นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เอนฟาสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนไปจนถึง 2 ปี หรือนานกว่าตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

เสียงโคลิคหรือเสียงปราบโคลิค ช่วยปลอบลูกน้อยร้องไห้โคลิค

Enfa สรุปให้

  • เสียงโคลิค คือเสียงที่ออกแบบมาเพื่อช่วยปลอบทารกที่มีอาการโคลิค โดยเลียนแบบเสียงธรรมชาติที่ทารกเคยได้ยินในครรภ์ เช่น เสียงหัวใจเต้น เสียงลมหายใจ หรือเสียงพัดลม เสียงโคลิคช่วยสร้างความรู้สึกปลอดภัย และลดความเครียดให้ลูกน้อยได้ในบางราย
  • เสียงปราบโคลิค คือเสียงที่มีจังหวะและโทนเสียงสม่ำเสมอ เช่น white noise หรือเสียงน้ำไหลเบา ๆ ใช้เพื่อลดการร้องไห้ของทารก โดยช่วยกลบเสียงรบกวนจากสิ่งแวดล้อมภายนอก และส่งเสริมให้ระบบประสาทของลูกเข้าสู่โหมดผ่อนคลาย
  • เสียงแก้โคลิค คือแนวทางการเลือกใช้เสียงเฉพาะ เช่น เพลงจังหวะช้า เสียงธรรมชาติ หรือเสียงกล่อมเด็ก เพื่อช่วยลดอาการโคลิค ทำให้ลูกน้อยรู้สึกสบายใจมากขึ้น เทคนิคนี้เป็นหนึ่งในวิธีเสริมที่พ่อแม่สามารถใช้ควบคู่กับการอุ้มปลอบหรือโยกเบา ๆ

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

ช่วงวัยทารกแรกเกิดถึงประมาณ 3–4 เดือน เป็นช่วงที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนต้องเจอกับสถานการณ์สุดหิน เมื่อจู่ ๆ ลูกน้อยที่ดูปกติดีกลับร้องไห้เสียงดังนานนับชั่วโมง ทั้งที่กินอิ่ม นอนหลับ และสะอาดสบายตัวแล้ว อาการนี้มักถูกเรียกกันว่า โคลิค (Colic) หรือภาวะร้องไห้ไม่มีสาเหตุชัดเจน

หนึ่งในวิธีรับมือที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน คือการใช้เสียงโคลิคหรือเสียงปราบโคลิคเพื่อช่วยปลอบและลดการร้องไห้ของลูกน้อย แล้วเสียงเหล่านี้คืออะไร มีจริงหรือไม่? Enfa จะพาไปหาคำตอบเรื่องนี้กันค่ะ

 

เสียงปราบโคลิค คืออะไร


เสียงปราบโคลิค (Colic-Calming Sounds) คือ เสียงที่เลียนแบบบรรยากาศภายในครรภ์ของคุณแม่ เพื่อช่วยให้ลูกน้อยรู้สึกคุ้นเคยและปลอดภัย เสียงเหล่านี้มีจังหวะที่นุ่มนวล คงที่ และฟังสบาย เช่น เสียงหัวใจเต้น เสียงลมหายใจ เสียงเลือดไหล หรือแม้กระทั่งเสียงพัดลมเบา ๆ ซึ่งทำหน้าที่เหมือนเกราะป้องกันที่ช่วยกล่อมทารกให้นิ่งสงบ

แนวคิดเสียงปราบโคลิคนี้มาจากทฤษฎี Fourth Trimester หรือช่วงไตรมาสที่สี่ ที่เชื่อว่าทารกแรกเกิดยังต้องการสภาพแวดล้อมที่คล้ายกับตอนอยู่ในครรภ์ เพื่อช่วยให้ปรับตัวกับโลกภายนอกได้ง่ายขึ้น โดยเสียงที่นิยมใช้ปราบโคลิค ได้แก่ เสียง white noise เช่น เสียงพัดลม เครื่องดูดฝุ่น เสียงหัวใจแม่เต้น เสียงฝนตกเบา ๆ หรือเสียงน้ำไหลนิ่ง ๆ เป็นต้น

