นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เอนฟาสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนไปจนถึง 2 ปี หรือนานกว่าตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

เมื่อพ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน จิตวิทยา ครอบครัวที่ควรเอาใจใส่

Enfa สรุปให้

  • พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยหลากหลาย ตั้งแต่บุคลิกของลูกแต่ละคน สิ่งแวดล้อม ไปจนถึงประสบการณ์ในอดีตของพ่อแม่เอง แม้คนเป็นพ่อเป็นแม่จะรักลูกทุกคน แต่ระดับความสนิทหรือความเอาใจใส่อาจมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคล
  • แม่รักลูกไม่เท่ากัน แม้ว่าความรู้สึกในการแสดงออกกับลูกแต่ละคนไม่เท่ากันจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่การแสดงออกถึงความรู้สึกต่อลูกแต่ละคนต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญ
  • พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน จิตวิทยา อาจส่งผลต่อบุคลิกและอารมณ์ของเด็กในระยะยาว ทั้งระดับความมั่นคงทางอารมณ์ การเข้าสังคม และความสัมพันธ์พี่น้อง ควรรีบปรับปรุงเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

การเลี้ยงลูก เป็นภารกิจที่เต็มไปด้วยความรักความทุ่มเท ยิ่งในครอบครัวที่มีลูกหลายคนยิ่งต้องใช้พลังความรักความเอาใจใส่จากคุณพ่อคุณแม่มากเป็นพิเศษ แต่ในหลายครอบครัว ก็อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดเหตุการณ์พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน 

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เช่น ลูกคนโตดูแลตัวเองได้เก่ง เลยถูกละเลยความต้องการทางอารมณ์ บางบ้านลูกคนกลางรู้สึกไม่ได้รับความสนใจเท่าพี่หรือน้อง หรือลูกคนเล็กมักได้รับการเอาใจเป็นพิเศษ ทำให้พี่คนโตอิจฉา เป็นต้น สิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นในทุกรูปแบบของครอบครัว และมักนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งในความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง หรือแม้แต่ผลกระทบต่อความมั่นใจของลูกได้ในระยะยาว

บางครั้งพ่อแม่อาจไม่รู้ตัวว่ากำลังทำให้เกิดการรักลูกไม่เท่ากัน กว่าจะสังเกตได้ก็เมื่อลูกโตขึ้นแล้วพูดเปรยว่า “แม่รักแต่พี่ ไม่สนใจหนูเลย” หรือ “ทำไมพ่อเอาใจแต่น้อง” ซึ่งอาจเกิดปมในใจพัฒนาเป็นปัญหาพฤติกรรมในอนาคตได้ ความรักความเอาใจใส่ลูกๆ จึงเป็นประเด็นสำคัญที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้ลูกๆ ทุกคนได้รับความรักและการพัฒนาศักยภาพได้อย่างเต็มที่ 


พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน เพราะอะไร

การที่พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน เพราะอะไร อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยหลากหลาย ตั้งแต่บุคลิกของลูกแต่ละคน สิ่งแวดล้อม ไปจนถึงประสบการณ์ในอดีตของพ่อแม่เอง แม้คนเป็นพ่อเป็นแม่จะรักลูกทุกคน แต่ระดับ “ความสนิท” หรือ “ความเอาใจใส่” บางทีก็เกิดความลำเอียงได้โดยไม่เจตนากลายเป็น พ่อ หรือ แม่รักลูกไม่เท่ากัน ในที่สุด โดยสามารถแยกรายละเอียดได้ ดังนี้ 

ความแตกต่างของบุคลิกและลักษณะลูก

  • ลูกคนโต: อาจมีบทบาทเป็นผู้ช่วยดูแลน้อง บางทีจึงถูกคาดหวังว่าต้อง “เก่ง” “ทำได้” เหมือนผู้ใหญ่ย่อม ๆ จนพ่อแม่ลืมให้ความชื่นชม
  • ลูกคนกลาง: มักเจอปัญหาการถูกลืม ไม่โดดเด่นเหมือนคนโตหรือคนเล็ก พ่อแม่อาจเอาใจคนเล็กมากกว่า หวังให้คนโตเป็นตัวอย่าง
  • ลูกคนเล็ก: ได้รับการเอาใจเป็นพิเศษ เพราะถูกมองว่า “เป็นเด็กตลอด” หรือ “ต้องดูแลเป็นพิเศษ” ทำให้พี่คนอื่นรู้สึกน้อยใจ

บางครอบครัว แม่รักลูกคนเล็กมากกว่าเพราะเห็นว่ายังอ่อนแอ หรือรักลูกคนโตเพราะเขาต้องการความช่วยเหลือน้อย เลยให้สิทธิพิเศษอื่น แทนที่จะเป็นความรักเท่าเทียม

