Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
ช่วงขวบปีแรกของลูกรักเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทารกต้องพึ่งพาสารอาหารจากนมเป็นหลัก ทั้งเพื่อการเจริญเติบโตของร่างกาย พัฒนาการทางสมอง และการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เมื่อลูกกินนมน้อยลงหรือปฏิเสธการกินนม อาจทำให้พ่อแม่เกิดความกังวลว่าเป็นสัญญาณผิดปกติหรือไม่ ควรสังเกตสิ่งใด และควรพาไปพบแพทย์เมื่อใด ในบทความนี้ Enfa จะพาไปหาคำตอบเรื่องนี้กันค่ะ
หากลูกกินนมน้อยลงเพียงช่วงสั้น ๆ แต่ยังมีพฤติกรรมสดใสร่าเริง น้ำหนักตัวคงที่หรือเพิ่มขึ้น ขับถ่ายและปัสสาวะปกติ โดยเฉพาะปัสสาวะอย่างน้อย 6–8 ครั้งต่อวัน มักไม่ถือว่าเป็นเรื่องอันตราย อย่างไรก็ตาม หากทารกกินนมน้อยลงและมีอาการดังนี้ร่วมด้วย ควรรีบพาไปพบแพทย์
ทั้งนี้ เด็กบางคนอาจมีภาวะขาดสารอาหารหรือมีปัญหาเกี่ยวกับการดูดกลืน ซึ่งควรได้รับการประเมินโดยกุมารแพทย์เท่านั้นค่ะ
หลายครั้งที่ลูกกินนมน้อยลงอาจเป็นเพียงพฤติกรรมตามวัย แต่ในบางกรณีอาจเป็นสัญญาณของความไม่สบายตัวหรือมีสิ่งรบกวนที่ทำให้ลูกไม่อยากดูดนม หากทารกกินนมน้อยลง คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตปัจจัยแวดล้อมและพฤติกรรมร่วม ดังนี้
การสังเกตอาการลูกน้อยอย่างใกล้ชิดทำให้พบความผิดปกติได้เร็ว ซึ่งหากพ่อแม่สามารถระบุสาเหตุและแก้ไขได้ตรงจุด ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาลูกกินนมน้อยได้ค่ะ
ทารกวัย 1 เดือนควรกินนมทุก 2–3 ชั่วโมง หรือประมาณ 8–12 มื้อต่อวัน หากทารก 1 เดือน กินน้อยลงกว่าปกติหรือใช้เวลาในการดูดนมสั้นลง อาจเกิดจากปัญหาเหล่านี้
หากพบปัญหาทารก 1 เดือน กินน้อยลง คุณแม่ควรปลุกลูกเบา ๆ ทุก 2–3 ชั่วโมง และตรวจสอบการเข้าเต้าว่าถูกต้องหรือไม่ หากยังมีปัญหาควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการให้นมค่ะ
ลูก 2 เดือน กินน้อยลงเพราะเริ่มสนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น เสียงหรือใบหน้า จนอาจเบี่ยงเบนความสนใจจากการดูดนม อีกทั้งยังอาจเกิดภาวะ nursing strike ชั่วคราว ซึ่งทำให้ลูกปฏิเสธเต้าแม้หิว โดยภาวะนี้มักหายได้เองใน 2–3 วัน
หากลูก 2 เดือนกินน้อยลง นอนเยอะ ยังร่าเริง น้ำหนักเพิ่ม และขับถ่ายปกติ พ่อแม่ไม่ต้องกังวล แต่ถ้ามีอาการอื่นร่วม เช่น มีไข้ ซึม หรือหยุดดูดนมหลายวัน ควรพบแพทย์ทันทีค่ะ
แม้จะพบว่าลูก 4 เดือนกินน้อยลง โดยเด็กบางคนเริ่มยืดระยะห่างระหว่างมื้อ หรือดูดนมครั้งละมากขึ้นแต่จำนวนน้อยลง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ หากน้ำหนักยังขึ้นดีและลูกมีปัสสาวะสม่ำเสมอ อาจไม่ใช่ปัญหาค่ะ อย่างไรก็ตาม ควรติดตามพฤติกรรมลูก 4 เดือน ไม่ยอมกินนมอย่างต่อเนื่อง หากมีอาการแสดงว่าหิวนมบ่อยแต่ปฏิเสธการดูด ควรตรวจสอบว่ามีปัญหาจุกนมหรือภาวะทางช่องปากหรือไม่ เพื่อจะได้แก้ไขได้ตรงจุดค่ะ
