Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
ท้องผูกเป็นปัญหาที่หลายคนไม่อยากเจอ เพราะนอกจากทำให้ไม่สบายตัวไม่สบายท้องแล้ว อาการท้องผูกอาจนำไปสู่โรคอื่น ๆ ได้อีกด้วย คุณแม่ให้นมลูกจึงควรรับประทานอาหารช่วยในการขับถ่าย หนึ่งในนั้นคือ “น้ำลูกพรุน” ซึ่งเป็นที่นิยมและใช้ได้ทุกเพศวัย ในบทความนี้ Enfa จะพาคุณแม่มารู้จักน้ำลูกพรุนให้มากขึ้น พร้อมทั้งไขข้อสงสัยว่า น้ำลูกพรุนแก้ท้องผูกเด็กได้ไหม และควรกินน้ำลูกพรุนอย่างไร มาหาคำตอบกันค่ะ
น้ำลูกพรุนได้รับการรับรองจากงานวิจัยทางการแพทย์หลายชิ้นว่าเป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาท้องผูก โดยเฉพาะในผู้ใหญ่และเด็กที่มีอายุมากกว่า 1 ปี งานวิจัยพบว่า น้ำลูกพรุนมีสารสำคัญอย่างไฟเบอร์และโซรบิทอล ที่ช่วยเพิ่มความชื้นในลำไส้และทำให้การขับถ่ายง่ายขึ้น
โดยการวิจัยจาก Tufts Health & Nutrition Letter พบว่า การบริโภคน้ำลูกพรุนในปริมาณ 100 กรัม (ประมาณ ⅔ ถ้วย) ต่อวัน สามารถช่วยเพิ่มความถี่ในการขับถ่าย และทำให้การขับถ่ายมีคุณภาพดีขึ้น คือ ถ่ายง่ายขึ้น ไม่ต้องเบ่งถ่าย นอกจากนี้ ยังมีผลการศึกษาอื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นว่า การดื่มน้ำลูกพรุนทุกวัน วันละประมาณ 30 มิลลิลิตร จะช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้ภายในสามสัปดาห์ด้วย
ถึงแม้ว่าจะมีงานวิจัยสนับสนุนว่า น้ำลูกพรุนแก้ท้องผูกได้ แต่การใช้น้ำลูกพรุนบรรเทาอาการท้องผูกในคุณแม่ตั้งครรภ์และเด็กเล็ก ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ รวมถึงศึกษาข้อมูลและผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
น้ำลูกพรุนแก้ท้องผูกในเด็กได้แต่ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง เช่น ท้องเสีย เช่น เด็กที่มีอายุมากกว่า 1 ปี ควรดื่มน้ำลูกพรุน 30-60 มิลลิลิตรต่อวัน แต่ในทารกอายุน้อยกว่า 6 เดือน ไม่แนะนำให้ดื่มน้ำลูกพรุนเนื่องจากระบบย่อยอาหารของทารกยังไม่พร้อมสำหรับการย่อยอาหารที่ซับซ้อน
อีกทั้งเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือนยังมีการขับถ่ายไม่เป็นรูปแบบตายตัวมากนักเนื่องจากยังกินนมเป็นอาหารหลัก โดยเฉพาะทารกนมแม่มักมีการขับถ่ายดีอยู่แล้วเนื่องจากนมแม่ย่อยง่าย จึงไม่ค่อยพบปัญหาท้องผูกในเด็กวัยนี้
สำหรับเด็กอายุมากกว่า 6 เดือน การแก้ปัญหาท้องผูกด้วยการกินน้ำลูกพรุน ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ และใช้ด้วยความระมัดระวัง
สำหรับทารกที่อายุน้อยกว่า 6 เดือนนั้นยังไม่แนะนำให้ดื่มน้ำลูกพรุน เพราะระบบย่อยอาหารของทารกยังพัฒนาไม่เต็มที่ ทำให้ยังไม่สามารถย่อยน้ำลูกพรุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ทารกที่มีอายุน้อยกว่า 6 เดือนยังกินนมแม่เป็นอาหารหลัก จึงมักไม่พบอาการท้องผูกหรือปัญหาระบบขับถ่าย เนื่องจากนมแม่ย่อยง่าย อาหารที่ช่วยให้ลูกน้อยขับถ่ายได้ดีจึงเป็นโภชนาการผ่านนมแม่ หรือมาจากอาหารที่คุณแม่รับประทานนั่นเอง
