Enfa สรุปให้

  • นมน้ำเหลือง (Colostrum Milk) คือ น้ำนมในระยะแรกที่จะไหลออกมาแค่เพียง 1-3 วันแรกหลังคลอดเท่านั้น โดยน้ำนมเหลืองนี้จะมีสีเหลืองเข้มหรือสีออกส้ม คล้ายกับสีของไข่แดง

  • น้ำนมเหลืองเริ่มผลิตขึ้นในช่วงระยะแรกของไตรมาสที่สอง ซึ่งบางครั้งอาจพบว่าในคุณแม่บางคนเริ่มมีน้ำนมเหลืองไหลออกมาในช่วงที่กำลังตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 3

  • น้ำนมเหลืองนี้ในทางการแพทย์ถือว่าเป็นน้ำนมแม่ที่ดีที่สุด เพราะอุดมไปด้วยสารภูมิต้านทานและสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของทารก ปกป้องทารกจากการติดเชื้อ

เลือกอ่านตามหัวข้อ

     • Colostrum คืออะไร
     • Colostrum มีสารอะไรบ้าง
     • น้ำนมเหลืองมีประโยชน์อะไรบ้าง
     • น้ำนมเหลืองจากธรรมชาติหาได้จากไหน
     • ร่างกายผลิตน้ำนมเหลืองเมื่อใด
     • วิธีเก็บรักษาน้ำนมเหลือง
     • น้ำนมเหลืองไม่มาทำยังไงดี
     • ไขข้อข้องใจเรื่องน้ำนมเหลืองกับ Enfa Smart Club

พูดถึงนมแม่ ใคร ๆ ก็รู้อยู่แล้วว่านมแม่นั้นเป็นสารอาหารที่สำคัญซึ่งทารกควรได้รับต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปี แต่... ถ้าเราจะมาพูดถึงอีกส่วนหนึ่งของน้ำนม ที่เรียกว่า Colostrum หรือ หัวน้ำนมแม่ ก็อาจจะรู้สึกงง ๆ ว่า มันมีด้วยเหรอ แล้วหัวน้ำนมแม่คืออะไร หัวน้ำนมแม่ กับ นมแม่ คือสิ่งเดียวกันไหม และมีประโยชน์ต่อทารกอย่างไรบ้าง วันนี้ Enfa จะมาไขข้อข้องใจเรื่องนี้กันค่ะ

Colostrum คืออะไร


นมน้ำเหลือง (Colostrum Milk) หรือหัวน้ำนมแม่คืออะไร จริง ๆ แล้วก็คือน้ำนมแม่นั่นแหละค่ะ เพียงแต่น้ำนมเหลืองนั้นจะเป็นน้ำนมในระยะแรกสุด และจะไหลออกมาแค่เพียง 1-3 วันแรกหลังคลอดเท่านั้น

โดยน้ำนมเหลืองนี้จะมีสีเหลืองเข้มหรือสีออกส้ม คล้ายกับสีของไข่แดง ซึ่งน้ำนมเหลืองนี้ในทางการแพทย์ถือว่าเป็นน้ำนมแม่ที่ดีที่สุด

Colostrum มีสารอะไรบ้าง


น้ำนมเหลือง หรือ โคลอสตรุ้ม สร้างจากโปรตีน ไขมัน น้ำตาล รวมถึงกลุ่มเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ผลิตแอนติบอดีด้วย ซึ่งแอนติบอดีเหล่านี้จะทำหน้าที่สำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของทารก ปกป้องทารกจากการติดเชื้อ โดยสารอาหารสำคัญในน้ำนมเหลืองนั้น มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น

          Lactoferrin หรือแลคโตเฟอร์ริน เป็นโปรตีนที่พบได้ในนมแม่ และสามารถย่อยได้ง่ายกว่าโปรตีนในนมผสม ทนต่อกรดในกระเพาะอาหาร และยังมีคุณสมบัติพิเศษ คือ จับกับธาตุเหล็กในลำไส้ได้ ทำให้แบคทีเรียซึ่งต้องใช้โมเลกุลของธาตุเหล็กอิสระช่วยในการเจริญเติบโตไม่สามารถเติบโตต่อได้ จึงช่วยปกป้องลูกจากการติดเชื้อ ซึ่งแลคโตเฟอร์รินที่มีคุณภาพสูงนั้น สามารถพบได้ในน้ำนมเหลืองหรือน้ำนมแม่

          MFGM หรือ Milk Fat Globule Membrane เป็นสารอาหารสมองในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด ทำหน้าที่ช่วยสร้างปลอกไขมันหุ้มเส้นใยสมอง (Myelin Sheath) เพิ่มประสิทธิภาพการส่งสัญญาณประสาท เชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง

