3 สิ่งสำคัญ เตรียมพร้อมพาลูกไปหาหมอครั้งแรก

Enfa สรุปให้

• การพาลูกไปตรวจสุขภาพครั้งแรกหลังคลอด 1 เดือนเป็นเรื่องสำคัญและน่าตื่นเต้นสำหรับคุณพ่อคุณแม่. ควรเตรียมเอกสารสำคัญ เช่น ใบนัด สมุดสุขภาพ และบัตรประจำตัวต่าง ๆ ให้ครบถ้วน เตรียมอุปกรณ์จำเป็นสำหรับลูก เช่น ผ้าอ้อม ผ้าเปียก ขวดนม ผ้าห่ม เสื้อผ้าสำรอง และคาร์ซีท จัดกระเป๋าแยกของใช้ลูกให้สะดวกต่อการหยิบใช้ระหว่างเดินทางและรอคิว เตรียมคำถามเกี่ยวกับพฤติกรรมและสุขภาพของลูกเพื่อสอบถามคุณหมอ

เลือกอ่านตามหัวข้อ

• เอกสารสำคัญ
• อุปกรณ์สำหรับเด็ก
• เตรียมคำถาม

หลังจากที่ลูกน้อยของเราลืมตาดูโลกแล้ว ทริปแรกที่คุณแม่อย่างเราจะพาลูกน้อยออกนอกบ้าน น่าจะเป็นการพาไปพบแพทย์ครั้งแรก เพื่อตรวจสุขภาพเด็ก โดยส่วนใหญ่คุณหมอจะนัดตรวจครั้งแรก หลังคลอด 1 เดือน การตรวจสุขภาพเด็ก จะเป็นการตรวจเช็กอวัยวะต่าง ๆ อาการป่วย รวมทั้งพัฒนาการทางร่างกาย

การพาลูกไปตรวจสุขภาพครั้งแรก มันก็จะเป็นเรื่องที่ตื่นเต้นสำหรับคุณแม่ และคุณพ่อหน่อยค่ะ เพราะอาจจะเป็นการเดินทางออกจากบ้านครั้งแรกของเจ้าตัวน้อย แถมอาจจะใช้เวลาเดินทางนาน จากบ้านไปยังโรงพยาบาล ยังไม่รวมถึงการรอคิว การติดต่อต่าง ๆ ที่โรงพยาบาล งานนี้คุณแม่ต้องเตรียมพร้อมกันแล้วค่ะ แต่จะต้องเตรียมอะไรบ้างนะ? เอนฟาจะขอแนะนำคุณแม่เอง!

เอกสารสำคัญ

อันนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ห้ามลืมเด็ดขาดเลยค่ะ ทั้งใบนัด เอกสารประจำตัวของลูกน้อย และของคุณแม่ คุณพ่อ สมุดบันทึกสุขภาพต่าง ๆ แนะนำให้คุณแม่รวบรวมเอกสารของลูกที่ต้องใช้ รวมไว้ในแฟ้มเดียวกัน เพื่อสะดวกต่อการหา และพกพาค่ะ เพราะเราจะไม่ได้ใช้เอกสารพวกนี้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ยังมีการตรวจสุขภาพของลูกในครั้งต่อ ๆ ไปอีก ดังนั้นเก็บใส่แฟ้มรวมกันไว้จะดีกว่าค่ะ

อุปกรณ์สำหรับเด็ก

อุปกรณ์สำหรับเด็กในที่นี้ คือสิ่งที่คุณแม่ และลูกน้อยต้องใช้ระหว่างการเดินทางออกนอกบ้านค่ะ คุณแม่ลองดูว่า ในแต่ละวันลูกใช้อะไรขนาดนั้น แล้วคำนวณคร่าว ๆ ว่าเราต้องใช้อะไรขนาดไหน อุปกรณ์หลัก ๆ ที่ขาดไม่ได้เลย