สำหรับทารกที่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไปซึ่งเริ่มรับประทานอาหารเสริมได้แล้ว หากทารกวัยนี้มีปัญหาท้องผูก ถ่ายยาก อาจให้ดื่มน้ำลูกพรุนในปริมาณเล็กน้อย เช่น 1-2 ช้อนชาผสมกับน้ำอุ่น และควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
หากลูกน้อยวัย 1 ขวบมีปัญหาท้องผูก ถ่ายยาก คุณแม่สามารถให้น้ำลูกพรุนสำหรับเด็ก 1 ขวบได้ โดยควรให้ในปริมาณที่พอเหมาะ เช่น 30-60 มิลลิลิตรต่อวัน หรือผสมน้ำลูกพรุนกับน้ำอุ่นให้ดื่มในปริมาณเล็กน้อยก่อน น้ำลูกพรุนช่วยบรรเทาท้องผูกในเด็กได้เนื่องจากมีไฟเบอร์และสารโซรบิทอลที่ช่วยในการย่อยและขับถ่าย จะช่วยให้ลูกน้อยถ่ายได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ ควรระวังไม่ให้ดื่มมากเกินไปเพราะอาจทำให้ท้องเสีย และสังเกตอาการลูกน้อยหลังดื่มน้ำลูกพรุนทุกครั้ง
สำหรับเด็ก 6 เดือนที่มีปัญหาเรื่องท้องผูก คุณแม่สามารถให้น้ำลูกพรุนสำหรับทารก 6 เดือนได้ แต่ต้องระมัดระวังและให้ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ท้องเสีย
โดยน้ำลูกพรุนเด็ก 6 เดือนนั้นควรให้ในปริมาณน้อย เช่น 1-2 ช้อนชา หรือประมาณ 5-10 มิลลิลิตร ผสมน้ำอุ่นให้ดื่ม หรือผสมในอาหารเสริมประเภทบดละเอียด เนื่องจากทารกวัยนี้อยู่ในช่วงเริ่มต้นการรับประทานอาหารเสริมนอกเหนือจากนมแม่ จึงอาจพบปัญหาการย่อยยาก ท้องผูกได้
แต่หากทารกมีการขับถ่ายผิดปกติ มีการถ่ายอุจจาระปนเลือด มีสีหรือกลิ่นผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะอาจเกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น ความผิดปกติในลำไส้
ทารก 3 เดือนควรได้รับนมแม่เป็นอาหารหลัก หรือนมผงสูตรที่เหมาะสมกับช่วงวัย โดยทารก 3 เดือนนั้นยังไม่สามารถย่อยอาหารที่ซับซ้อนได้ เนื่องจากระบบย่อยอาหารยังพัฒนาไม่เต็มที่ การดื่มน้ำลูกพรุนหรือเครื่องดื่มอื่นอาจกระตุ้นให้เกิดอาการท้องเสีย หรือระคายเคืองในระบบย่อยอาหาร จึงไม่ควรให้น้ำลูกพรุนสำหรับทารก 3 เดือน
หากคุณแม่พบปัญหาทารก 3 เดือนมีอาการท้องผูก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสม นอกจากนี้คุณแม่ยังควรเลือกรับประทานอาหารที่มีกากใย มีประโยชน์ได้รับโภชนาการทางอาหารครบ 5 หมู่ เพื่อส่งต่อโภชนาการที่ดีสู่ลูกน้อยผ่านนมแม่ด้วย
น้ำลูกพรุนสำหรับทารกสามารถช่วยบรรเทาท้องผูกได้ แนะนำให้ทารกอายุ 6 เดือนขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถดื่มน้ำลูกพรุนได้ โดยผสมน้ำอุ่นให้ดื่มในปริมาณน้อย หรือผสมกับอาหารบดละเอียดที่เหมาะสำหรับทารก เช่น 1-2 ช้อนชา โดยผสมน้ำในอัตราส่วน 1:1 เป็นต้น