ลักษณะนิสัยของพ่อแม่เอง

  • พ่อแม่มีสไตล์เลี้ยงดูต่างกัน: เช่น แม่อาจอ่อนโยน เอาใจใส่รายละเอียดเล็กน้อย พ่ออาจเข้มงวดแต่ไม่เน้นอารมณ์ ทำให้ลูกบางคนเข้ากับแม่ง่ายกว่า อีกคนเข้ากับพ่อง่ายกว่า
  • อดีตที่ค้างคาใจ: บางครั้งพ่อแม่เคยมีประสบการณ์เลวร้าย เช่น เคยถูกพ่อแม่ตัวเองลำเอียงหรือเคยเสียลูกไป จึงเก็บกดจนมาระบายความคาดหวังลงกับลูกคนหนึ่งเป็นพิเศษ

สถานการณ์ทางชีวิต

  • ลูกบางคนมีปัญหาสุขภาพ: พ่อแม่ทุ่มความสนใจให้ลูกที่ป่วยมากกว่า จนลูกคนอื่นรู้สึกขาดความรัก
  • ลูกบางคนมีพรสวรรค์โดดเด่น: พ่อแม่อาจตามใจเพราะหวังผลในอนาคต เช่น เป็นนักกีฬาเก่ง หรือนักดนตรี จึงได้สิทธิพิเศษเหนือพี่น้อง
  • ปัญหาเศรษฐกิจและเวลาทำงาน: หากพ่อแม่ทำงานหนัก อาจมีเวลาน้อย บางครั้งกลับบ้านก็เจอลูกคนเดียว ที่อาจนอนดึกกว่าหรือตื่นสายกว่า จนทำให้สนิทกับคนนั้นพิเศษ

ความไม่ตั้งใจให้เกิดความลำเอียง

  • พ่อแม่ส่วนใหญ่มักไม่มีเจตนาจะรักลูกไม่เท่ากัน แต่เกิดจากปัจจัยสะสม เช่น เห็นว่าคนหนึ่งต้องการดูแลมากกว่า หรือตัวเองเข้ากับนิสัยลูกอีกคนหนึ่งได้ดีกว่า
  • บางครั้ง พ่อแม่อาจไม่รู้ตัวว่ากำลังปฏิบัติสองมาตรฐาน จนกระทั่งลูกคนที่ “ถูกลืม” แสดงออกหรือบ่นถึงความไม่ยุติธรรม

เมื่อความรักเป็นสิ่งที่ห้ามกันไม่ได้ ความรู้สึกในการแสดงออกกับลูกแต่ละคนไม่เท่ากันจึงมีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่หากคุณเป็นพ่อแม่ที่มีลูกมากกว่า 1 คน การระวังในแสดงออกถึงความรู้สึกต่อลูกแต่ละคนต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญ พ่อแม่ไม่อาจรักลูกได้เท่ากัน แต่สามารถแสดงออก และทำหน้าที่ของ พ่อแม่ ต่อลูกทุกคนอย่างเท่าเทียมกันได้

 

พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน จิตวิทยา อธิบายผลกระทบต่อเด็กไว้อย่างไร

แน่นอนว่าการ “แม่รักลูกไม่เท่ากัน” หรือ “พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน” ย่อมกระทบต่อจิตใจเด็ก แต่ผลจะรุนแรงหรือน้อยขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย บวกกับบุคลิกของเด็กแต่ละคน ในแง่จิตวิทยาและการเลี้ยงดูมีคำอธิบายอยู่หลากหลาย พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน จิตวิทยา อธิบายผลกระทบต่อเด็กไว้ ดังนี้ 

ทฤษฎีการผูกพัน (Attachment Theory)
John Bowlby นักจิตวิทยาชาวอังกฤษ ได้คิดค้น ‘ทฤษฎีความผูกพัน’ (Attachment theory) ขึ้นโดย ให้ความเห็นว่า สายสัมพันธ์ระหว่างลูกกับพ่อแม่ จะมีผลกระทบต่อลูกในระยะยาว คือ เด็กทุกคนต้องการความรู้สึกปลอดภัย (Secure Base) จากพ่อแม่ หากเด็กคนใดรู้สึกว่าไม่ได้รับความรักเท่าพี่น้อง อาจทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจ (Insecure Attachment) 

ความไม่มั่นคงนี้อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ในอนาคตของเด็ก เช่น ความยากลำบากในการสร้างมิตรภาพ หรือความไม่เชื่อใจในผู้อื่น

