คู่มือคุณแม่มือใหม่ ปรึกษาตั้งครรภ์ 24 ชม. ที่ไหนดี

เลือกอ่านตามหัวข้อ

• ปรึกษาการตั้งครรภ์ 24 ชม. ที่ไหนได้บ้าง
• ปรึกษาการตั้งครรภ์ออนไลน์ ดีอย่างไร
• ปรึกษาหมอตั้งครรภ์ฟรีที่ไหนดี
• ก่อนตั้งครรภ์ควรเตรียมความพร้อมอย่างไร
• อนาคตที่ดีที่สุดของลูกน้อย เริ่มต้นด้วยโภชนาการผ่านคุณแม่
  
  

การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาสำคัญทั้งกับคุณแม่และลูกในท้อง การดูแลสุขภาพในระหว่างตั้งครรภ์รวมถึงการเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์อย่างเหมาะสม ตลอดจนการสังเกตโอกาสท้องของผู้หญิง จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งปัจจุบันผู้คนสามารถเข้าถึงบริการปรึกษาตั้งครรภ์ 24 ชม. ผ่านช่องทางออนไลน์หรือสายด่วนได้สะดวกขึ้น

ในบทความนี้ Enfa จะพาคุณแม่ทุกคนมารู้จักกับบริการตั้งครรภ์ 24 ชม. และการปรึกษาการตั้งครรภ์ออนไลน์กันค่ะ ปรึกษาหมอตั้งครรภ์ฟรีที่ไหนดี ปรึกษาเรื่องมีบุตรได้ที่ไหนบ้าง มาอ่านกันเลยค่ะ

ปรึกษาการตั้งครรภ์ 24 ชม. ที่ไหนได้บ้าง

สำหรับคุณแม่ที่ต้องการคำปรึกษาตั้งครรภ์ฟรี ปัจจุบันมีหลายช่องทางที่ให้บริการอย่างครอบคลุมเลยค่ะ ตัวอย่างเช่น

• Enfa Smart Club แพลตฟอร์มให้ความรู้และคำปรึกษาแก่คุณแม่ตั้งครรภ์และคุณแม่ที่มีลูกน้อย มีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยตอบคำถามผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ดังนี้
  Website : https://www.enfababy.com/
  Facebook : https://www.facebook.com/enfasmartclub/
  Instagram : https://www.instagram.com/enfasmartclubthai/
  TikTok : https://www.tiktok.com/@enfasmartclub
  YouTube : https://www.youtube.com/@EnfaSmartClub
  Line @EnfaSmartClub https://lin.ee/JKO7I5Z
  Application A+ Genius Baby
  • iOs 
  • Android 
    
• โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ ซึ่งมักมีบริการ Telemedicine หรือการให้คำปรึกษาทางไกล ซึ่งช่วยให้คุณแม่สามารถวิดีโอคอลพูดคุยกับแพทย์ได้โดยตรง เหมาะสำหรับการติดตามอาการที่ไม่ฉุกเฉิน หรือขอคำแนะนำเพิ่มเติมหลังการตรวจ เช่น
  • โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
  • โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท
  • โรงพยาบาลกรุงเทพ
  • โรงพยาบาล BNH
    

ปรึกษาการตั้งครรภ์ออนไลน์ ดีอย่างไร

การปรึกษาการตั้งครรภ์ออนไลน์ช่วยให้คุณแม่ได้ข้อมูลที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ ทำให้มั่นใจคลายความกังวลที่มี ซึ่งมีข้อดี ดังนี้

• ความสะดวกและรวดเร็ว สามารถปรึกษาได้จากทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปยังโรงพยาบาล เพียงแค่มีสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็สามารถเข้าถึงบริการได้ทันที
• ความเป็นส่วนตัว คุณแม่หลายท่านอาจรู้สึกสบายใจกว่าที่จะพูดคุยหรือสอบถามปัญหาบางอย่างผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งช่วยลดความประหม่าและทำให้สามารถสื่อสารข้อกังวลได้อย่างเต็มที่
• เข้าถึงผู้เชี่ยวชาญได้หลากหลาย แพลตฟอร์มออนไลน์หลายแห่งมีการร่วมมือกับบุคลากรทางการแพทย์หลากหลายสาขา ทั้งสูตินรีแพทย์ นักโภชนาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก ทำให้สามารถเลือกปรึกษาได้ตรงกับปัญหาที่ต้องการ
• แหล่งข้อมูลความรู้เพิ่มเติม นอกจากการพูดคุยโดยตรงแล้ว แพลตฟอร์มเหล่านี้มักเป็นชุมชนออนไลน์ (Community) ที่คุณแม่สามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน และยังมีคลังบทความ วิดีโอ ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการตั้งครรภ์และการเลี้ยงลูกอีกด้วย

ปรึกษาหมอตั้งครรภ์ฟรีที่ไหนดี

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการคำปรึกษาที่น่าเชื่อถือโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ก็มีหลายหน่วยงานที่ให้บริการปรึกษาหมอตั้งครรภ์ฟรี ปรึกษาเรื่องมีบุตรฟรีโดยเฉพาะค่ะ ดังนี้

