คุณแม่หลายคนคิดว่าการเลี้ยงลูกให้พูดได้สองภาษา ต้องส่งลูกไปเรียนโรงเรียนอินเตอร์หรือไปเรียนเมืองนอก จริงๆ แล้วความรู้ของคุณพ่อคุณแม่สามารถสอนลูกให้เป็นเด็กพูดสองภาษาได้ หากมีความตั้งใจจริง และคำถามที่ตามมาอีกคือ ควรจะสอนลูกพูดสองภาษาได้เมื่อไหร่ เรามีคำตอบมาให้ค่ะ

สมัครเป็นสมาชิก Enfa Smart Club กับชมวันนี้ ลุ้นรับ MacBook Air

ฝึกลูกพูดสองภาษา เริ่มได้เลยหลังคลอด

งานวิจัยพบว่า ทารกเริ่มเรียนรู้เสียงในภาษาตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่ เสียงของแม่เป็นหนึ่งในเสียงที่ชัดเจนที่สุดที่ทารกในครรภ์ได้ยิน และเมื่อลืมตาดูโลก นอกจากจะแยกความแตกต่างระหว่างภาษาของแม่กับภาษาอื่นๆ ได้แล้ว ทารกแรกเกิดยังสามารถแยกความแตกต่างระหว่างภาษาได้ด้วย ทารกสามารถเรียนรู้ภาษาใดก็ตามที่เขาได้ยินได้ฟัง จากนั้นทารกจะค่อยๆ เรียนรู้ว่าเสียงใดที่เขาได้ยินบ่อยที่สุด ระหว่างอายุ 6-12 เดือน ทารกที่เติบโตขึ้นในครอบครัวที่พูดภาษาเดียว จะเริ่มเชี่ยวชาญในภาษาแม่เป็นพิเศษ โดยเมื่ออายุครบ 1 ขวบ ทารกที่เรียนรู้เพียงภาษาเดียวจะเริ่มสูญเสียความสามารถในการได้ยินความแตกต่างของเสียงในภาษาต่างประเทศ ดังนั้นการเริ่มให้ลูกได้เรียนรู้สองภาษาเร็วเท่าไหร่ จะเป็นผลดีมากเท่านั้น

เริ่มฝึกลูกพูดสองภาษาอย่างไร

  • เลือกภาษาและคนสอน

    เมื่อลูกคลอดให้ตกลงกันในครอบครัว ว่าภาษาที่ 2 คือภาษาอะไร และใครจะเป็นคนพูดภาษาที่ 2 กับลูก โดยคนที่จะจะพูดภาษาที่สองกับลูกนั้น จะต้องเป็นคนที่มีเวลาอยู่กับลูกค่อนข้างมาก ซึ่งอาจจะเป็นคุณแม่ หรือคุณย่าคุณยาย โดยอาจกำหนดให้พูดภาษาที่ 2 กับลูกเท่านั้นทุกวันห้ามพูดไทย ห้ามพูดไทยคำภาษาที่สองคำ

    ส่วนคนอื่นที่อยู่ในบ้านก็ให้พูดไทยตามปกติ เพื่อให้ลูกคุ้นชินกับภาษาและสำเนียง ในกรณีที่ในบ้านมีคนพูดภาษาที่ 2 ได้หลายคน ก็ยิ่งเป็นการดีในการเปิดโอกาสให้ลูกซึมซับภาษาที่ 2 มากขึ้น ซึ่งช่วงแรก ๆ คลังคำศัพท์ของเด็กอาจจะยังไม่มากพอ จึงเกิดอาการพูดปนภาษาบ้าง แต่เมื่อฝึกไปเรื่อย ๆ ลูกจะรู้จักคำมากขึ้น รู้ว่าใครพูดภาษาอะไร และสามารถใช้ภาษาสื่อสารโต้ตอบอย่างเหมาะสมได้เอง

 
 
เลี้ยงลูกสองภาษา
 
  • ใช้ตัวช่วย

    สำหรับเด็กเล็กเปิดหนังหรือการ์ตูนให้ลูกฟัง ไม่จำเป็นต้องให้ดู ฟังอย่างเดียวเพื่อให้ได้สำเนียงที่ถูกต้อง หนังสือนิทาน ซีดีเพลง หนัง หรือ โปสเตอร์ภาษา สิ่งเหล่านี้ต่างเป็นตัวช่วยหรือเครื่องมือการสอนที่ล้วนมีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ภาษาที่ 2 ของลูก

