Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
คุณแม่เคยสังเกตลูกที่ดูเหมือนจะมีพลังล้นเหลือ วิ่งไปวิ่งมา พูดตลอดเวลา และดูเหมือนจะหยุดไม่ได้บ้างไหมคะ? พฤติกรรมเหล่านี้อาจทำให้คุณแม่สงสัยว่านี่คือ เด็กไฮเปอร์ หรือเปล่า หรือเป็นแค่พฤติกรรมกระตือรือร้นมากกว่าคนอื่นๆ เราจะมาทำความเข้าใจกันอย่างละเอียด เพื่อช่วยให้คุณแม่สามารถดูแลลูกน้อยได้อย่างถูกต้องและมีความสุข
โรคไฮเปอร์คืออะไร จริงๆ แล้ว "ไฮเปอร์" หรือที่เรียกกันว่า "ภาวะความกระตือรือร้นเกินพอดี"
(Hyperactivity)ไฮเปอร์คืออะไร ก็คือ
ภาวะที่ทำให้บุคคลมีพฤติกรรมที่แสดงออกมาในลักษณะของการกระทำอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
โดยไม่สามารถควบคุมหรือหยุดพักได้ง่าย อาจจะเกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย
แต่ในเด็กนั้นมักพบมาก
โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่ยังอยู่ในวัยพัฒนาการ การที่เด็กมีพลังงานมาก
และกระตือรือร้นมากเกินไปอาจทำให้พวกเขาไม่สามารถตั้งใจฟัง หรือทำกิจกรรมต่างๆ ให้อยู่ในที่เดียวได้
ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและการเรียนรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพบร่วมกับภาวะอื่นๆ เช่น สมาธิสั้นค่ะ
เด็กไฮเปอร์คืออะไร เด็กไฮเปอร์ คือ
เด็กที่แสดงพฤติกรรมที่มีพลังงานสูงและไม่สามารถควบคุมการกระทำของตัวเองได้อย่างเหมาะสม หรือสรุปง่ายๆ ว่า เด็ก hyper
คือ เด็กที่ซนมากกว่าปกติ มีความกระตือรือร้นสูง พูดคุยตลอดเวลา
และมักขาดความอดทนในการทำกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิ
เด็กประเภทนี้มักจะมีความกระฉับกระเฉง วิ่งเล่น
ตื่นตัวตลอดเวลา และมักมีพลังงานที่ไม่หยุดนิ่ง
ซึ่งในบางครั้งอาจทำให้พ่อแม่หรือผู้ดูแลรู้สึกเหนื่อยล้าหรือมีความกังวลใจ
ข้อสังเกตคือ เด็กไฮเปอร์
ไม่ได้หมายถึงเด็กที่ซุกซนธรรมดาค่ะ แต่เป็นเด็กที่มีพฤติกรรมที่ส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้และความสัมพันธ์กับผู้อื่น
บางครั้งอาจทำให้คนรอบข้างรู้สึกว่าเด็กเหล่านี้ขาดความสนใจในสิ่งที่ทำอยู่ แต่จริงๆ แล้ว
เด็กไฮเปอร์อาจเป็นเด็กที่มีความสามารถสูงและฉลาดในรูปแบบอื่นๆ
เพียงแต่มีความต้องการในการกระตุ้นและการจัดการพลังงานในทางที่เหมาะสมเท่านั้นเอง
เด็กที่มีพลังงานสูงมักจะเป็นผลจากลักษณะทางธรรมชาติของแต่ละคน เด็กบางคนมีแนวโน้มที่จะมีพลังงานมากกว่าคนอื่นๆ ซึ่งการแสดงออกของพฤติกรรมที่กระตือรือร้นเหล่านี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการในช่วงวัยเด็ก เนื่องจากในวัยนี้เด็กจะมีการเรียนรู้จากการเล่นและการสำรวจสิ่งใหม่ๆ การที่เด็กวิ่งเล่นหรือพูดคุยอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจของเขา
บางสถานการณ์ ไฮเปอร์ อาจจะหมายถึงพฤติกรรมที่เกินไปและมีการแสดงออกที่ไม่เหมาะสมในสถานการณ์ต่างๆ เช่น การที่เด็กไม่สามารถตั้งสมาธิในการทำการบ้าน หรือไม่สามารถทำกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธินานๆ ได้
เด็กไฮเปอร์บางคนอาจมีอาการที่ผิดปกติเมื่อเทียบกับเด็กทั่วไป เช่น การพูดเร็วหรือพูดมากเกินไป การกระตุ้นให้ร่างกายเคลื่อนไหวตลอดเวลา หรือมีปัญหากับการยับยั้งชั่งใจ ซึ่งอาจจะมีสาเหตุจากหลายปัจจัย ทั้งพัฒนาการทางสมอง การมีความเครียด หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการควบคุมพฤติกรรมของเด็ก
เด็กไฮเปอร์ที่มีอาการที่รุนแรงจนส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้หรือการอยู่ร่วมกับผู้อื่น อาจเป็นสัญญาณของภาวะสมาธิสั้น (ADHD) ซึ่งเป็นภาวะที่มีลักษณะเด่นคือความยากลำบากในการตั้งสมาธิ การควบคุมพฤติกรรม และความตื่นตัวที่มากเกินไป เด็กที่มีภาวะสมาธิสั้นมักจะมีพฤติกรรมที่ไม่สามารถควบคุมได้และอาจส่งผลกระทบต่อการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การเรียน การเล่นกับเพื่อน หรือการทำการบ้าน
