นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เอนฟาสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนไปจนถึง 2 ปี หรือนานกว่าตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

เบบี้ออยล์ทาผิวทารกได้ไหม ใช้เบบี้ออยล์อย่างไรให้ปลอดภัย

Enfa สรุปให้

  • เบบี้ออยทาผิวทารกได้ แต่ควรใช้เมื่อทารกอายุเกิน 1 เดือน และมีผิวแห้ง โดยทาบนผิวที่ยังหมาด ๆ หลังอาบน้ำเพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ไม่แนะนำให้ใช้เป็นประจำกับทารกแรกเกิดที่ผิวปกติ

  • เบบี้ออยช่วยสร้างฟิล์มเคลือบผิวเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำระเหยออกจากผิว นอกจากนี้ยังนิยมใช้เพื่อลดการเสียดสีขณะ นวดสัมผัสทารก และช่วยทำให้ ไขบนหนังศีรษะ นุ่มลงและหลุดออกง่ายขึ้น

  • สำหรับทารก ไม่แนะนำให้ใช้เบบี้ออยทาหน้า เพราะผิวหน้าบอบบางมาก เสี่ยงต่อการอุดตันและระคายเคือง 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

พ่อแม่มือใหม่หลายคนที่กำลังเลือกผลิตภัณฑ์จำเป็นสำหรับเด็กทารก หรือแม้กระทั่งการได้รับกระเช้าของใช้เด็กแรกเกิดที่มีของใช้เด็กหลากหลายซึ่งหนึ่งในนั้นคือเบบี้ออยล์ที่เราคุ้นเคยกันดีนั่นเอง เคยสงสัยกันไหมว่าของแบบนี้จำเป็นต่อทารกหรือไม่ หากทารกผิวแห้งใช้เบบี้ออยล์ทาผิวทารกได้ไหม ทาหน้าได้ไหม เบบี้ออยล์ช่วยเรื่องอะไร และควรใช้เบบี้ออยล์กับทารกอย่างไรให้ปลอดภัย ในบทความนี้ Enfa จะพาคุณพ่อคุณแม่มาหาคำตอบเรื่องนี้กันค่ะ 

 

เบบี้ออยทาผิวทารกได้ไหม


หากพบว่าทารกผิวลอก ผิวลูกน้อยมีผื่นทารก หรือลูกเป็นผื่นผิวสากๆ โดยทั่วไป เราสามารถใช้เบบี้ออยล์ทาผิวทารกได้ค่ะ แต่ควรพิจารณาหลายปัจจัย คือ

  • ความปลอดภัยของส่วนผสม
    เบบี้ออยล์มักทำจาก mineral oil ที่ผ่านการกลั่นและทำให้บริสุทธิ์ จึงปลอดภัยต่อผิวมากกว่าน้ำมันจากพืชบางชนิด เช่น น้ำมันมะกอก ที่อาจทำให้ skin barrier อ่อนแอลงได้ถ้าใช้บ่อยเกินไป
  • สภาพผิวทารก
    ถ้าผิวลูกแข็งแรง ไม่แห้งแตกมาก อาจไม่จำเป็นต้องทาออยล์ทุกวัน เพราะผิวทารกมีระบบสร้างชั้นปกป้องผิวเองอยู่แล้ว

  • ช่วงวัย
    ในทารกแรกเกิด ผิวยังมี “vernix caseosa” (ไขเคลือบผิว) ทำหน้าที่เหมือนมอยส์เจอร์ไรเซอร์ตามธรรมชาติ ดังนั้นในช่วงแรก ๆ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมจนกว่าผิวจะปรับตัว

 

เบบี้ออยช่วยเรื่องอะไร


รู้หรือไม่ว่า หากใช้อย่างถูกวิธีเบบี้ออยล์จะมีประโยชน์มากกว่าแค่การป้องกันผิวแห้งหรือผื่นในเด็กค่ะ เพราะสามารถนำมาใช้ดูแลลูกน้อยในด้านอื่น ๆ ได้ด้วย มาดูกันว่าเบบี้ออยล์ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

  • กักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว
    โดยการทาเบบี้ออยล์บาง ๆ หลังอาบน้ำขณะที่ผิวยังหมาดอยู่ จะช่วยสร้างเกราะป้องกัน ลดการสูญเสียน้ำออกจากผิวได้ดี เหมาะอย่างยิ่งสำหรับทารกที่มีแนวโน้มผิวแห้ง หรืออยู่ในสภาพอากาศที่แห้งและเย็น