  • ฝึกคำศัพท์จากสิ่งรอบตัว

    อาจเริ่มต้นจากคำง่ายๆ ใกล้ตัวที่พบในชีวิตประจำวัน เช่น ข้าวของเครื่องใช้ หรือชื่ออาหาร หรือกิจวัตรประจำวันอย่างนั่ง ยืน กิน นอน ไป มา อาบน้ำ แต่งตัว ห้ามแปลเป็นไทยเด็ดขาด สิ่งเหล่านี้เมื่อพูดทุกวัน ลูกจำได้แน่นอน พูดแบบนี้ไปเรื่อยๆแล้วค่อย ๆเพิ่มเป็นประโยค เมื่อลูกโตขึ้น เรียกได้ว่าเป็นการฝึกภาษาทั้งคุณพ่อคุณแม่และลูกไปพร้อมๆ กัน ที่สำคัญคือต้องออกเสียงคำให้ถูกต้อง

  • ทำให้เป็นเรื่องสนุก

    การฝึกลูกเป็นเด็กสองภาษาไม่จำเป็นต้องเคร่งเครียด ทำทุกกิจกรรมให้สนุก กินข้าว เล่านิทาน เล่นเกมก็ฝึกพูดภาษาที่ 2 ได้ หรืออาจจะออกไปเปลี่ยนบรรยากาศข้างนอก เช่น สวนสัตว์ สวนสนุก ก็ชี้บรรยากาศรอบๆ ให้ลูกดูเเล้วพูดเป็นภาษาที่ 2 เป็นต้น

  • ค่อยเป็นค่อยไป

    การสอนภาษาที่ 2 ให้ลูกนั้น คนสอนต้องใช้เวลาและความเข้าใจ เพราะเด็กๆ ทุกคนมีพัฒนาการที่แตกต่าง และมีความสามารถและความถนัดไม่เหมือนกัน ฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงต้องใช้ความอดทนรอให้ลูกเรียนรู้ภาษาตามเวลาของเขา คอยพูดคุย สนับสนุน และชมเชย เมื่อเขาสามารถทำอะไรได้สำเร็จ

การจะกระตุ้นให้ลูกมีทักษะด้านภาษาให้ได้ผลมากที่สุด คือการพูดคุย การโต้ตอบต่าง ๆ เพราะเป็นการสื่อสารแบบสองทาง เด็กจะสามารถเรียนรู้และพัฒนาทักษะด้านภาษาได้ไวกว่าการสื่อสารทางเดียวนั่นเอง

ข้อดีของการเป็นเด็กสองภาษา

  • เด็กเล็กๆ ไม่ว่าชาติใดล้วนแต่มีความสามารถในการเรียนรู้สองภาษาเหมือนกัน และความจริงในหลายประเทศทั่วโลก การพูดได้สองภาษายังถือเป็นบรรทัดฐานอีกด้วย

  • ความสามารถในการเปลี่ยนภาษาทำให้เกิดความได้เปรียบทางสติปัญญาหลายอย่าง งานวิจัยพบว่าผู้ใหญ่และเด็กสองภาษามีการทำงานของสมองที่ดีกว่า นั่นคือ สามารถเปลี่ยนความสนใจ สลับไปมาระหว่างงานหลายอย่างได้ และสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ง่ายกว่า

  • เด็กสองภาษามีความสามารถในคิดและทำความเข้าใจกฎเกณฑ์ของภาษา ทำให้เด็กสองภาษาสามารถเรียนรู้ภาษาที่สามได้ง่ายขึ้น

  • หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้ลูกรู้มากกว่าหนึ่งภาษา ควรเริ่มให้เร็วที่สุด ก่อนที่ลูกจะเริ่มพูดภาษาแรกได้ ซึ่งคุณแม่ได้รู้แล้วว่า การเรียนรู้สองภาษาไม่ได้ทำให้เด็กสับสน ทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถทางสติปัญญาให้กับเด็กอีกด้วย

 
เคล็ดลับการเลี้ยงลูกสองภาษา
 

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเรียนสองภาษาของเด็ก

  • จริงหรือเด็กที่โตมากับสิ่งแวดล้อมที่มากกว่า 1 ภาษาจะค่อนข้างสบสนในการเรียนรู้?

    คำตอบคือไม่จริงค่ะ! คุณพ่อคุณแม่หลายคน คงจะคิดว่าเด็กที่ต้องเรียนรู้สองภาษาพร้อมๆ กันอาจจะแยกแยะภาษาไม่ได้ แต่จริงๆ แล้วผู้เชี่ยวชาญอย่างบาร์บาร่า ซูเรอร์ เพียร์สัน ผู้เขียนหนังสือ Raising a Bilingual Child บอกว่า “ตั้งแต่วันแรกที่เกิดมา เด็กทารกทุกคนสามารถบอกถึงความแตกต่าง ในหลายๆ ภาษา ในอายุที่น้อยขนาดนั้น เด็กทารกอาจยังไม่เข้าใจ ภาษาที่มีความเหมือนกันมากๆ อย่างภาษาอังกฤษกับภาษาดัชต์ แต่พออายุ 6 เดือน พวกเขาสามารถเข้าใจได้หมดเลย” แต่ถ้าภาษาที่มีความต่างกันมากอย่างฝรั่งเศสกับอาราบิค เด็กแรกเกิดก็สามารถทำความเข้าใจได้ทันทีพร้อมกันโดยไม่มีปัญหา

  • การสอนลูกสองภาษาทำให้ลูกพูดช้าจริงเหรอ?