          สารอาหารอื่น ๆ นอกจากสองสารอาหารหลักอย่าง MFGM และ Lactoferrin ในน้ำนมเหลืองยังพบว่ามีสารอาหารที่มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของเด็ก ได้แก่

                    • Immunoglobulin A (แอนติบอดี)
                    • Lactoferrin (โปรตีนที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อ)
                    • เม็ดเลือดขาว (เซลล์เม็ดเลือดขาว)
                    • Epidermal growth factor (โปรตีนที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์)

มากไปกว่านั้น น้ำนมเหลืองยังอุดมไปด้วยแคโรทีนอยด์ (สารต้านอนุมูลอิสระ) ที่ช่วยให้เซลล์ในร่างกายของทารกแข็งแรง และวิตามินเอซึ่งมีบทบาทสำคัญในการมองเห็น บำรุงผิวหนัง และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทั้งยังมีแมกนีเซียมซึ่งช่วยบำรุงหัวใจและกระดูกของทารก มีทองแดงและสังกะสีซึ่งช่วยเสริมภูมิคุ้มกันอีกด้วย

ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า หากทารกได้รับนมแม่ตั้งแต่ช่วง 1-3 วันหลังคลอด หรือได้กินนมแม่ทันทีหลังคลอด ทารกมีแนวโน้มที่จะมีสุขภาพดี เนื่องจากจะได้รับสารอาหารสำคัญจากน้ำนมเหลืองอย่างเพียงพอ

สมัครเป็นสมาชิก Enfa Smart Club กับชมวันนี้ ลุ้นรับ MacBook Air

น้ำนมเหลืองมีประโยชน์อะไรบ้าง


น้ำนมเหลือง (Colostrum) ประโยชน์ของมันนั้นเรียกได้ว่ามีส่วนช่วยปูพื้นฐานสุขภาพที่แข็งแรงของทารกได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น

     • ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เป็นที่รู้กันดีว่าในน้ำนมเหลืองนั้นมีส่วนประกอบของแอนติบอดีและเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งทำหน้าที่สำคัญในการต่อสู้กับไวรัสและแบคทีเรียต่าง ๆ ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของทารกนั้นแข็งแรง ไม่ป่วยง่าย

     • ป้องกันและบรรเทาอาการท้องเสีย แม้ว่าทารกแรกเกิดจะยังไม่สามารถกินอาหารอื่น ๆ ได้นอกจากนมแม่ แต่ก็สามารถที่จะเกิดอาการท้องเสียได้เช่นเดียวกัน ทั้งที่ผ่านจากนมแม่โดยตรง หรือจากขวดนมที่ใช้ป้อนนมแม่ อย่างไรก็ตาม ภายในน้ำนมเหลืองนั้นมีโมเลกุลของแอนติบอดีและโปรตีนแลคโตเฟอร์ริน ซึ่งทำหน้าที่สำคัญในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย จึงมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการท้องเสียเนื่องจากไวรัสและแบคทีเรียต่าง ๆ ได้

     • ดีต่อสุขภาพลำไส้ เนื่องจากในน้ำนมเหลืองนั้นมีโมเลกุลโปรตีนที่สามารถย่อยได้ง่าย จึงทำให้ระบบขับถ่ายของทารกนั้นเป็นไปอย่างปกติ มากไปกว่านั้น ยังมีส่วนช่วยเพิ่มปริมาณของแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ให้มากขึ้น ช่วยในกระบวนการย่อยต่าง ๆ และดีต่อการขับถ่ายด้วย

น้ำนมเหลืองจากธรรมชาติสามารถหาได้จากแหล่งใดบ้าง


น้ำนมเหลืองนั้นไม่ใช่ว่าจะพบได้แค่ในนมแม่อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสามารถพบได้จากนมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ๆ ด้วย เช่น น้ำนมเหลืองของวัว (Bovine colostrum) ซึ่งก็สามารถพบได้ทันทีหลังจากที่วัวคลอดลูกเช่นเดียวกัน รวมถึงยังอาจพบได้กับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ๆ เช่น แพะ สุนัข แมว เป็นต้น

ร่างกายของคุณแม่จะผลิตน้ำนมสีเหลืองเมื่อไหร่


น้ำนมแม่นั้นไม่ใช่จู่ ๆ ก็จะผลิตออกมาได้ทันทีที่คลอดลูก แต่กระบวนการผลิตน้ำนมแม่ได้เริ่มสร้างมาตั้งแต่ระยะแรก ๆ ของการตั้งครรภ์แล้วค่ะ โดยในส่วนของน้ำนมเหลืองนั้นจะเริ่มผลิตขึ้นตั้งแต่ช่วงแรกของไตรมาสที่ 2