เสียงปราบโคลิคไม่เพียงแต่ช่วยปลอบลูกที่ร้องไห้เท่านั้น แต่ยังช่วยกลบเสียงรบกวนรอบข้าง ช่วยให้ลูกหลับง่ายขึ้น และส่งเสริมการทำงานของระบบประสาทในโหมดผ่อนคลายอีกด้วยค่ะ

 

เสียงโคลิค หรือเสียงแก้โคลิค มีจริงหรือไม่


เสียงโคลิค หรือเสียงแก้โคลิค มีจริงในทางเทคนิคที่ใช้เพื่อช่วยปลอบทารกแต่ไม่ใช่การรักษาโคลิคโดยตรง โดยสมาคมกุมารแพทย์อเมริกัน (AAP) ระบุว่า เสียง white noise หรือเสียงคลื่นความถี่คงที่สามารถช่วยลดการร้องไห้ในทารกบางรายได้จริง แต่ผลลัพธ์ขึ้นกับเด็กแต่ละคน บางคนอาจตอบสนองดี บางคนอาจไม่ตอบสนองเลย และยังจำเป็นต้องใช้อย่างระมัดระวังด้วย

ส่วนในประเทศไทย แม้จะยังไม่มีการกล่าวถึงคลื่นเสียงโคลิคเท่าไรนัก แต่สมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยได้แนะนำว่า คุณพ่อคุณแม่ว่าสามารถใช้เสียงกล่อมเบา ๆ หรือการสร้างสภาพแวดล้อมที่สงบเพื่อช่วยปลอบลูกที่มีอาการโคลิคได้ เช่น เสียงพัดลมเบา ๆ หรือเสียงเพลงกล่อมเด็ก

 

คลื่นเสียงปราบโคลิค ลดอาการโคลิคในทารกได้อย่างไร


คลื่นเสียงปราบโคลิค หรือ White Noise คือคลื่นเสียงปราบอาการโคลิคที่มีพลังงานสม่ำเสมอในทุกความถี่ที่มนุษย์ได้ยิน เสียงนี้ช่วยทำหน้าที่กลบเสียงแวดล้อมอื่น ๆ และสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้ทารก เช่นเดียวกับที่พวกเขาเคยได้ยินเสียงต่าง ๆ ภายในมดลูก

โดยมีหลายงานวิจัยที่พบว่า การใช้เสียง white noise ทำให้ทารกหลับเร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และช่วยลดการร้องไห้ได้ในบางกรณี คือ มีการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยคล้ายกับชีวิตในครรภ์ ช่วยกลบเสียงรบกวนที่ทำให้ทารกตกใจ และช่วยให้ระบบประสาทอัตโนมัติของทารกเข้าสู่โหมดผ่อนคลาย

 

เพลงแก้โคลิค แบบไหนเหมาะกับลูก


นอกจากคลื่นเสียงปราบโคลิคแล้ว ปัจจุบันยังมีการทำเพลงแก้โคลิคที่เน้นคุณสมบัติเลียนแบบจังหวะการเต้นของหัวใจแม่ โดยมีจังหวะช้า มีเสียงเบาและสม่ำเสมอ ไม่มีการเปลี่ยนจังหวะกะทันหัน ไม่มีเสียงดังฉับพลัน เช่น กลอง หรือเสียงสูงแหลมเกินไป และใช้เครื่องดนตรีเสียงนุ่มนวล เช่น เปียโน กีตาร์โปร่ง หรือเสียงธรรมชาติ

ตัวอย่างเพลงแก้โคลิคที่เหมาะกับลูก เช่น

  • เสียงฝนตกเบา ๆ
  • เสียงน้ำไหลช้า ๆ
  • เสียงหัวใจเต้น
  • เพลงคลาสสิกบรรเลงช้า ๆ (เช่น Mozart หรือ Brahms lullabies)

 

ข้อควรระวังเมื่อเปิดเสียงลดอาการโคลิคให้ลูก


แม้ว่าเสียงโคลิคจะช่วยลดอาการร้องไห้โคลิกของทารกได้บ้าง แต่มีข้อควรระวังสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรใส่ใจเป็นพิเศษ คือ

