คนท้องกินขนมจีนได้ไหม คนท้องควรกินอะไรที่ปลอดภัย ดีต่อสุขภาพ

เลือกอ่านตามหัวข้อ

• คนท้องกินขนมจีนได้ไหม
• คนท้องกินขนมจีน ได้มากน้อยแค่ไหนต่อวัน
• ประโยชน์และโทษของขนมจีนต่อคุณแม่ท้อง
• คนท้องกินขนมจีนน้ำยาได้ไหม
• คนท้องกินน้ำเงี้ยวได้ไหม
• คนท้องกินแกงไตปลาได้ไหม
• คนท้องกินแกงเขียวหวานได้ไหม
• แม่หลังคลอดกินขนมจีนได้ไหม
• ข้อควรรู้เมื่อคนท้องกินขนมจีน
• อนาคตที่ดีที่สุดของลูกน้อย เริ่มต้นด้วยโภชนาการผ่านคุณแม่
  

ขนมจีนคือหนึ่งในอาหารยอดนิยมของคนไทย โดยนอกจากกินกับน้ำยาหลากหลายชนิดแล้วยังนิยมกินคู่กับอาหารบางชนิดแทนข้าวได้ด้วย เช่น ส้มตำ ยำขนมจีน อย่างไรก็ดี สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์แล้ว หลายคนอาจสงสัยว่าคนท้องกินขนมจีนได้ไหม ต้องระมัดระวังอะไรมากเป็นพิเศษหรือเปล่า

ในบทความนี้ Enfa จะพาคุณแม่ท้องมาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการกินขนมจีนกันว่า คนท้องกินขนมจีนได้ไหม รวมถึงแม่หลังคลอดหรือแม่ให้นมกินขนมจีนได้ไหม มาอ่านพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

คนท้องกินขนมจีนได้ไหม

คนท้องกินขนมจีนได้มั้ย เป็นคำถามที่คุณแม่ท้องหลายคนอยากรู้ คนท้องกินขนมจีนได้แต่ควรระมัดระวังเรื่องความสะอาดและปรุงสุกค่ะ โดยทั่วไปแล้วขนมจีนที่สะอาด ปรุงสุก และไม่มีวัตถุดิบที่เป็นอันตราย สามารถรับประทานได้ในระหว่างตั้งครรภ์ได้ตามปกติ

ทั้งนี้ อาจต้องระวังเรื่องของการเลือกน้ำยาขนมจีนที่รับประทานคู่กัน ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม และระวังอย่ารับประทานรสจัดมากนัก เนื่องจากบางสูตรอาจมีพริก เครื่องเทศจัด หรือมีปลาร้าดิบซึ่งไม่ปลอดภัยในช่วงตั้งครรภ์

คนท้องกินขนมจีน ได้มากน้อยแค่ไหนต่อวัน

คนท้องกินขนมจีนได้โดยหากรับประทานเป็นอาหารมื้อหลักในปริมาณที่แนะนำคือประมาณ 1 จาน หรือประมาณ 150-200 กรัมของเส้นขนมจีนสุกต่อมื้อ ไม่ควรรับประทานขนมจีนหลายมื้อติดต่อกันทุกวัน เพราะอาจทำให้ได้รับคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด และเสี่ยงต่อภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์

นอกจากนี้ ควรรับประทานขนมจีนร่วมกับผักสดที่ล้างสะอาดหรือผักลวก เพิ่มโปรตีนจากเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน หรือไข่ต้ม และลดการใส่กะทิหรือพริกมากเกินไป เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน

ประโยชน์และโทษของขนมจีนต่อคุณแม่ท้อง

ขนมจีนก็เหมือนกับอาหารทุกชนิดค่ะ คือมีทั้งข้อดีและข้อควรระวังที่คุณแม่ท้องควรกินในปริมาณที่เหมาะสม โดยขนมจีนมีประโยชน์ต่อคุณแม่ท้อง

• เป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญเนื่องจากมีคาร์โบไฮเดรตสูง
• มีสมุนไพรในน้ำยาและแกงหลายชนิด เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กระเทียม หอมแดง ซึ่งมีสรรพคุณช่วยขับลม บำรุงธาตุ และมีสารต้านอนุมูลอิสระ
• ได้รับกากใยจากผัก การรับประทานขนมจีนคู่กับผักเคียงนานาชนิด ช่วยให้คุณแม่ได้รับใยอาหารเพิ่มขึ้น ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการป้องกันและบรรเทาอาการท้องผูก
• ช่วยลดความเครียด เพราะการได้รับประทานอาหารที่ชอบและอยากทาน สามารถช่วยให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพจิตโดยรวมได้

