เลือกอ่านตามหัวข้อ
หนึ่งในคำถามยอดฮิตสำหรับคุณแม่มือใหม่คือ ฝากครรภ์ ที่ไหนดี เพราะสถานที่ที่เลือกมีผลต่อทั้งประสบการณ์ตั้งครรภ์ ความปลอดภัยของแม่และลูก รวมถึงค่าใช้จ่ายและความสะดวกสบาย โดยในบทความนี้ Enfa จะช่วยเปรียบเทียบข้อดีข้อจำกัดของแต่ละตัวเลือก ตั้งแต่คลินิก โรงพยาบาลรัฐบาล ไปจนถึงโรงพยาบาลเอกชน รวมถึงแนวทางเลือกในปี 2568 และคำแนะนำสำหรับคุณแม่ที่ฝากครรภ์ครั้งแรกค่ะ
ฝากครรภ์ที่ไหนดี
การเลือกสถานพยาบาลเป็นหัวใจสำคัญของการเริ่มต้นดูแลครรภ์ โดยทั่วไปแล้วคุณแม่จะมี 3 ตัวเลือกหลักในการฝากครรภ์ ซึ่งแต่ละแห่งก็มีข้อดี-ข้อเสีย และความเหมาะสมที่แตกต่างกันไป ดังนี้
ฝากครรภ์คลินิก
คลินิกสูตินรีเวชใกล้บ้านเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึง เนื่องจากความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการเข้ารับบริการ
ข้อดี
- มีความสะดวกสบาย เพราะมักตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางง่าย ใกล้บ้านหรือที่ทำงาน ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทาง
- รวดเร็ว เพราะจำนวนผู้รับบริการไม่มากเท่าโรงพยาบาล ทำให้ไม่ต้องรอคิวนาน
- ความเป็นส่วนตัวและใกล้ชิด เพราะได้รับการดูแลจากคุณหมอท่านเดิมอย่างต่อเนื่อง ทำให้รู้สึกคุ้นเคยและเป็นกันเอง สามารถซักถามข้อสงสัยได้อย่างเต็มที่
ข้อเสีย
- เครื่องมือและอุปกรณ์จำกัด อาจมีเครื่องมืออัลตราซาวด์พื้นฐาน แต่ไม่มีเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับตรวจหาความผิดปกติที่ซับซ้อน
- ไม่สามารถทำคลอดได้ เพราะคลินิกส่วนใหญ่ให้บริการฝากครรภ์และตรวจรักษาเท่านั้น เมื่อถึงกำหนดคลอด คุณหมอจะส่งตัวไปคลอดที่โรงพยาบาลที่ท่านประจำอยู่ ซึ่งอาจเป็นโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชนก็ได้
เหมาะกับใคร
- ไม่เหมาะกับครรภ์เสี่ยงสูง หากคุณแม่มีภาวะแทรกซ้อนหรือเป็นครรภ์เสี่ยงสูง เช่น ตั้งครรภ์แฝด มีโรคประจำตัว คลินิกอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสม
- เหมาะกับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ปกติ มีความเสี่ยงต่ำ ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และเน้นการดูแลแบบเป็นส่วนตัวในช่วงฝากครรภ์
ฝากครรภ์โรงพยาบาลรัฐบาล
โรงพยาบาลรัฐบาลเป็นที่พึ่งหลักด้านสาธารณสุขของคนไทย มีจุดเด่นด้านบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญและค่าใช้จ่ายที่เข้าถึงง่าย
ข้อดี
- ราคาไม่สูง สามารถใช้สิทธิ์การรักษาต่าง ๆ ได้ เช่น สิทธิ์บัตรทอง (สปสช.) ประกันสังคม สิทธิ์ข้าราชการ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก
- บุคลากรทางการแพทย์เชี่ยวชาญ เพราะเป็นศูนย์รวมของอาจารย์แพทย์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มีประสบการณ์ในการดูแลครรภ์เสี่ยงสูงและเคสที่ซับซ้อน
- เครื่องมือครบครัน มีเทคโนโลยีและเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย สำหรับการวินิจฉัยและรักษาที่ครอบคลุม
- มีธนาคารเลือดและห้อง ICU/NICU พร้อมรับมือกับภาวะฉุกเฉินทั้งของคุณแม่และทารกแรกเกิด
ข้อเสีย
- ระยะเวลารอคอยนาน มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก อาจต้องรอคิวนานในแต่ละขั้นตอน ตั้งแต่การยื่นเอกสารไปจนถึงการพบแพทย์
- ความแออัด บรรยากาศอาจไม่เป็นส่วนตัวเท่าที่ควร
- อาจไม่ได้พบแพทย์ท่านเดิมทุกครั้ง ในบางโรงพยาบาลโดยเฉพาะคลินิกนอกเวลา อาจได้พบแพทย์เวรซึ่งอาจเปลี่ยนไปในแต่ละครั้งที่ไปพบ