  • ไม่ควรใช้ระดับเสียงเกิน 50 เดซิเบล เพื่อหลีกเลี่ยงการทำร้ายการได้ยินของทารก
    อย่าวางเครื่องเสียงไว้ใกล้ตัวลูกมากนัก โดยแนะนำให้วางห่างออกไปอย่างน้อย 2 เมตร
  • ไม่เปิดเสียงตลอด 24 ชั่วโมง ควรใช้เฉพาะเวลาลูกงอแงหรือก่อนนอน เพื่อป้องกันการพึ่งพิงเสียงจนเกินไป
  • เลือกแหล่งเสียงที่ปลอดภัย ใช้ไฟล์เสียงจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ หรือแอปพลิเคชันที่ออกแบบเฉพาะสำหรับทารก
  • หมั่นสังเกตพฤติกรรมของลูกเสมอ หากลูกดูไม่สบายใจ หรือร้องหนักกว่าเดิม ควรหยุดใช้ทันที

เสียงโคลิคหรือเสียงปราบโคลิคเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับพ่อแม่ในการปลอบทารกที่ร้องไห้โคลิค โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในวัยแรกเกิด แม้จะมีข้อมูลสนับสนุนว่าการใช้เสียง white noise หรือเพลงจังหวะช้า ๆ สามารถช่วยลดการร้องไห้ได้จริงในบางกรณี แต่ก็ยังต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง เพื่อป้องกันผลกระทบต่อการได้ยินและพัฒนาการของลูกน้อยค่ะ

นอกจากนี้ หากลูกมีอาการร้องไห้ผิดปกติ หรือมีสัญญาณเตือนอื่น ๆ เช่น ไข้สูง อาเจียน หรือไม่ยอมดูดนม ควรรีบปรึกษากุมารแพทย์ทันที เพราะไม่ใช่ทุกอาการร้องไห้จะมาจากโคลิคเสมอไปค่ะ

 

เลือกโภชนาการที่ย่อยง่าย ถ่ายคล่อง สมองดี ผสมโปรตีนที่ผ่านการย่อยบางส่วน


ในช่วงวัยแรกเกิด ระบบย่อยอาหารของลูกน้อยยังทำงานได้ไม่เต็มที่ เด็กมากกว่า 70% จึงมีโอกาสเกิดอาการไม่สบายท้อง เช่น ท้องผูก ท้องอืด แหวะนม และร้องกวน การเลือกโภชนาการที่ย่อยง่ายจึงเป็นกุญแจสำคัญ เพื่อช่วยให้ลูกสบายท้อง ถ่ายคล่อง และเรียนรู้ได้เต็มศักยภาพ

โดยเฉพาะโภชนาการที่ผสมโปรตีนที่ผ่านการย่อยบางส่วน (PHP) ซึ่งมีขนาดโมเลกุลเล็ก ย่อยง่าย ดูดซึมไว ลดการเกิดแก๊สและปัญหาขับถ่าย พร้อมทั้งเสริมด้วยเส้นใยสุขภาพอย่าง PDX และ GOS ที่ช่วยปรับสมดุลลำไส้ และสารอาหารบำรุงสมอง เช่น MFGM และ DHA เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทั้ง IQ และ EQ ของลูกน้อยอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หากไม่สามารถให้นมแม่ได้ โภชนาการที่ย่อยง่าย ผสมโปรตีนย่อยบางส่วน และเสริมสารอาหารสำคัญ คือทางเลือกที่ช่วยให้ลูกเติบโตแข็งแรง สมองดี พร้อมเรียนรู้อย่างไม่สะดุด

 

* นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก
Enfa Smart Club สนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่าง
เดียวอย่างน้อย 6 เดือนและให้นมแม่ควบคู่อาหารตามวัยอีก 2 ปี หรือนานกว่านั้น ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO)
Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

คุณกำลังเข้าถึงเนื้อหาจากผู้ให้บริการภายนอกเกี่ยวกับการซื้อหรือ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท มี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน (ประเทศไทย) จำกัด​

กรุณากดยืนยันเพื่อดำเนินการต่อ

Line TH
Cart TH Join Enfamama