ (สารต้านอนุมูลอิสระ) ที่ช่วยให้เซลล์ในร่างกายของทารกแข็งแรง และวิตามินเอซึ่งมีบทบาทสำคัญในการมองเห็น บำรุงผิวหนัง และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทั้งยังมีแมกนีเซียมซึ่งช่วยบำรุงหัวใจและกระดูกของทารก มีทองแดงและสังกะสีซึ่งช่วยเสริมภูมิคุ้มกันอีกด้วย

ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า หากทารกได้รับนมแม่ตั้งแต่ช่วง 1-3 วันหลังคลอด หรือได้กินนมแม่ทันทีหลังคลอด ทารกมีแนวโน้มที่จะมีสุขภาพดี เนื่องจากจะได้รับสารอาหารสำคัญจากน้ำนมเหลืองอย่างเพียงพอ

สมัครเป็นสมาชิก Enfa Smart Club กับชมวันนี้ ลุ้นรับ MacBook Air

น้ำนมเหลืองมีประโยชน์อะไรบ้าง


น้ำนมเหลือง (Colostrum) ประโยชน์ของมันนั้นเรียกได้ว่ามีส่วนช่วยปูพื้นฐานสุขภาพที่แข็งแรงของทารกได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น

     • ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เป็นที่รู้กันดีว่าในน้ำนมเหลืองนั้นมีส่วนประกอบของแอนติบอดีและเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งทำหน้าที่สำคัญในการต่อสู้กับไวรัสและแบคทีเรียต่าง ๆ ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของทารกนั้นแข็งแรง ไม่ป่วยง่าย

     • ป้องกันและบรรเทาอาการท้องเสีย แม้ว่าทารกแรกเกิดจะยังไม่สามารถกินอาหารอื่น ๆ ได้นอกจากนมแม่ แต่ก็สามารถที่จะเกิดอาการท้องเสียได้เช่นเดียวกัน ทั้งที่ผ่านจากนมแม่โดยตรง หรือจากขวดนมที่ใช้ป้อนนมแม่ อย่างไรก็ตาม ภายในน้ำนมเหลืองนั้นมีโมเลกุลของแอนติบอดีและโปรตีนแลคโตเฟอร์ริน ซึ่งทำหน้าที่สำคัญในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย จึงมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการท้องเสียเนื่องจากไวรัสและแบคทีเรียต่าง ๆ ได้

     • ดีต่อสุขภาพลำไส้ เนื่องจากในน้ำนมเหลืองนั้นมีโมเลกุลโปรตีนที่สามารถย่อยได้ง่าย จึงทำให้ระบบขับถ่ายของทารกนั้นเป็นไปอย่างปกติ มากไปกว่านั้น ยังมีส่วนช่วยเพิ่มปริมาณของแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ให้มากขึ้น ช่วยในกระบวนการย่อยต่าง ๆ และดีต่อการขับถ่ายด้วย

คุณประโยชน์ของน้ำนมเหลืองนั้น จะช่วยเพิ่มแล็กโตบาซิลลัส (แบคทีเรียชนิดหนึ่ง) ซึ่งมีประโยชน์ในลำไส้ของเด็ก และลดปริมาณแบคทีเรียอีโคไล ซึ่งมีอันตรายลงได้ นอกจากนั้นยังมีภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ (ตัวสำคัญคือ แกมมาโกลบูลิน-จี ซึ่งทำหน้าที่ระงับการขยายตัวของเชื้อโรค) อยู่มากกว่านมแม่ในระยะหลัง ๆ ทั้งยังมีโปรตีน ซึ่งมีธาตุเหล็กที่เรียกว่า ทรานสเฟอร์ริน (ซึ่งช่วยนำธาตุเหล็กไปใช้ในการสร้างเม็ดเลือดแดง)

การให้น้ำนมเหลืองแก่ลูกจะช่วยสร้างกำแพงป้องกันเชื้อโรคขึ้นในลำไส้ นอกจากนี้ในน้ำนมเหลืองยังมีสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง นั้นคือ MFGM ซึ่งอุดมด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด และ DHA กรดไขมันจำเป็นต่อสมองและสายตา ทำให้ลูกน้อยของคุณมีพัฒนาการสมองที่ดีอีกด้วย

ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณแม่มือใหม่ควรให้ลูกได้กิน "น้ำนมเหลือง" หลังคลอดนี้ทุกคน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับลูกน้อยของคุณที่จะเติบโตต่อไปค่ะ

น้ำนมเหลืองจากธรรมชาติสามารถหาได้จากแหล่งใดบ้าง


น้ำนมเหลืองนั้นไม่ใช่ว่าจะพบได้แค่ในนมแม่อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสามารถพบได้จากนมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ๆ ด้วย เช่น น้ำนมเหลืองของวัว (Bovine colostrum) ซึ่งก็สามารถพบได้ทันทีหลังจากที่วัวคลอดลูกเช่นเดียวกัน รวมถึงยังอาจพบได้กับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ๆ เช่น แพะ สุนัข แมว เป็นต้น 