  • นวดสัมผัสทารก (Infant Massage)
    สามารถใช้เบบี้ออยล์เป็นตัวช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างมือของพ่อแม่กับผิวของลูกน้อย ทำให้การนวดนุ่มนวลและลื่นไหลขึ้น การนวดสัมผัสไม่เพียงแต่ช่วยเรื่องความผ่อนคลาย กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น แต่ยังเป็นช่วงเวลาสำคัญในการสร้างสายสัมพันธ์อันอบอุ่นระหว่างพ่อแม่กับลูกอีกด้วย

  • จัดการไขบนหัวทารก (Cradle Cap)
    โดยทารกหลายคนมีภาวะไขมันที่หนังศีรษะ หรือที่เรียกว่า Cradle Cap ซึ่งมีลักษณะเป็นสะเก็ดเหลือง ๆ คล้ายรังแคแต่หนากว่า การใช้เบบี้ออยล์ปริมาณเล็กน้อยนวดเบา ๆ บนหนังศีรษะแล้วทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาที ก่อนสระผมด้วยแชมพูเด็ก จะช่วยให้สะเก็ดเหล่านั้นนุ่มลงและหลุดลอกออกได้ง่ายขึ้นค่ะ

  • ลดการเสียดสีในบริเวณข้อพับ
    โดยเฉพาะบริเวณที่ผิวหนังสัมผัสกันบ่อย ๆ เช่น รักแร้ ขาหนีบ หรือข้อพับต่าง ๆ อาจเกิดการระคายเคืองจากการเสียดสีได้ การทาเบบี้ออยล์บาง ๆ สามารถช่วยลดแรงเสียดทานบริเวณดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม ควรดูแลให้บริเวณนั้นแห้งและสะอาดอยู่เสมอเพื่อป้องกันการอับชื้น

นอกจากนี้ หากหูทารกมีคราบเหลืองยังสามารถใช้เบบี้ออยล์เช็ดเบา ๆ โดยระวังไม่ให้เข้าหูได้ รวมถึงการใช้เบบี้ออยล์กำจัดเหาในเด็กโตได้ด้วย

 

เบบี้ออยทาหน้าได้ไหม


เบบี้ออยทาหน้าได้ไหม สามารถใช้ได้ในผู้ใหญ่และเด็กโตบางกรณีค่ะ โดยต้องเลือกสูตรที่ไม่มีน้ำหอม ไม่มีสารกันเสียรุนแรง หลีกเลี่ยงการทาใกล้ดวงตาและปาก สำหรับผู้ใหญ่ที่มีผิวมันหรือเป็นสิวง่าย ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจอุดตันรูขุมขน แต่สำหรับเด็กทารก ไม่แนะนำให้ใช้ค่ะ

 

เบบี้ออยทาหน้าทารกได้ไหม


เบบี้ออยทาหน้าทารกได้ไหม ตามที่กล่าวไปแล้วว่าไม่แนะนำให้ใช้กับหน้าทารกค่ะ เพราะผิวหน้าทารกบางและไวต่อการระคายเคือง หากทารกมีผิวปกติ ไม่จำเป็นต้องทาอะไรเพิ่ม สามารถให้ปล่อยให้ผิวพัฒนาเองตามธรรมชาติได้เลย แต่หากทารกมีผิวแห้งมากหรือมีคราบ ควรเลือกผลิตภัณฑ์เฉพาะสำหรับทารก และทาเฉพาะจุดเท่านั้น หรือในกรณีที่ลูกมีสิวทารก (baby acne) ไม่ควรใช้เบบี้ออยล์ เพราะอาจทำให้อาการแย่ลง ควรปล่อยให้หายเอง หรือปรึกษาแพทย์ถ้าอาการรุนแรงค่ะ

 

ใช้เบบี้ออยล์กับทารกอย่างไรให้ปลอดภัย


เพื่อให้การใช้เบบี้ออยล์เกิดประโยชน์สูงสุดและปลอดภัยต่อลูกน้อย คุณพ่อคุณแม่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้ 

