เมื่อทราบว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ สิ่งแรกที่คุณแม่ต้องทำคือไปฝากครรภ์กับคุณหมอ ซึ่งหลังจากที่คุณหมอได้ตรวจสุขภาพครรภ์ในเบื้องต้นแล้ว คุณแม่จะได้รับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพร่างกาย โดยคุณแม่บางท่านอาจจะได้รับยาบำรุงครรภ์ อาหารเสริมบำรุงครรภ์ หรือ วิตามินบำรุงครรภ์ มารับประทานในช่วงการตั้งครรภ์ด้วย จนทำให้มีคุณแม่หลายท่านสงสัยว่า ยาบำรุงครรภ์ จำเป็นต้องรับประทานไหม ยาบำรุงครรภ์นั้นมีสรรพคุณอย่างไร และสำคัญอย่างไร เราลองมาดูในบทความนี้กันค่ะ

ยาบำรุงครรภ์-คุณแม่ตั้งครรภ์

ยาบำรุงครรภ์ คืออะไร

ยาบำรุงครรภ์ หรือ วิตามินบำรุงครรภ์ ส่วนใหญ่จะเป็นวิตามินหรือแร่ธาตุต่าง ๆ ที่คุณแม่ควรได้รับเพิ่มเติมในระหว่างตั้งครรภ์ โดยยาบำรุงครรภ์ส่วนใหญ่มีวิตามินและแร่ธาตุดังต่อไปนี้

  • กรดโฟลิก หรือ โฟเลต (Folic acid or Folate) กรดโฟลิก มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ ซึ่งเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของเซลล์ รวมทั้งการเจริญเติบโตและพัฒนาการของทารกในครรภ์โดยเฉพาะพัฒนาการสร้างระบบประสาทและสมอง คุณแม่ที่วางแผนตั้งครรภ์สามารถเริ่มรับประทานทานกรดโฟลิกได้ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ และหาก คุณแม่ท่านไหนวางแผนจะตั้งครรภ์สามารถรับประทานโฟเลตทุกวันได้เลย และหลังจากตั้งครรภ์แล้วควรรับประทานโฟเลตต่อเนื่องไปตลอดการตั้งครรภ์ หรือตามที่คุณหมอแนะนำค่ะ

    หากคุณแม่ได้รับโฟเลตไม่เพียงพอในช่วงก่อนและระหว่างตั้งครรภ์ อาจเพิ่มความเสี่ยงของการพิการทางระบบประสาทแต่กำเนิด หรือเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเยื่อหุ้มไขสันหลังปิดไม่สนิทได้ (neural tube defect) นอกจากการรับประทานโฟลิตชนิดเม็ดเสริมโฟเลตยังมีมากในอาหารจำพวก บร็อโคลี่ ผักโขม ผักใบเขียวต่าง ๆ ตับไก่ ตับวัว ตับหมู และธัญพืชไม่ขัดสี

  • แคลเซียม คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องการแคลเซียมเพิ่มขึ้นจากคนปกติ ในผู้ใหญ่โดยปกติแล้วต้องการแคลเซียมประมาณ 800-1,000 มิลลิกรัมต่อวัน แต่คุณแม่ที่ตั้งครรภ์นั้น องค์การอนามัยโลกแนะนำให้รับประทานแคลเซียม 1,500-2,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อใช้ในการเสริมสร้างการเติบโตของทารกในครรภ์ แคลเซียมจะช่วยในการสร้างเซลล์กระดูก ฟัน กล้ามเนื้อหัวใจ เซลล์ประสาท และเกล็ดเลือด

    นอกจากนี้การได้รับแคลเซียมเพียงพอระหว่างการตั้งครรภ์ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษได้อีกค่ะ สำหรับอาหารที่มีปริมาณแคลเซียมสูง ได้แก่ นม โยเกิร์ต กุ้งแห้ง งา ปลากรอบตัวเล็ก ผักใบเขียวเข้มทุกชนิด ผลิตภัณฑ์จากถั่ว เต้าหู้ ปลาซาร์ดีน คะน้า บร็อคโคลี่ ข้าวโอ๊ต เป็นต้น และเสริมด้วยแคลเซียมเม็ด

  • ธาตุเหล็ก คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องการธาตุเหล็กในปริมาณสูงเพื่อใช้ในการสร้างเม็ดเลือดให้กับคุณแม่และทารกในครรภ์ ธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบของฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) ทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆในร่างกาย ทั้งของแม่และของลูกน้อย ดังนั้นถ้าได้รับธาตุเหล็กเพียงพอ จะช่วยป้องกันภาวะโลหิตจางระหว่างตั้งครรภ์ได้ ปริมาณธาตุเหล็กโดยทั่วไปที่คุณแม่ที่มีสุขภาพปกติควรได้รับคือ 30-60 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ถ้าคุณแม่มีภาวะซีดหรือมีโรคโลหิตจางอยู่แล้ว ควรรับประทานธาตุเหล็กเสริมตามที่คุณหมอแนะนำ โดยส่วนใหญ่ในยาบำรุงครรภ์ที่คุณหมอให้มาจะมีธาตุเหล็กอยู่ด้วย ซึ่งคุณแม่ควรรับประทานทุกวัน สำหรับอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ได้แก่ ตับ งา ลูกพรุน เนื้อแดง ผักโขม ไข่แดง เม็ดถั่วลันเตา ถั่วแดง สาหร่ายทะเล และอื่น ๆ เป็นต้น

  • DHA ดีเอชเอ (DHA) คือกรดไขมันจำเป็น ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของเซลล์สมองและจอประสาทตา   ประโยชน์ของ DHA ต่อทารกในครรภ์ คือช่วยพัฒนาระบบสมอง และระบบการทำงานของตา ฉะนั้น คุณแม่ตั้งครรภ์และหลังคลอดจึงควรรับประทาน DHA ซึ่งมีอยู่ในปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า เป็นต้น หรือดื่มนมเอนฟาแลคมาม่าที่เสริม DHA เพื่อให้ได้รับ DHA อย่างเพียงพอ

สมัครเป็นสมาชิก Enfa Smart Club กับชมวันนี้ ลุ้นรับ MacBook Air

ยาบำรุงครรภ์ สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์นั้น เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะหากรับประทานยาบำรุงครรภ์ไม่ครบตามที่คุณหมอแนะนำ ก็อาจส่งผลต่อสุขภาพและการเจริญเติบโตของคุณแม่และทารกในครรภ์ได้ค่ะ

วิธีดูแลลูกน้อยเมื่ออยู่ในครรภ์มีอีกหลายวิธี หากคุณแม่ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม เราพร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลครรภ์ และสารอาหารที่จำเป็นสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์จากผู้เชี่ยวชาญ ได้ที่ Enfa A + Smart Club