ร่างกายของคุณแม่จะผลิตน้ำนมสีเหลืองเมื่อไหร่


น้ำนมแม่นั้นไม่ใช่จู่ ๆ ก็จะผลิตออกมาได้ทันทีที่คลอดลูก แต่กระบวนการผลิตน้ำนมแม่ได้เริ่มสร้างมาตั้งแต่ระยะแรก ๆ ของการตั้งครรภ์แล้วค่ะ โดยในส่วนของน้ำนมเหลืองนั้นจะเริ่มผลิตขึ้นตั้งแต่ช่วงแรกของไตรมาสที่ 2

เก็บรักษาน้ำนมเหลืองอย่างไรดี


น้ำนมเหลืองนั้นจะไหลออกมาแค่เพียง 1-3 วันแรกหลังคลอด ดังนั้น หากต้องการจะเก็บน้ำนมแม่ในช่วงที่ยังมีน้ำนมเหลืองอยู่ก็ควรจะต้องเก็บตั้งแต่วันแรกหลังคลอดเลย

อย่างไรก็ตาม เมื่อพ้น 1-3 วันแรกหลังคลอดไปแล้ว น้ำนมเหลืองก็จะแปรเปลี่ยนสภาพน้ำนมระยะที่ 2 และน้ำนมระยะที่ 3 ต่อไป ซึ่งก็ยังมีส่วนผสมของน้ำนมเหลืองอยู่ดีค่ะ เพียงแต่สีจะไม่ได้เป็นสีเหลืองเข้มข้นเท่ากับช่วง 1-3 วันแรกหลังคลอดด

น้ำนมเหลืองไม่มา หรือมาน้อย คุณแม่จะรับมือยังไงดี


ปริมาณน้ำนมเหลืองนั้นจะไหลออกมามากหรือน้อยไม่สามารถที่จะการันตีได้เลยค่ะ ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของแม่และการดูแลตนเองตลอดระยะเวลาที่ตั้งครรภ์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่มีส่วนต่อการไหลของน้ำนมแม่หลังคลอด ไม่เฉพาะแต่น้ำนมเหลืองเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ปัญหาน้ำนมไหลน้อยนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยไม่เฉพาะเรื่องการดูแลตัวเองเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของความเครียด ซึมเศร้า โรคประจำตัว และปัจจัยด้านอื่น ๆ อีกมากมายที่สามารถส่งผลให้ปริมาณนมแม่ไหลออกมาน้อย คุณแม่ไม่จำเป็นจะต้องโทษตัวเองนะคะ สิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้

วิธีที่ดีที่สุดหากพบว่าคุณแม่มีน้ำนมไหลออกมาน้อย ให้ปรึกษากับแพทย์ทันที เพื่อหาทางรับมือและแก้ไข เพราะหลังจากนี้ไปทารกจำเป็นจะต้องกินนมแม่อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปี

ไขข้อข้องใจเรื่องน้ำนมเหลืองกับ Enfa Smart Club


 Lactoferrin คืออะไร หากแม่ไม่มีน้ำนมเหลือง ลูกจะยังได้รับ Lactoferrin อยู่ไหม?

แลคโตเฟอร์ริน คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบมากในนมแม่ โดยเฉพาะน้ำนมเหลือง ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 15-20% ของโปรตีนทั้งหมด ถือเป็นสารอาหารที่สำคัญมากที่ลูกควรได้รับ​ ซึ่งมีผลวิจัยรองรับว่า แลคโตเฟอร์รินช่วยเสริมสร้างภูมคุ้มกันให้ลูกได้ ลดการเจ็บป่วย ปกป้องลูกน้อยจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา จึงช่วยลดโอกาสการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ และยังส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร 

หากคุณแม่มีน้ำนมเหลืองออกมาน้อย หรือไม่มีน้ำนมเหลืองออกมาเลย ร่างกายก็ยังสามารถรับ Lactoferrin ได้จากนมวัวด้วยเช่นกัน คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาในการเลือกโภชนาการให้กับลูกน้อยอย่างเหมาะสม

 ทำยังไงให้มีน้ำนมเหลืองเยอะ?

การพักผ่อนที่เพียงพอ การออกกำลังกาย การกินอาหารที่มีประโยชน์ การหมั่นดูแลตัวเองอยู่เสมอตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์ ถือว่ามีส่วนช่วยสำคัญที่จะทำให้กระบวนการผลิตน้ำนมนั้นเป็นไปอย่างสมบูรณ์ และมีปริมาณที่เพียงพอ

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่นอกเหนือการควบคุม เช่น อาการเจ็บป่วย โรคประจำตัว ผลข้างเคียงจากยารักษาโรค ความเครียด โรคซึมเศร้า ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้อาจมีผลต่อปริมาณน้ำนมได้



บทความแนะนำสำหรับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่