ทั้งนี้ เมื่อมีประโยชน์แล้ว ขนมจีนก็มีโทษหรือข้อควรระวังเช่นกัน คือ

• ความเสี่ยงจากกระบวนการผลิตเส้นขนมจีนที่ไม่สะอาด อาจมีการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคท้องร่วง อาหารเป็นพิษได้
• โซเดียมสูง เนื่องจากน้ำยาและแกงส่วนใหญ่มักมีรสเค็มจัดจากน้ำปลา เกลือ กะปิ หรือปลาร้า การบริโภคโซเดียมมากเกินไปจะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตสูง อาการบวม และอาจนำไปสู่ภาวะครรภ์เป็นพิษได้
• ไขมันและน้ำตาลสูง โดยเฉพาะน้ำยาที่ใส่กะทิ เช่น น้ำยากะทิ หรือแกงเขียวหวาน มีไขมันอิ่มตัวและพลังงานสูง หากทานบ่อย ๆ อาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมากเกินไป
• รสชาติเผ็ดร้อน โดยเฉพาะแกงบางชนิด เช่น แกงไตปลา ความเผ็ดจัดอาจกระตุ้นให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอกและอาหารไม่ย่อย
• วัตถุดิบที่ไม่สุก โดยส่วนผสมบางอย่าง เช่น เลือดหมูในน้ำเงี้ยว หรือปลาร้าดิบในน้ำยาบางสูตร เป็นแหล่งของเชื้อโรคและพยาธิที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อทารกในครรภ์
  

คนท้องกินขนมจีนน้ำยาได้ไหม

คนท้องกินขนมจีนน้ำยาได้ โดยเฉพาะน้ำยากะทิและน้ำยาป่าเมนูยอดฮิต ควรเลือกอย่างไรให้รับประทานได้อย่างปลอดภัย มาดูกันค่ะ

น้ำยากะทิ 

ทำจากเนื้อปลาโขลกกับเครื่องแกงและกะทิ ควรใช้เนื้อปลาที่ปรุงสุก 100% เลือกร้านที่ใช้กะทิคั้นสดใหม่ ไม่ใช่กะทิกล่องที่อาจมีสารกันบูด และควรเป็นสูตรที่ไม่เผ็ดและไม่เค็มจัดเกินไป

น้ำยาป่า

หรือน้ำยาไม่ใส่กะทิ แต่ใช้เนื้อปลาและเครื่องสมุนไพรเป็นหลัก น้ำยาป่ามักมีรสเผ็ดร้อนกว่าน้ำยากะทิ และอาจมีการใส่ปลาร้าเพื่อเพิ่มความนัว คุณแม่ต้องแน่ใจว่าน้ำปลาร้าที่ใช้นั้นผ่านการต้มจนสุกเดือดแล้วเท่านั้น และระวังอย่ากินรสจัดมากเกินไป

คนท้องกินน้ำเงี้ยวได้ไหม

คนท้องกินน้ำเงี้ยวได้ โดยน้ำเงี้ยวหรือขนมจีนน้ำเงี้ยวเป็นอาหารของทางภาคเหนือ มีส่วนประกอบหลักคือหมูสับ มะเขือเทศ ดอกงิ้ว และเลือดก้อนหรือเลือดหมู ที่นิยมใส่ในน้ำเงี้ยวตามสูตรดั้งเดิม ซึ่งไม่แนะนำให้คุณแม่ท้องกิน เพราะแม้เลือดหมูจะผ่านการต้มสุกแล้วแต่ก็อาจเสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อโรคบางชนิดที่ไม่ทนความร้อนสูงได้ไม่ดีพอ

หากเป็นไปได้ควรทำอาหารเอง หรือเลือกร้านที่ไม่ใส่เลือด และควรรับประทานแบบปรุงสุกร้อน รสไม่จัดจ้านเกินไป 