การที่เด็กจะเป็น "ไฮเปอร์" หรือแสดงพฤติกรรมที่มีพลังงานสูงไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาทางร่างกายและจิตใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อพฤติกรรมเหล่านั้นเริ่มส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้หรือการดำเนินชีวิตประจำวัน พ่อแม่และผู้ดูแลควรสังเกตและให้ความสำคัญในการช่วยเหลือและสนับสนุนพฤติกรรมของเด็ก
การจัดการกับเด็กไฮเปอร์สามารถทำได้โดยการสร้างกิจกรรมที่เหมาะสมเพื่อระบายพลังงาน เช่น การเล่นกีฬา การออกกำลังกาย หรือกิจกรรมกลางแจ้งที่ช่วยให้เด็กได้ใช้พลังงานในทางที่สร้างสรรค์ นอกจากนี้ การตั้งกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนในการจัดการกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และการให้ความสนใจในพฤติกรรมที่ดีของเด็กจะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการในทางที่ถูกต้อง
บางครั้งคุณแม่อาจจะสงสัยว่า "เด็กไฮเปอร์" กับ "เด็กสมาธิสั้น" (ADHD) นั้นแตกต่างกันอย่างไร สมาธิสั้นกับไฮเปอร์มีความคล้ายคลึงกันค่ะ
1. ไฮเปอร์
การที่เด็กแสดงพฤติกรรม "ไฮเปอร์"
มักหมายถึงพฤติกรรมที่กระตือรือร้นมากเกินไปหรือมีพลังงานสูง เด็กไฮเปอร์มักจะไม่สามารถนั่งนิ่งๆ หรืออยู่ในที่สงบได้
ทำให้เกิดพฤติกรรมที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา เช่น การวิ่งเล่นตลอดเวลา การพูดเร็วหรือพูดมากเกินไป
หรือการทำกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานสูง การที่เด็กมีพฤติกรรมแบบนี้มักเป็นเรื่องปกติในช่วงวัยเด็ก
โดยเฉพาะในวัยอนุบาลหรือวัยประถมที่เด็กยังมีพลังงานมากและต้องการสำรวจสิ่งรอบตัว
อย่างไรก็ตาม การที่เด็กไฮเปอร์ไม่สามารถนั่งนิ่งได้ไม่จำเป็นต้องบ่งบอกถึงปัญหาทางสุขภาพ พฤติกรรมเหล่านี้มักจะลดลงเมื่อเด็กโตขึ้นและพัฒนาความสามารถในการควบคุมตนเองได้ดีขึ้น และการมีพลังงานสูงนี้สามารถถูกระบายออกผ่านกิจกรรมที่เหมาะสม เช่น การเล่นกีฬา หรือการทำกิจกรรมกลางแจ้ง
2. สมาธิสั้น (ADHD)
ในขณะที่เด็กที่มีภาวะสมาธิสั้น (Attention Deficit Hyperactivity Disorder)
หรือ ADHD จะมีพฤติกรรมที่คล้ายกับเด็กไฮเปอร์ แต่จะมีลักษณะที่เด่นชัดและต่อเนื่องในหลายๆ ด้าน
เด็กที่สมาธิสั้นมักจะมีปัญหากับการตั้งสมาธิในการทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำการบ้าน
หรือแม้แต่การฟังคำสั่งจากผู้ใหญ่ พวกเขามักจะขาดความตั้งใจในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งและทำให้เกิดปัญหาต่างๆ
ในชีวิตประจำวัน
เด็กที่มี ADHD จะมีลักษณะพฤติกรรมที่เกินกว่าความกระตือรือร้นของเด็กทั่วไป เช่น การกระทำที่ไม่สามารถควบคุมได้ การเปลี่ยนกิจกรรมบ่อยๆ โดยไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นานๆ หรือการทำผิดพลาดซ้ำๆ เนื่องจากขาดสมาธิ นอกจากนี้เด็กที่มีภาวะสมาธิสั้นมักจะมีปัญหากับการคอยฟังหรือทำตามคำสั่งและมักจะสร้างความยุ่งเหยิงในสภาพแวดล้อมของตนเอง
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างเด็กไฮเปอร์และเด็กที่มีสมาธิสั้น (ADHD) คือพฤติกรรมของเด็กไฮเปอร์มักจะเป็นธรรมชาติในช่วงวัยเด็กและค่อยๆ ลดลงเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น โดยเด็กไฮเปอร์จะมีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการมีพลังงานมาก ในขณะที่เด็กที่มี ADHD จะมีปัญหาในการควบคุมพฤติกรรมและสมาธิอย่างต่อเนื่องแม้จะโตขึ้น โดยเด็กที่มี ADHD จะมีอาการที่ส่งผลกระทบต่อการเรียน การเข้าสังคม และกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน บางครั้งทั้งสองภาวะอาจพบร่วมกันก็ได้ คุณพ่อคุณแม่ควรให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อวินิจฉัยพฤติกรรมของลูกค่ะ