ในส่วนของผลิตภัณฑ์น้ำลูกพรุนสำหรับทารกนั้น ควรเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากลูกพรุนออร์แกนิก ซึ่งมีทั้งแบบอาหารสำเร็จรูปและน้ำผลไม้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาลหรือสารกันบูด เพื่อความปลอดภัยของทารก
ทั้งนี้ คุณแม่ต้องไม่ลืมว่า การแก้ปัญหาท้องผูกหรือปัญหาการขับถ่ายของลูกน้อยด้วยน้ำลูกพรุนนั้นเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ สิ่งที่ดีสุดสำหรับการแก้ปัญหานี้คือการป้องกันไม่ให้ลูกน้อยมีอาการท้องผูก โดยทารกควรได้รับโภชนาการที่ดีผ่านนมแม่ หรือได้รับสารอาหารที่ดีจากนมสูตรที่เหมาะสมกับช่วงวัย และควรปรึกษาแพทย์หากทารกมีปัญหาท้องผูกเรื้อรัง
น้ำลูกพรุนนอกจากมีประโยชน์เรื่องการบรรเทาอาการท้องผูกแล้ว ยังมีสรรพคุณอีกหลายด้าน เนื่องจากน้ำลูกพรุนมีไฟเบอร์ช่วยในการย่อยอาหารและบรรเทาท้องผูก มีโซรบิทอลซึ่งคือสารที่ช่วยให้การขับถ่ายเป็นไปอย่างราบรื่น เนื่องจากช่วยเพิ่มความชื้นในลำไส้ และยังมีวิตามิน A, K, และวิตามิน C รวมทั้งแร่ธาตุอย่างโพแทสเซียมและแคลเซียม ซึ่งช่วยในการบำรุงกระดูกและเสริมระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบ
ถึงแม้ว่าน้ำลูกพรุนจะมีสรรพคุณมากมาย แต่ควรดื่มน้ำลูกพรุนในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ประโยชน์ครบถ้วน และควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ควบคู่ไปด้วย
สามารถดื่มน้ำลูกพรุนทุกวันได้ แต่ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม การดื่มน้ำลูกพรุนในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องเสียหรือท้องอืดได้ ทั้งนี้การแก้ปัญหาการขับถ่ายไม่ใช่การดื่มน้ำลูกพรุนเพียงอย่างเดียว แต่ควรรับประทานอาหารที่มีกากใยช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายด้วย
น้ำลูกพรุนช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้โดยสามารถรับประทาณได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยการทานน้ำลูกพรุนในเด็กแนะนำสำหรับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไปเท่านั้น โดยมีวิธีทานน้ำลูกพรุนสำหรับช่วงวัยต่าง ๆ ดังนี้
ทารกที่เริ่มรับอาหารเสริมสามารถดื่มน้ำลูกพรุนได้ในปริมาณเล็กน้อย เช่น 1-2 ช้อนชา (ประมาณ 5-10 มิลลิลิตร) โดยผสมน้ำอุ่นหรือผสมกับอาหารบดละเอียดเพื่อบรรเทาท้องผูก และควรเริ่มให้ทานในปริมาณน้อยและสังเกตอาการหลังการดื่ม เช่น มีอาการท้องเสีย หรือท้องอืดหรือไม่
เด็กอายุ 1 ปีขึ้นไปที่มีอาการท้องผูกสามารถดื่มน้ำลูกพรุนได้ในปริมาณ 30-60 มิลลิลิตรต่อวัน เพื่อช่วยในการขับถ่าย โดยควรให้ดื่มน้ำลูกพรุนในตอนเช้าหรือหลังมื้ออาหารเล็กน้อย อาจผสมกับน้ำอุ่นหรือทานเป็นเครื่องดื่มเสริมพร้อมอาหารก็ได้