คนท้องกินแกงไตปลาได้ไหม

แกงไตปลาเป็นเมนูที่เผ็ดจัด เค็มจัด และมักใส่ปลาร้าหรือไตปลาหมัก ซึ่งไม่แนะนำสำหรับคนท้อง เพราะความเผ็ดจัดอาจกระตุ้นลำไส้และทำให้มดลูกบีบตัว

นอกจากนี้ ปลาร้าหรือไตปลาดิบอาจมีพยาธิหรือเชื้อก่อโรค และที่สำคัญคือเป็นเมนูที่โซเดียมสูงอาจกระทบต่อความดันโลหิตคุณแม่ท้องได้ โดยเฉพาะคนที่มีความเสี่ยงหรือมีโรคประจำตัว 

คนท้องกินแกงเขียวหวานได้ไหม

คนท้องกินแกงเขียวหวานได้ หากรับประทานในปริมาณพอเหมาะ เพราะมีส่วนผสมของกะทิ ซึ่งมีไขมันค่อนข้างสูงและพริกสดที่อาจเผ็ดเกินไป หากคนท้องต้องการกินแกงเขียวหวาน

แนะนำให้เลือกเลือกสูตรแกงเขียวหวานที่ไม่เผ็ดจัด ลดการใช้น้ำตาล น้ำมัน และกะทิ และควรกินร่วมกับผักและโปรตีน เช่น เนื้อไก่ หรือเต้าหู้ 

แม่หลังคลอดกินขนมจีนได้ไหม

แม่หลังคลอดกินขนมจีนได้ โดยเฉพาะถ้าร่างกายแข็งแรงและไม่มีปัญหาทางเดินอาหาร ซึ่งการรับประทานขนมจีนที่ปรุงสุกใหม่ร่วมกับน้ำยาที่ไม่เผ็ดและไม่มีวัตถุดิบต้องห้าม เช่น ปลาร้าดิบ จะไม่กระทบต่อน้ำนม

หากคุณแม่ให้นมลูกกินขนมจีนควรระวังเรื่องขนมจีนและเครื่องแกงที่รสเผ็ดจัดเพราะอาจกระทบต่อลำไส้ลูก ทำให้มีอาการท้องอืด แน่นท้องได้ 

ข้อควรรู้เมื่อคนท้องกินขนมจีน

หากคุณแม่ท้องหรือคุณแม่ให้นมอยากกินขนมจีน มีข้อควรรู้เมื่อคนท้องกินขนมจีน ดังนี้

• เลือกเส้นขนมจีนที่สะอาด ไม่เปรี้ยวหรือมีกลิ่นบูด
• เลี่ยงการกินขนมจีนกับน้ำยาที่ใส่ปลาร้าดิบหรือของหมักดอง
  
• หลีกเลี่ยงรสจัด เผ็ด เค็มหรือมันเกินไป
  
• ไม่ควรกินทุกวัน ควรสลับกับอาหารหลากหลาย
  
• ควรเพิ่มผักลวกหรือผักสดที่ล้างสะอาดเพื่อให้ได้ใยอาหาร
  
• ตรวจสอบวัตถุดิบทุกครั้งก่อนรับประทาน
  
• หากมีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ควรจำกัดคาร์โบไฮเดรตจากขนมจีน
  
• ควรกินช้า ๆ และเคี้ยวให้ละเอียด เพื่อลดโอกาสท้องอืด
  
• เลี่ยงเส้นขนมจีนที่มีสารกันบูด หรือสีไม่เป็นธรรมชาติ
  
• ควรปรึกษาแพทย์หากมีโรคประจำตัวหรือระบบย่อยอาหารไม่ปกติ 

อนาคตที่ดีที่สุดของลูกน้อย เริ่มต้นด้วยโภชนาการผ่านคุณแม่

การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ของชีวิตคุณแม่ นอกจากสัญญาณการมีชีวิตของทารกในครรภ์แล้ว สุขภาพที่ดีและการเจริญเติบโตอย่างมีพัฒนาการสมวัยยังเป็นสิ่งที่คุณแม่ควรให้ความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะระหว่างตั้งครรภ์คุณแม่ควรรักษาสุขภาพให้ดี รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ได้รับโภชนาการครบถ้วน เพื่อส่งต่อสารอาหารที่ดีสู่ลูกน้อย

นอกจากนี้ ยังสามารถเสริมด้วยนมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ดีเอชเอ โฟเลต โคลีน และแคลเซียม