• ผ้าอ้อม  ลองดูว่าลูกน้อยของเราใช้ผ้าอ้อมต่อวันกี่ชิ้น และบวกเพิ่มจำนวนชิ้นกันสำรองไว้ค่ะ
• ผ้าเปียก หรือกระดาษทิชชู่เปียก สำหรับทำความสะอาด เมื่อมีการเปลี่ยนผ้าอ้อม ควรเลือกชนิดที่ไม่ระคายเคืองกับผิว ปัจจุบันมีขนาดที่เหมาะสมต่อการพกพาสำหรับการเดินทางขายตามท้องตลาดมากมาย คุณแม่จะได้ไม่ต้องพกสัมภาระมากเกินไปค่ะ
• ผ้าคลุมให้นม หรือขวดนม หากคุณแม่ให้นมจากเต้า ควรเตรียมผ้าคลุมให้นมไปด้วย สำหรับการให้นมในพื้นที่สาธารณะ หรือหากลูกใช้ขวดนม ควรเตรียมขวดไปให้เพียงพอต่อความต้องการ
• ผ้าห่ม และเสื้อผ้า อากาศในโรงพยาบาลอาจจะมีอุณหภูมิที่เย็น การพกผ้าห่มขนาดพอดีกับร่างกายของลูก จะช่วยเพิ่มความอบอุ่นได้มากขึ้น นอกจากนี้ การเตรียมเสื้อผ้าสำรองไปอีกชุดก็เป็นสิ่งที่ดี เผื่อในกรณีที่ เสื้อผ้าของลูกเลอะ หรือเปียก จะได้เปลี่ยนได้ทันที
• รถเข็นเด็ก และคาร์ซีท หากเดินทางโดยสารด้วยรถยนต์ส่วนตัว ควรใช้คาร์ซีทสำหรับเด็กทารกในการเดินทาง โดยคาร์ซีทสำหรับทารกนั้น มักจะสามารถถือพกพาได้ ซึ่งสามารถใช้แทนรถเข็นเด็กได้เช่นกัน หากคุณแม่ต้องการใช้รถเข็นเด็กเพิ่มเติม หรือใช้แทนการอุ้ม ควรเลือกรถเข็นที่สามารถพับเก็บได้ เพื่อสะดวกต่อการเดินทาง และการพกพา

นอกจากนี้ ยังรวมถึงอุปกรณ์อื่น ๆ ที่คุณแม่เห็นว่าสำคัญและต้องการใช้ อุปกรณ์ชิ้นเล็ก ๆ แนะนำให้คุณแม่แยกข้าวของเครื่องใช้สำหรับลูกน้อยลงกระเป๋าอีกใบ เพื่อสะดวกต่อการใช้ค่ะ

เตรียมคำถาม

คำถามต่าง ๆ ที่คุณแม่สงสัย สามารถสอบถามกับคุณหมอได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขับถ่าย การให้นม เรื่องสุขภาพอื่น ๆ นอกจากนี้ คุณหมอจะสอบถามอาการของลูกน้อยในช่วงที่ผ่าน เช่น มีปัญหาในการนอนหลับไหม หรือใช้เวลาในการนอนหลับนานขนาดไหน การขับข่ายเป็นอย่างไร การกินเป็นอย่างไร เป็นต้น คุณแม่ควรตอบคำถามให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ เพราะคุณหมอจะได้ประเมินสุขภาพของลูกน้อย และให้คำแนะนำได้ถูกต้องค่ะ

เก็บลิสต์เหล่านี้กันไว้ได้เลยนะคะ รับรองว่าทุก ๆ การไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพของเจ้าตัวเล็ก จะไม่มีปัญหาอีกต่อไป

MFGM สารอาหารในนมแม่ เพื่อ IQ ที่เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ขวบปีแรก

คุณพ่อคุณแม่รู้ไหมคะว่า เด็กจะมีพัฒนาการ IQ และ EQ ที่ก้าวล้ำตั้งแต่ยังเล็กได้นั้น นอกจากการฝึกฝน เลี้ยงดู และอบรมสั่งสอนแล้ว การใส่ใจกับโภชนาการตั้งแต่ลูกยังเล็ก โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีแรกของชีวิตนั้น ถือว่าเป็นการปูพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งจะช่วยให้ลูกพร้อมเติบโตมาเป็นเด็กที่ทั้งฉลาดทางความคิดและฉลาดทางอารมณ์

โดยโภชนาการที่สำคัญที่ลูกน้อยควรได้รับก็คือนมแม่ เพราะในนมแม่มีสารอาหารอย่าง MFGM หรือเยื่อหุ้มอนุภาคไขมันในนมแม่ ประกอบด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด อย่างสฟิงโกไมอิลีน ฟอสโฟลิปิด แกงกลิโอไซต์ ซึ่งเป็นกลุ่มสารอาหารที่มีส่วนช่วยสำคัญต่อการเสริมพัฒนาการเรียนรู้และจดจำ เพื่อ IQ ที่เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ขวบปีแรก

อ้างอิง

• https://bit.ly/3wmOwue