สาเหตุของภาวะไฮเปอร์ในเด็ก มีหลายสาเหตุ เด็กไฮเปอร์ เกิดจาก หลายปัจจัย อาจจะเป็นเรื่องของพันธุกรรมที่ทำให้มีการแสดงออกของพฤติกรรมกระตือรือร้นเกินพอดี หรือเกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น
นอกจากนี้ยังมีการวิจัยที่บ่งชี้ว่าอาหารที่มีสารกันบูดหรือการนอนหลับที่ไม่เพียงพอก็สามารถทำให้เด็กแสดงพฤติกรรมไฮเปอร์ได้
การรับรู้ถึงสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ปกครองสามารถจัดการกับพฤติกรรมของเด็กได้ดียิ่งขึ้น
เกร็ดน่ารู้ คือ
ไม่ใช่ทุกเด็กที่ซุกซนจะเป็นเด็กไฮเปอร์ ความซุกซนเป็นเรื่องปกติของวัยเด็ก
แต่หากพฤติกรรมส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญนะคะ
อาการเด็กไฮเปอร์ มักจะรวมถึงการแสดงพฤติกรรมที่ไม่สามารถนั่งนิ่งๆ ได้ หรือมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วเกินไป โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องการความสงบ เช่น ในห้องเรียนหรือที่โต๊ะอาหาร สำหรับ เด็กไฮเปอร์ อาการเหล่านี้อาจทำให้คุณแม่รู้สึกกังวล แต่การเข้าใจและรับมือกับอาการเหล่านี้ได้ดีจะช่วยให้การเลี้ยงดูลูกเป็นไปได้อย่างราบรื่น
พฤติกรรมเด็กไฮเปอร์ที่พบบ่อย เช่น
ถ้าถามว่า เด็กไฮเปอร์รักษายังไง สำหรับ การรักษาเด็กไฮเปอร์ ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับการปรับวิธีการเลี้ยงดูและการเสริมสร้างทักษะต่างๆ การพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญและแพทย์ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณแม่ได้คำแนะนำที่เหมาะสมค่ะ
วิธีรักษาเด็กไฮเปอร์ประกอบด้วย
การเลี้ยงดู "เด็กไฮเปอร์" ให้เป็นเด็กที่ "ไฮเปอร์ ฉลาด" อาจต้องใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างไปจากการเลี้ยงดูเด็กทั่วไป และไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ค่ะ การเสริมพัฒนาการทางสมองด้วยการทำกิจกรรมที่กระตุ้นสมอง เช่น
กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้พวกเขาใช้พลังงานไปในทางที่เหมาะสม
วิธีเลี้ยงเด็กไฮเปอร์ไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะคุณพ่อคุณแม่ หากรู้วิธีการและเทคนิคที่เหมาะสม เคล็ดลับการเลี้ยงดูเด็กไฮเปอร์ เช่น
ในช่วง 1,000 วันแรกของลูก เป็นช่วงเวลาสำคัญมากต่อพัฒนาการทางสมองและสติปัญญา โดย 80% ของสมอง จะเติบโตสูงสุดในช่วง 2
ขวบปีแรก และ 90% จะเติบโตสูงสุดในช่วง 5 ปีแรก ด้วยเหตุนี้ โภชนาการในช่วง 1,000 วันแรกของลูกน้อย
จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
โภชนาการที่ดีจะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมองและการเรียนรู้ของลูกน้อย
โดยคุณแม่สามารถเสริมสร้างโภชนาการที่ดีได้ด้วยการให้ลูกน้อยได้รับนมแม่ตั้งแต่ 6 เดือนแรก
และให้นมแม่อย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับอาหารตามวัยจนอายุ 2 ปี
เพราะในนมแม่มีสารอาหารสำคัญอย่าง MFGM
หรือเยื่อหุ้มอนุภาคไขมันในนมแม่ ที่ประกอบด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น สฟิงโกไมอีลิน ฟอสโฟลิปิด
แกลงกลิโอไซต์ ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างการทำงานของสมองให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว
เพื่อ IQ ที่เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ปีแรก
Enfa สรุปให้ พฤติกรรมลูกดื้อต่อต้าน เป็นเรื่องปกติที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในช่วงวัยที่เด็กเริ่มมีคว...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ เซลล์สมอง คือ หน่วยพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในสมองที่ช่วยให้สมองทำงานได้ตามปกติ มีหน้าท...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ หนึ่งใน 10 ลักษณะคนไอคิวต่ำที่สำคัญนั่นก็คือ การมีค่าเฉลี่ยไอคิวต่ำกว่ามาตรฐาน โดยต...
อ่านต่อ