ลูก 7 เดือนกินน้อยลง เพราะเมื่อเข้าสู่วัยอาหารเสริม ลูกอาจเริ่มชอบรสชาติอาหารและลดการกินนมลง หากได้รับอาหารเสริมมากเกินหรือเวลามื้ออาหารใกล้กับการให้นมเกินไป อาจทำให้ปฏิเสธนมได้ค่ะ
ในช่วงวัยนี้ คุณแม่ควรจัดเวลาห่างระหว่างอาหารและนม 1–1.5 ชั่วโมง และเน้นอาหารที่ให้พลังงานและแคลเซียม เช่น เต้าหู้ งาดำ ปลาเล็ก นอกจากนี้ยังควรให้นมอย่างน้อยวันละ 3–4 มื้อด้วยค่ะ
ทารกแรกเกิดกินน้อยเพราะช่วงแรกเกิดเป็นช่วงที่ระบบย่อยอาหารยังทำงานไม่สมบูรณ์ และลูกยังปรับตัวกับการดูดนมไม่คล่อง บางคนจึงกินนมน้อยแม้ยังหิว คุณแม่อาจปรับวิธีให้นมและตรวจสอบสาเหตุ ดังนี้
หากทารกแรกเกิดกินน้อย และน้ำหนักไม่เพิ่มในช่วง 2 สัปดาห์แรก หรือดูซึมลง ควรพาไปพบแพทย์เพื่อประเมินสาเหตุเพิ่มเติมค่ะ
บางครั้งคุณพ่อคุณแม่อาจพบว่า ลูกไม่ยอมกินนม ลูกหิว แต่ไม่ยอมกิน อาจเพราะเกิดจากความเครียด สิ่งแวดล้อม หรือปัญหาสุขภาพ คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตอาการทารกไม่ยอมกินนมเพิ่มเติม ดังนี้
ในกรณีที่ลูกแรกเกิดไม่ยอมดูดเต้า อาจเกิดจากภาวะลิ้นติดหรือการเข้าเต้าที่ไม่ถูกต้อง คุณแม่ควรให้ลูกแนบผิวหนังกับตนเองบ่อยขึ้นเพื่อสร้างความคุ้นเคยและปลอบประโลมลูก หากลูกยังไม่สามารถดูดเต้าได้ อาจปั๊มนมแล้วให้ลูกกินผ่านถ้วยหรือไซริงก์เป็นการชั่วคราว
กรณีที่ลูกไม่ยอมกินนมผงหรือลูกไม่ยอมกินนมชง อาจมาจากกลิ่น รสชาติ หรืออุณหภูมิของนมที่ลูกไม่ชอบ หรืออาจไม่คุ้นกับขวดนมและจุกนมที่ใช้อยู่ การลองเปลี่ยนสูตรนมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ที่เหมาะกับวัยอาจช่วยได้ เช่น เปลี่ยนจุกขวดที่นิ่มขึ้นหรือไหลนมเร็วขึ้น และที่สำคัญคือไม่ควรฝืนป้อนเมื่อลูกต่อต้าน แต่ควรหยุดพักแล้วลองใหม่ในเวลาที่ลูกพร้อมเปลี่ยนสูตรนมหรืออุณหภูมิของนมให้เหมาะสมค่ะ
เมื่อพ่อแม่สังเกตว่าลูกกินนมน้อยลง สิ่งสำคัญคือต้องดูองค์ประกอบอื่น ๆ ร่วมด้วย ไม่ใช่เพียงปริมาณนมเท่านั้น เพื่อให้ประเมินได้ว่าลูกอยู่ในภาวะปกติหรือควรได้รับการดูแลเพิ่มเติม โดยควรพิจารณาดังนี้
การที่ลูกกินนมน้อยอาจไม่ใช่เรื่องผิดปกติ หากลูกยังมีพฤติกรรมดี น้ำหนักขึ้น และปัสสาวะปกติ แต่อย่าละเลยการสังเกตอาการร่วมอื่น เพราะอาจมีปัญหาที่ต้องการการดูแลจากแพทย์ หากพบว่าลูกกินนมน้อยติดต่อกันหลายวัน ร่วมกับอาการซึม น้ำหนักลด หรือปฏิเสธการกินอย่างสิ้นเชิง ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อประเมินและหาทางแก้ไขอย่างเหมาะสมค่ะ