  • ทดสอบการแพ้ก่อน (Patch Test)
    โดยก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกชนิดกับลูก ควรทดสอบการแพ้ก่อนเสมอ โดยทาเบบี้ออยล์ปริมาณเล็กน้อยที่บริเวณท้องแขนหรือหลังใบหูของลูก และสังเกตอาการเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง หากไม่มีรอยแดง ผื่น หรืออาการระคายเคืองใด ๆ ก็สามารถใช้งานได้

  • ใช้ในปริมาณที่เหมาะสม
    ไม่จำเป็นต้องชโลมออยล์จนทั่วตัวลูก ใช้เพียงไม่กี่หยดก็เพียงพอ เทออยล์ลงบนฝ่ามือของคุณพ่อคุณแม่ก่อน แล้วถูมือทั้งสองข้างเพื่อวอร์มออยล์ให้อุ่นขึ้น จากนั้นจึงค่อย ๆ ลูบไล้บนผิวของลูก การทำเช่นนี้ช่วยควบคุมปริมาณและป้องกันการเทออยล์ลงบนตัวลูกโดยตรงซึ่งอาจเย็นเกินไป

  • ทาบนผิวที่ยังหมาด
    ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ ซับตัวลูกเบา ๆ ให้พอหมาด แล้วจึงทาเบบี้ออยล์เพื่อล็อกความชุ่มชื้นไว้

  • ระวังความลื่น
    เพราะเบบี้ออยล์ทำให้ผิวลื่นมาก ควรระมัดระวังในการอุ้มทารกหลังจากทาออยล์เสร็จใหม่ ๆ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

  • หลีกเลี่ยงบริเวณที่ไม่ควรทา
    ห้ามทาบริเวณใบหน้าโดยเฉพาะใกล้ตา จมูก ปาก และฝ่ามือของทารก เพราะเด็กอาจเอามือเข้าปากได้ และที่สำคัญคือต้องระวังไม่ให้ทารกสูดดมเข้าไป เพราะอาจทำให้เกิดภาวะปอดอักเสบจากการสำลักไขมันซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง

เลือกผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือ เลือกเบบี้ออยล์ที่ปราศจากน้ำหอม (Fragrance-Free) สารกันเสียพาราเบน (Paraben-Free) และสีสังเคราะห์ เพื่อลดความเสี่ยงของการระคายเคือง

 

เลือกโภชนาการที่มี MFGM เพื่อ IQ และทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ที่เหนือกว่า


นอกจากการดูแลสุขอนามัย สุขภาพโดยรวม และเฝ้าสังเกตพัฒนาการเด็กแรกเกิดว่าเหมาะสมตามวัยแล้วหรือไม่แล้ว การดูแลด้านโภชนาการตั้งแต่ลูกยังเล็ก โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีแรกของชีวิตนั้น ถือว่าเป็นการปูพื้นฐานที่สำคัญให้กับชีวิตของลูก จะช่วยให้ลูกพร้อมเติบโตมาเป็นเด็กที่ทั้งฉลาดทางความคิดและฉลาดทางอารมณ์ และพัฒนาทักษะ EF หรือ Executive Function ได้อย่างเต็มศักยภาพ

โดยโภชนาการที่สำคัญที่ลูกน้อยควรได้รับก็คือนมแม่ เพราะในนมแม่ที่มี MFGM สุดยอดสารอาหารในนมแม่ ประกอบด้วยไขมันและโปรตีนกว่า 150 ชนิด รวมทั้งสฟิงโกไมอีลิน ฟอสโฟลิปิด แกงกลิโอไซด์ มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างพัฒนาการสมองของลูกน้อย และยังเป็นสารอาหารชนิดเดียวที่ช่วยให้ลูกมี IQ ที่เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ปีแรก

 

* นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก
Enfa Smart Club สนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่าง
เดียวอย่างน้อย 6 เดือนและให้นมแม่ควบคู่อาหารตามวัยอีก 2 ปี หรือนานกว่านั้น ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO)
Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

คุณกำลังเข้าถึงเนื้อหาจากผู้ให้บริการภายนอกเกี่ยวกับการซื้อหรือ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท มี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน (ประเทศไทย) จำกัด​

กรุณากดยืนยันเพื่อดำเนินการต่อ

Line TH
Cart TH Join Enfamama