ทฤษฎีเปรียบเทียบทางสังคม (Social Comparison Theory)
การเปรียบเทียบทางสังคม หมายถึง การที่บุคคลเปรียบเทียบตนเองกับบุคคลอื่นเพราะต้องการข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง สภาพแวดล้อม เพื่อประเมินคุณภาพ ประสิทธิภาพของตนเอง และเป็นการตั้งเป้าหมายส่วนตัว ซึ่งในสถานการณ์นี้ เด็กมีแนวโน้มเปรียบเทียบตัวเองกับพี่น้อง เช่น ทำไมพ่อแม่เอาใจอีกคนมากกว่าหนู ทำไมพี่ได้นั่นได้นี่หนูกลับไม่ได้ 

หากการเปรียบเทียบพบว่า “ฉันด้อยค่า” “ฉันไม่เป็นที่รัก” อาจทำให้เกิดปมด้อย ขาดความมั่นใจ หรือกระตุ้นพฤติกรรมต่อต้าน เช่น ก้าวร้าวหรือเก็บตัว

ผลกระทบต่อสุขภาพจิต

  • ความหึงหวงและอิจฉา: เด็กอาจรู้สึกอิจฉาพี่หรือน้องที่ได้รับความสนใจมากกว่า ก่อความขัดแย้งระหว่างพี่น้อง
  • ความน้อยใจและเสี่ยงซึมเศร้า: ถ้ารู้สึกถูกละเลยนาน ๆ อาจเกิดภาวะซึมเศร้า ความนับถือตนเองต่ำ (Low Self-Esteem)
  • ย้ำคิดย้ำทำ และพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจ: บางคนอาจกลายเป็นเด็กเรียกร้องความสนใจ ด้วยการทำผิดกฎ หรือเกเร เพื่อให้พ่อแม่สนใจ

ผลต่อความสัมพันธ์ระยะยาวในครอบครัว
เมื่อโตขึ้น ลูกที่ถูกลำเอียงอาจห่างเหินกับพ่อแม่ หรือมีความสัมพันธ์ไม่ดีต่อพี่น้อง ในทางกลับกัน ลูกที่ถูกตามใจมากอาจกลายเป็นคนมีปัญหาด้านการปรับตัว และคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลาง (Self-Centered)

แนวทางแก้ไขเชิงจิตวิทยา

  • ตระหนักรู้: พ่อแม่ควรยอมรับว่าตนเองอาจมีความเอนเอียงและหาทางปรับปรุง
  • สร้างโอกาสให้ลูกทุกคนได้แสดงออก: มอบหน้าที่และความรับผิดชอบเท่าเทียมกันตามวัย ไม่เน้น “คนนี้เก่งกว่า” จนอีกคนถูกมองข้าม
  • เพิ่มกิจกรรมครอบครัวร่วมกัน: เพื่อสร้างบรรยากาศที่ทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วม
  • จัดการอารมณ์: ถ้าพ่อแม่เครียดหรือมีปัญหาความสัมพันธ์ ให้หาวิธีผ่อนคลายหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนพฤติกรรมลบจะแผ่ไปถึงลูก

ในมุมจิตวิทยา ภาวะ พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน อาจส่งผลต่อบุคลิกและอารมณ์ของเด็กในระยะยาว ทั้งระดับความมั่นคงทางอารมณ์ การเข้าสังคม และความสัมพันธ์พี่น้อง ควรรีบปรับปรุงเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต

 

แม่รักลูกไม่เท่ากัน เมื่อรู้ตัวแล้ว เริ่มแก้ไขยังไงดี

เมื่อคุณแม่หรือพ่อสังเกตว่า “เฮ้ย เราอาจจะลำเอียง” หรือ “ดูรักลูกคนเล็กมากกว่าคนโต” จะต้องแก้ไขยังไงดี? อย่าลืมว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือสายเกินไป ความรักที่ไม่เท่ากันเป็นเรื่องเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ แต่เมื่อพ่อแม่รักลูกไม่เท่ากันแล้วรู้ตัวเอง การที่พ่อแม่ใส่ใจและพร้อมปรับตัว ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะเสริมสร้างสุขภาพจิตของลูกทุกคน โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีเหล่านี้

1. สำรวจตัวเองและยอมรับความเป็นจริง

  • ยอมรับว่ามีความลำเอียง: ตระหนักว่าลูกแต่ละคนอาจมีจุดเด่นจุดด้อยต่างกัน เราอาจเข้ากับลูกคนหนึ่งได้ดีกว่า แต่ไม่ควรปล่อยให้ความลำเอียงนี้ฝังลึกจนลูกอีกคนเจ็บปวด
  • เขียนบันทึกพฤติกรรม: ลองบันทึกว่าเราให้เวลากับลูกคนไหนมากกว่ากัน? ตำหนิลูกคนไหนบ่อยกว่า? มีวิธีปฏิบัติต่อคนไหนต่างกันหรือไม่