นอกจากการดูแลสุขอนามัย สุขภาพโดยรวม และเฝ้าสังเกตพัฒนาการของของลูกน้อยว่าเหมาะสมตามวัยแล้วหรือไม่แล้ว การดูแลด้านโภชนาการตั้งแต่ลูกยังเล็ก โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีแรกของชีวิตนั้น ถือว่าเป็นการปูพื้นฐานที่สำคัญให้กับชีวิตของลูก จะช่วยให้ลูกพร้อมเติบโตมาเป็นเด็กที่ทั้งฉลาดทางความคิดและฉลาดทางอารมณ์
โดยโภชนาการที่สำคัญที่ลูกน้อยควรได้รับก็คือนมแม่ เพราะในนมแม่ที่มี MFGM หนึ่งเดียวที่มีงานวิจัยรองรับว่า* ช่วยให้มี IQ และ EF ที่เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ขวบปีแรก ให้ลูกพร้อมกว่าเมื่อถึงวัยเข้าเรียน โดย MFGM ในนมแม่ เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างเส้นใยประสาท (Myelin Sheath) และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณประสาทเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง ทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเรียนรู้และจดจำได้ดียิ่งขึ้น
*สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีและศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย. นมแม่กับการพัฒนาทักษะสมองส่วน Executive Function. 2561
หากลูก 1 ขวบไม่ยอมกินนม คุณแม่ควรเน้นอาหารที่อุดมด้วยแคลเซียมและโปรตีน เช่น เต้าหู้ ปลาตัวเล็ก งาดำ หรือโยเกิร์ตแทนนม และตรวจสอบว่าลูกได้รับสารอาหารเพียงพอในแต่ละวัน โดยไม่จำเป็นต้องบังคับให้ดื่มนมหากรับประทานอาหารอื่นได้ดี
การที่ลูกกินนมยากอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ฟันขึ้น ลิ้นติด เจ็บปาก ท้องอืด หรือไม่ชอบรสชาติของนมหรือขวดนมที่ใช้ รวมถึงอาจเกิดจากการรบกวนจากสิ่งแวดล้อมขณะให้นม หรือมีประสบการณ์ไม่ดีเกี่ยวกับการกินนมมาก่อน
หากลูกปฏิเสธเต้าแบบกะทันหัน อาจเกิดจาก nursing strike หรือการประท้วงการดูดนม ซึ่งเป็นภาวะที่ลูกปฏิเสธการดูดนมจากเต้าแบบกะทันหัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดูดได้ตามปกติ และยังมีความหิวอยู่ ภาวะนี้มักเกิดชั่วคราว คุณแม่ควรเพิ่มการสัมผัสผิวหนัง พยายามให้นมในสภาพแวดล้อมที่สงบ และอาจปั๊มนมให้ลูกกินผ่านถ้วยหรือไซริงก์ชั่วคราว หากปัญหายังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ค่ะ
Enfa สรุปให้ ลูก 2 เดือน กินน้อยลง เพราะเริ่มสนใจสิ่งรอบตัวหรือเกิดภาวะ nursing strike ชั่วคราว ...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ทารก 1 สัปดาห์กินนมประมาณ 1.5-3 ออนซ์ โดยควรแบ่งมื้อนมออกเป็น 6-8 มื้อต่อวัน ...
อ่านต่อลูกกินยากหรือกลัวการกิน ผักไม่แตะ ผลไม้ไม่เอา ไปโรงเรียนก็ไม่ยอมกินข้าว ปัญหาเหล่านี้ อาจเป็นเรื่...
อ่านต่อ