• โรงพยาบาลรัฐบาล โดยแผนกฝากครรภ์ของโรงพยาบาลรัฐบาลทุกแห่งมีทีมพยาบาลและบุคลากรที่พร้อมให้คำแนะนำเบื้องต้นทางโทรศัพท์ในเวลาราชการ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูแลครรภ์ ยาที่รับประทาน หรืออาการผิดปกติเล็กน้อย สามารถโทรสอบถามได้เสมอ
• ศูนย์บริการสาธารณสุข (ศบส.) ในเขตกรุงเทพมหานคร และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในต่างจังหวัด โดยสถานพยาบาลใกล้บ้านเหล่านี้เป็นด่านแรกที่สำคัญในการดูแลสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อย มีบริการให้คำปรึกษาด้านการวางแผนครอบครัว การฝากครรภ์ และการดูแลหลังคลอดโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
• สายด่วนสุขภาพจิต 1323 และ สายด่วน 1663 ให้บริการปรึกษาการตั้งครรภ์ฟรี ในแง่มุมของสุขภาพใจและให้ข้อมูลทางเลือกต่าง ๆ โดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
• เว็บไซต์ เช่น
  • Private Clinic 
  • โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
  • โรงพยาบาลสมิติเวช
  • เพื่อนครอบครัว.com
  • กลุ่ม RSA Thai

ก่อนตั้งครรภ์ควรเตรียมความพร้อมอย่างไร

ก่อนตั้งครรภ์ควรเตรียมความพร้อมหลายด้าน เพื่อให้การตั้งครรภ์เป็นไปอย่างราบรื่นและส่งเสริมสุขภาพที่ดีของทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์ การปรึกษาตั้งครรภ์ตั้งแต่ระยะวางแผนตั้งครรภ์จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด โดยปกติแล้วมีขั้นตอนดังนี้

1. การตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ (Pre-conception Check-up) ซึ่งควรตรวจทั้งคุณพ่อและคุณแม่ที่อยากมีลูก และคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกยาก โดยแยกตรวจตามเพศ ดังนี้

• สำหรับผู้หญิง ควรตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด หมู่เลือด ภาวะโลหิตจางธาลัสซีเมีย หัดเยอรมัน ไวรัสตับอักเสบบี ซิฟิลิส และเอชไอวี รวมถึงการตรวจภายในเพื่อหาความผิดปกติของมดลูกและรังไข่
• สำหรับผู้ชาย ควรตรวจสุขภาพทั่วไป ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด หมู่เลือด ธาลัสซีเมีย และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เช่นกัน

2. การรับประทานวิตามินเสริม โดยเฉพาะกรดโฟลิค (Folic Acid) เป็นสารอาหารที่สำคัญที่สุดในการเตรียมตัวตั้งครรภ์ ควรเริ่มรับประทานกรดโฟลิคอย่างน้อย 400 ไมโครกรัมต่อวัน ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ 1-3 เดือนและต่อเนื่องไปจนถึงอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ เพื่อช่วยป้องกันภาวะหลอดประสาทของทารกเปิด (Neural Tube Defects)

3. การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ มีหลายด้าน ดังนี้

• อาหาร รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารบำรุงมดลูกก่อนตั้งครรภ์ เน้นผัก ผลไม้ โปรตีนคุณภาพดี และธัญพืชไม่ขัดสี หลีกเลี่ยงอาหารดิบ อาหารหมักดอง และอาหารที่มีไขมันหรือน้ำตาลสูง
• การออกกำลังกาย ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอในระดับปานกลาง เช่น โยคะ ว่ายน้ำ หรือเดินเร็ว เพื่อควบคุมน้ำหนักและเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย
• หลีกเลี่ยงสารเสพติดและแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และใช้สารเสพติดทุกชนิดโดยเด็ดขาด เพราะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อพัฒนาการของทารก
  การจัดการความเครียด หาวิธีผ่อนคลายความเครียด เช่น การทำสมาธิ การทำงานอดิเรก หรือพูดคุยกับคนในครอบครัว
  
• การฉีดวัคซีน ปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสอบว่ามีวัคซีนที่จำเป็นต้องฉีดเพิ่มเติมหรือไม่ เช่น วัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมัน ซึ่งหากติดเชื้อระหว่างตั้งครรภ์อาจส่งผลให้ทารกพิการได้
  

นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมความพร้อมหลังการตั้งครรภ์อีกเช่นกัน โดยเมื่อมีการปฏิสนธิ ร่างกายคุณแม่จะเริ่มรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง โดยเฉพาะอาการคนท้องระยะแรก 1-2 สัปดาห์ ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งร่างกายและอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น ตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์ตั้งแต่การเตรียมความพร้อมไปจนถึงหลังคลอด คุณแม่จะต้องเผชิญความท้าทายอย่างมาก จึงจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การตั้งครรภ์ราบรื่น สุขภาพดีทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์ค่ะ

อนาคตที่ดีที่สุดของลูกน้อย เริ่มต้นด้วยโภชนาการผ่านคุณแม่

การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ของชีวิตคุณแม่ นอกจากสัญญาณการมีชีวิตของทารกในครรภ์แล้ว สุขภาพที่ดีและการเจริญเติบโตอย่างมีพัฒนาการสมวัยยังเป็นสิ่งที่คุณแม่ควรให้ความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะระหว่างตั้งครรภ์คุณแม่ควรรักษาสุขภาพให้ดี รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ได้รับโภชนาการครบถ้วน เพื่อส่งต่อสารอาหารที่ดีสู่ลูกน้อย

นอกจากนี้ ยังสามารถเสริมด้วยนมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ดีเอชเอ โฟเลต โคลีน และแคลเซียม