ผู้ใหญ่สามารถดื่มน้ำลูกพรุนได้ 30-120 มิลลิลิตรต่อวัน หรือตามคำแนะนำที่ฉลากโภชนาการ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปัญหาท้องผูกด้วย โดยควรดื่มน้ำลูกพรุนในตอนเช้าหรือก่อนนอน เพื่อช่วยกระตุ้นการขับถ่ายในตอนเช้า และควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้การย่อยและการดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ น้ำลูกพรุนเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ในการบรรเทาท้องผูก แต่ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสมและคำนึงถึงสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย และต้องไม่ลืมว่าการรับประทานอาหารที่มีกากใยสูงและดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอจะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น
น้ำลูกพรุนควรทานตอนหลังมื้อเช้า หรือก่อนนอน เพื่อกระตุ้นการขับถ่ายในตอนเช้า หากเป็นทารกหรือเด็กเล็กควรทานหลังอาหารมื้อหลัก เพื่อช่วยเพิ่มการดูดซึมอาหาร
ในช่วงให้นมแม่ ลูกน้อยมักจะย่อยนมแม่ได้ดี ไม่ค่อยมีปัญหางอแง ร้องกวน จากอาการท้องอืด แหวะนม นั่นก็เพราะในนมแม่มีโปรตีนขนาดเล็กที่ย่อยง่าย ซึ่งดีกับระบบย่อยอาหารของเด็กเล็ก อีกทั้งนมแม่ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นสำหรับพัฒนาการสมอง
แต่เมื่อลูกน้อยเข้าสู่วัยที่ต้องหย่านมและเริ่มปรับเปลี่ยนไปกินอาหารตามวัยมากขึ้น ก็อาจทำให้ลูกน้อยมีอาการท้องอืด ท้องผูก แหวะนม หรือร้องกวนได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากระบบย่อยอาหารของเด็กเล็กยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์เหมือนกับของผู้ใหญ่ และยังต้องการเวลาปรับตัวให้คุ้นชินกับอาหารชนิดใหม่
เพื่อป้องกันอาการไม่สบายท้องต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงหลังหย่านม คุณแม่ควรมองหา “ทางเลือกในการเปลี่ยนที่ดีที่สุด” คุณแม่อาจมองหาโภชนาการที่ย่อยง่ายทีมี PHP หรือโปรตีนขนาดเล็กที่ย่อยมาแล้วบางส่วน ทำให้ย่อยและดูดซึมง่าย ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ลดอาการไม่สบายท้อง ควบคู่ไปกับสุดยอดสารอาหารสมองอย่าง MFGM ที่พบในนมแม่ ซึ่งประกอบไปด้วยโปรตีนและไขมันที่จำเป็นกว่า 150 ชนิด ได้แก่ เช่น สฟิงโกไมอีลิน ฟอสโฟลิปิด และแกงกลิโอไซด์ ก็จะช่วยให้ลูกน้อยผ่านช่วงหย่านมได้อย่างราบรื่น สบายท้องและเรียนรู้ไม่สะดุด
Enfa สรุปให้ โจ๊กเด็ก เป็นอาหารเสริมยอดนิยมสำหรับทารก เพราะเนื้อเนียนนุ่ม กลืนง่าย ย่อยง่าย สามา...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ผลไม้เด็ก 6 เดือน ควรเริ่มจากผลไม้ที่เนื้อนิ่ม ย่อยง่าย และมีโอกาสแพ้ต่ำ เช่น กล้วย...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ เด็กกินข้าวกี่เดือนกันนะ? เด็กควรเริ่มกินอาหารตามวัยเมื่ออายุ 6 เดือนขึ้นไป เพื่อให...
อ่านต่อ