    การให้ลูกพูดสองภาษาไม่ได้มีผลให้เด็กเข้าใจภาษาช้าลงค่ะ แต่การเริ่มพูดของเด็กแต่ละคนกับภาษาแม่ ก็อาจจะมีช้าเร็วได้ต่างกันอยู่แล้ว และมีงานวิจัยชี้ชัดว่าการเลี้ยงดูให้เด็กพูดสองภาษาไม่ได้ทำให้ความเข้าใจเรื่องภาษาช้าลงเลย อีกทั้งการศึกษายังพบว่า เด็กที่ถึงจะพูดช้าแต่อยู่ในสังคมที่พูดสองภาษาก็สามารถฝึกสามารถเรียนรู้ได้เท่ากับเด็กที่พูดช้าแต่เรียนรู้ภาษาแม่ภาษาเดียวอยู่ดี ดังนั้นคุณแม่สบายใจได้ค่ะ

  • เสริมสารอาหารให้ลูกวัยเรียนรู้ภาษา

    การเรียนรู้ภาษาต่างๆ ของเด็กจะเป็นไปด้วยดี นอกจากการส่งเสริมจากพ่อแม่แล้ว สารอาหารก็มีความสำคัญ เพราะสารอาหารส่งผลต่อสมอง หากเด็กมีพัฒนาการสมองที่ดี การเรียนรู้สิ่งต่างๆ ก็เป็นไปด้วยดี รวมทั้งการเรียนรู้ภาษา ดังนั้นนอกจากจะให้ลูกได้รับสารอาหารจากอาหารหลัก 5 หมู่แล้ว ลูกควรได้รับสารอาหารเพื่อพัฒนาสมองเป็นพิเศษด้วย โดยสามารถเลือกนมที่เสริมสารอาหารเพื่อพัฒนาสมอง ซึ่งได้แก่ MFGM ซึ่งประกอบด้วยสารอาหารต่างๆ ที่พบในนมแม่ เช่น โปรตีนต่างๆ และไขมันเชิงซ้อน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสารที่มีประโยชน์ส่งผลดีต่อร่างกายและสมองเด็ก ดีเอชเอ กรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดสายโซ่ยาว ที่พบมากในสมองและจอประสาทตา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กที่เรียนรู้ภาษา

  • หากคุณพ่อคุณแม่ต้องการให้ลูกรู้มากกว่าหนึ่งภาษา

    ควรเริ่มให้เร็วที่สุด ก่อนที่ลูกจะเริ่มพูดภาษาแรกได้ ซึ่งคุณแม่ได้รู้แล้วว่า การเรียนรู้สองภาษาไม่ได้ทำให้เด็กสับสน ทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถทางสติปัญญาให้กับเด็กอีกด้วย

ที่สำคัญ จากงานวิจัยทางคลินิกพบว่า เด็กที่ได้รับ MFGM ร่วมกับดีเอชเอ มีระดับคะแนนพัฒนาการทางสติปัญญาสูงกว่าเด็กที่ได้รับดีเอชเอเพียงอย่างเดียว นอกจากนั้นจากการทดลองในห้องปฏิบัติการ เพื่อศึกษาการทำงานของ MFGM พบว่า เมื่อใช้สารอาหาร MFGM ทำงานร่วมกับดีเอชเอ ที่เวลา 21 วัน จะช่วยเพิ่มโอกาสการเชื่อมต่อเซลล์สมองมากกว่าการใช้ดีเอชเอ เพียงอย่างเดียว* คุณแม่จึงมั่นใจได้ว่าลูกน้อยจะได้รับสารอาหารพัฒนาสมองเพื่อการเรียนรู้ภาษาต่อไปค่ะ

เราคงเคยได้ยินคำว่า window of opportunity หรือ หน้าต่างแห่งโอกาสกับเด็กเล็กๆ ในการเรียนรู้ภาษา นั่นคือยิ่งเริ่มเร็วการเรียนรู้ก็ยิ่งง่ายขึ้น หน้าต่างแห่งโอกาสเปิดมากขึ้น ดังนั้นอย่าช้าที่จะให้ลูกได้เรียนรู้ที่จะพูดสองภาษานะคะ

 

*Reference: NeuroProof report for Mead Johnson Nutrition Veereman-Wauters G, Staelens S, Rombaut R, et al. Milk fat globule membrane (INPULSE) enriched formula milk decreases febrile episodes and may improve behavioral regulation in young children. Nutrition. 2012;28:749-752.

 

คุณแม่รู้ไหม สมองลูกน้อยพัฒนาตั้งแต่ในครรภ์ถึง 3 ขวบปีแรก ผู้เชียวชาญพร้อมให้คำปรึกษาได้ที่นี่