เก็บรักษาน้ำนมเหลืองอย่างไรดี


น้ำนมเหลืองนั้นจะไหลออกมาแค่เพียง 1-3 วันแรกหลังคลอด ดังนั้น หากต้องการจะเก็บน้ำนมแม่ในช่วงที่ยังมีน้ำนมเหลืองอยู่ก็ควรจะต้องเก็บตั้งแต่วันแรกหลังคลอดเลย

อย่างไรก็ตาม เมื่อพ้น 1-3 วันแรกหลังคลอดไปแล้ว น้ำนมเหลืองก็จะแปรเปลี่ยนสภาพน้ำนมระยะที่ 2 และน้ำนมระยะที่ 3 ต่อไป ซึ่งก็ยังมีส่วนผสมของน้ำนมเหลืองอยู่ดีค่ะ เพียงแต่สีจะไม่ได้เป็นสีเหลืองเข้มข้นเท่ากับช่วง 1-3 วันแรกหลังคลอดด

น้ำนมเหลืองไม่มา หรือมาน้อย คุณแม่จะรับมือยังไงดี


ปริมาณน้ำนมเหลืองนั้นจะไหลออกมามากหรือน้อยไม่สามารถที่จะการันตีได้เลยค่ะ ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของแม่และการดูแลตนเองตลอดระยะเวลาที่ตั้งครรภ์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่มีส่วนต่อการไหลของน้ำนมแม่หลังคลอด ไม่เฉพาะแต่น้ำนมเหลืองเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ปัญหาน้ำนมไหลน้อยนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยไม่เฉพาะเรื่องการดูแลตัวเองเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของความเครียด ซึมเศร้า โรคประจำตัว และปัจจัยด้านอื่น ๆ อีกมากมายที่สามารถส่งผลให้ปริมาณนมแม่ไหลออกมาน้อย คุณแม่ไม่จำเป็นจะต้องโทษตัวเองนะคะ สิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้

วิธีที่ดีที่สุดหากพบว่าคุณแม่มีน้ำนมไหลออกมาน้อย ให้ปรึกษากับแพทย์ทันที เพื่อหาทางรับมือและแก้ไข เพราะหลังจากนี้ไปทารกจำเป็นจะต้องกินนมแม่อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปี

ไขข้อข้องใจเรื่องน้ำนมเหลืองกับ Enfa Smart Club


 Lactoferrin คืออะไร หากแม่ไม่มีน้ำนมเหลือง ลูกจะยังได้รับ Lactoferrin อยู่ไหม?

Lactoferrin เป็นกลุ่มโปรตีนที่พบได้ในน้ำนมเหลือง อย่างไรก็ตามหากคุณแม่มีน้ำนมเหลืองออกมาน้อย หรือไม่มีน้ำนมเหลืองออกมาเลย ร่างกายก็ยังสามารถรับ Lactoferrin ได้จากนมวัวด้วยเช่นกัน เพียงแต่ว่าทารกแรกเกิดนั้นยังไม่สามารถดื่มนมวัวได้

 Colostrum เพิ่มความสูง ได้จริงหรือ?

น้ำนมเหลือง ไม่ได้มีคุณสมบัติในการเพิ่มความสูงโดยตรงแต่อย่างใด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าน้ำนมเหลืองมีสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของทารก มากไปกว่านั้น เรื่องของความสูงถือว่าเกี่ยวข้องกรรมพันธุ์เป็นหลัก รวมถึงยังมีปัจจัยในเรื่องของการพักผ่อน การกินอาหารเข้ามาร่วมด้วย ดังนั้น น้ำนมเหลืองเพียงอย่างเดียวไม่สามารถที่จะการันตีการเพิ่มความสูงได้ค่ะ

 ทำยังไงให้มีน้ำนมเหลืองเยอะ?

การพักผ่อนที่เพียงพอ การออกกำลังกาย การกินอาหารที่มีประโยชน์ การหมั่นดูแลตัวเองอยู่เสมอตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์ ถือว่ามีส่วนช่วยสำคัญที่จะทำให้กระบวนการผลิตน้ำนมนั้นเป็นไปอย่างสมบูรณ์ และมีปริมาณที่เพียงพอ

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่นอกเหนือการควบคุม เช่น อาการเจ็บป่วย โรคประจำตัว ผลข้างเคียงจากยารักษาโรค ความเครียด โรคซึมเศร้า ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้อาจมีผลต่อปริมาณน้ำนมได้



บทความแนะนำสำหรับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่