ในความเป็นแม่ที่ต้องทำงานท้อปฟอร์มไปด้วย บางทีแม่ทำงานก็ล้าและเหนื่อยเหลือเกิน ยิ่งพอกลับมาทำงานแล้วหัวหน้ามอบหมายงานชิ้นสำคัญให้ในความเป็นจริงคือแม่ไม่สามารถลุยงานหนักได้เหมือนแต่ก่อน จะมีวิธีบอกหัวหน้ายังไง ให้ไม่มองว่าแม่ไม่อยากทำกันนะ?

ขอให้กำลังใจแม่ทำงานก่อนเลยว่า ดีมากที่เรารู้ตัวเราเองว่าถ้างานใหญ่เกินไป เราไม่สามารถทุ่มเทได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะถ้าฝืนทำไปจะเกิดผลที่ไม่เป็นที่พอใจของทุกฝ่ายมากกว่า สิ่งแรกที่แม่ต้องทำคือประมาณความเป็นไปได้ของการทำงานของตัวเองแบบที่เห็นเป็นรูปธรรม เช่น จากเดิมสามารถทำงานล่วงเวลาได้วันละ 2 ชั่วโมง ตอนนี้ไม่สามารถแล้ว ลิสต์มาเป็นข้อๆ แล้วเตรียมตัวไปคุยกับหัวหน้า

คุยแบบเอาความเป็นจริง

สิ่งที่แม่อาจไม่ต้องเอาเข้าไปคุยกับหัวหน้าด้วยก็คือเรื่องลูก เราไม่สามารถทำให้ใครอินกับลูกไปกับเราได้ เพราะฉะนั้นคุยแต่เรื่องที่เป็นความจริงที่วัดผลกันได้ว่ากันไปตามเนื้องาน หรือเป็นตัวเลขของแต่ละงานไปเลย สิ่งไหนทำได้สิ่งไหนไม่แน่ใจว่าจะทำได้ครบถ้วน

ให้ข้อเสนอแนะกับหัวหน้า

ในเรื่องที่เราไม่สามารถทำให้เกิดประสิทธิภาพงานได้เหมือนเดิม แม่ๆควรเตรียมหาทางเลือกให้หัวหน้าไว้ด้วย เช่น หาคนมาเสริม ให้น้องในทีมบางคนได้โชว์ผลงาน หรือหาทางลัดอะไรที่มีผลให้งานเดินให้หัวหน้า

ขอทำอะไรทดแทน

เพื่อความแฟร์ของบริษัท และพนักงานคนอื่นๆ แม่อาจไม่สามารถทำงานชิ้นใหญ่ได้ แต่ก็อาจจะมีงานอื่นๆ ที่ไม่ต้องใช้พลังเท่า ที่แม่พอจะทำได้ เสนอว่าจะมาทำงานแบบนี้เพิ่มให้แทน หัวหน้าก็จะรู้สึกว่าแม่พยายามที่จะเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ดีนะ

ทำใจเรื่องความก้าวหน้า

และไม่ว่าจะยังไง แม่ๆ อาจต้องทำใจนะว่าความก้าวหน้าในหน้าที่การงานอาจไม่เหมือนเดิม ในความเป็นจริงบริษัทบางบริษัทมีเคพีไอที่ประเมินผลการทำงานของพนักงานตามตำแหน่งงานเอาไว้ ถ้าเราชัดเจนว่าเคพีไออาจต้องเปลี่ยนไป ก็อาจหมายความว่าความก้าวหน้าในงานเรา อาจไม่รุดหน้าเท่าที่ควรก็ได้

ถ้าแม่ตัดสินใจแล้วว่า จะยอมโทนดาวน์แล้วเอาพลังมาดูแลลูกให้มากขึ้น อันนี้ถือเป็นสิทธิส่วนตัวในการตัดสินใจของแม่เลย เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่เราไม่สามารถได้ทุกสิ่งที่เราอยากได้ อย่างน้องเราได้แฟร์กับตัวเอง และคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในงานเรา ผลจะเป็นยังไงก็สู้กันต่อไป หนักหน่อยนะแม่ทำงาน แต่ยังไงก็จะผ่านไปได้แน่นอน