2. สื่อสารกับลูกทุกคนอย่างเท่าเทียม

  • ให้เวลากับลูกแต่ละคนพอ ๆ กัน: ลองจัดตาราง เช่น ทุกเย็นวันจันทร์เป็นวันของลูกคนโตได้มีเวลา 1 ต่อ 1 วันพุธเป็นคนน้อง เป็นต้น
  • ฟังลูกอย่างตั้งใจ: ให้ลูกแต่ละคนได้พูดถึงความต้องการ ความสนใจ โดยไม่เปรียบเทียบกับพี่หรือน้อง

3. หาวิธีแสดงความรักที่เหมาะกับลูกแต่ละคน
บางคนชอบกอด ชอบสัมผัส บางคนชอบคำชมเชิงบวก บางคนชอบการใช้เวลาด้วยกัน การทำกิจกรรม รวมถึงให้เขารู้ว่าทุกคนสำคัญเท่ากัน ระวังไม่พูดเปรียบเทียบเชิงลบ เช่น “ทำไมไม่เก่งเหมือนพี่” หรือ “ทำไมทำไม่ได้อย่างน้อง”

4. จัดสรรหน้าที่และผลตอบแทนอย่างยุติธรรม
หากให้ลูกคนหนึ่งช่วยงานบ้านมากกว่า ต้องมีเหตุผลชัดเจน เช่น อายุเยอะกว่า ความสามารถเหมาะสม แต่ก็ควรให้รางวัลหรือคำชมในระดับที่เหมาะสมด้วย เด็กคนไหนเล็กกว่าย่อมต้องการความช่วยเหลือเพิ่ม แต่ไม่ใช่เอาใจเกินเหตุ จนคนโตคิดว่า “แม่รักลูกไม่เท่ากัน”

5. ปรับแนวคิดเรื่อง “ความเท่าเทียม” กับ “ความยุติธรรม”
บางครั้ง “ความเท่าเทียม” (เหมือนเป๊ะทุกอย่าง) อาจไม่ใช่ “ความยุติธรรม” ถ้าลูกคนหนึ่งต้องการพิเศษเพราะป่วยหรือมีความต้องการพิเศษ ก็ต้องช่วยตามจำเป็น แต่ก็ต้องอธิบายให้ลูกคนอื่นเข้าใจ ใช้ภาษาอธิบายเหตุผลแก่ลูก เช่น “แม่ไม่ได้รักพี่น้อยกว่า แต่น้องยังเล็ก ต้องป้อนข้าว… พี่ดูแลตัวเองได้เก่งแล้ว”

6. ขอความช่วยเหลือหากจำเป็น
หากปัญหาลึกถึงขั้นเกิดความขัดแย้งในบ้าน รุนแรง ให้ปรึกษานักจิตวิทยาเด็กหรือครอบครัว หรือผู้ใหญ่ในครอบครัวขยาย เช่น ปู่ย่าตายาย อาจช่วยบาลานซ์ถ้าแม่คนเดียวไม่สามารถแบ่งเวลากับลูกหลายคนได้เท่ากัน

เมื่อตระหนักว่า แม่รักลูกไม่เท่ากัน หรือ พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน สามารถแก้ไขได้โดยเริ่มจากการยอมรับความลำเอียงที่เกิดขึ้น ปรับวิธีดูแล และสื่อสารอย่างเปิดกว้าง สร้างบรรยากาศที่ลูกทุกคนรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่รักและมีคุณค่า


  • amarinbabyandkids. เปิดเหตุผล!! พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน งานวิจัยชี้จากสิ่งนี้นี่เอง. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.amarinbabyandkids.com/parenting/parenting-tips/parental-favoritism/. [4 กุมภาพันธ์ 2568]
  • aboutmom.co. เลี้ยงลูกแบบผูกพัน (Attachment Parenting) กำหนดนิสัยลูกได้จริงเหรอ?. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://aboutmom.co/features/attachment-parenting/32295/. [4 กุมภาพันธ์ 2568]
  • คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. Social comparison – การเปรียบเทียบทางสังคม. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.psy.chula.ac.th/th/feature-articles/social-comparison/. [4 กุมภาพันธ์ 2568]
  • thepotential. ไม่ต้องรักลูกทุกคนเท่ากันก็ได้ แต่อย่าใจร้ายกับลูกคนไหนเลย. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://thepotential.org/family/dear-parents2/. [4 กุมภาพันธ์ 2568]
  • trueplookpanya. พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน เมื่อฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่ "คนโปรด" ของพ่อแม่. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.trueplookpanya.com/plookfriends/blog/content/detail/84793/. [4 กุมภาพันธ์ 2568]

 

โปรดอ่านข้อมูลเบื้องต้น และคลิก

“เข้าสู่เว็บไซต์”

เพื่อดำเนินการต่อ

Line TH
Shopee TH Lazada TH Join Enfamama