เหมาะกับใคร
- เหมาะกับคุณแม่ที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย คุณแม่ที่มีครรภ์ความเสี่ยงสูง ผู้ที่ต้องการความมั่นใจในทีมแพทย์และเครื่องมือที่ครบครัน และไม่กังวลเรื่องระยะเวลาการรอคอย
ฝากครรภ์โรงพยาบาลเอกชน
โรงพยาบาลเอกชนโดดเด่นในเรื่องการบริการ ความสะดวกสบาย และความรวดเร็ว ทำให้เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน
ข้อดี
- การบริการที่เป็นเลิศ ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายและความพึงพอใจของผู้รับบริการ การดูแลเอาใจใส่ดีเยี่ยม
- ความรวดเร็วและเป็นส่วนตัว ระบบนัดหมายมีประสิทธิภาพ รอคิวไม่นาน บรรยากาศเป็นส่วนตัว
- เลือกแพทย์ได้และพบแพทย์ท่านเดิม สามารถเลือกฝากครรภ์กับแพทย์ที่ต้องการและได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องจากแพทย์ท่านเดิม
- สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ห้องพักสะดวกสบายเหมือนโรงแรม มีบริการเสริมต่าง ๆ มากมาย
ข้อเสีย
- ค่าใช้จ่ายสูง ค่าบริการและแพ็กเกจต่าง ๆ มีราคาสูงกว่าโรงพยาบาลรัฐบาลอย่างชัดเจน
- อาจมีค่าใช้จ่ายแฝง นอกเหนือจากราคาแพ็กเกจ อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือต้องการบริการเสริมอื่น ๆ
เหมาะกับใคร
- คุณแม่ที่ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบาย การบริการที่รวดเร็วและเป็นส่วนตัว มีงบประมาณเพียงพอ และต้องการเลือกแพทย์ผู้ดูแลเป็นการเฉพาะ
ฝากครรภ์ที่ไหนดี 2568 เลือกจากอะไรดี
การจะตัดสินใจฝากครรภ์ที่ไหนดี ไม่เพียงต้องเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียตามความสะดวกของครอบครัวเท่านั้น สิ่งสำคัญคือควรอัปเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบันที่สุด สำหรับการฝากครรภ์ปี 2568 สามารถพิจารณาได้จากรายละเอียด ดังนี้
- งบประมาณและสิทธิการรักษา ตั้งงบประมาณสำหรับค่าฝากครรภ์และค่าคลอดให้ชัดเจน และตรวจสอบสิทธิการรักษาที่มี เช่น บัตรทอง ประกันสังคม ประกันสุขภาพเอกชน ว่าครอบคลุมที่ไหนบ้าง
- ความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ หากคุณแม่มีอายุมากกว่า 35 ปี มีโรคประจำตัว หรือมีประวัติการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติ ควรเลือกโรงพยาบาลที่มีทีมแพทย์และเครื่องมือพร้อมดูแลครรภ์เสี่ยงสูง
- ระยะทางและความสะดวกในการเดินทาง เพราะตลอด 9 เดือน คุณแม่ต้องเดินทางไปพบแพทย์หลายครั้ง โดยเฉพาะช่วงใกล้คลอดที่ต้องไปทุกสัปดาห์ ควรเลือกสถานที่ที่เดินทางสะดวก รถไม่ติด หรือใกล้บ้านหรือที่ทำงาน
- แพทย์และโรงพยาบาลที่เชื่อมั่น โดยลองหาข้อมูล รีวิว หรือพูดคุยกับคุณแม่ท่านอื่น ๆ เพื่อหาแพทย์และโรงพยาบาลที่คุณรู้สึกไว้วางใจในแนวทางการดูแล
- สิ่งอำนวยความสะดวก หากต้องการห้องพิเศษหลังคลอด มีศูนย์ดูแลทารกแรกเกิดภาวะวิกฤต (NICU) หรือต้องการคลินิกนมแม่ ควรตรวจสอบว่าโรงพยาบาลนั้น ๆ มีบริการเหล่านี้หรือไม่
- แนวทางการคลอด หากคุณแม่มีแผนการคลอดในใจ เช่น ต้องการคลอดธรรมชาติ บล็อกหลัง หรือผ่าตัดคลอด ควรปรึกษาแพทย์และโรงพยาบาลว่าสนับสนุนแนวทางนั้น ๆ หรือไม่
ฝากครรภ์ที่ไหนดี ราคา
นอกจากความสะดวกแล้ว อีกหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาคือเรื่องของราคาหรือค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์ ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละประเภทของสถานพยาบาล ดังนี้
โรงพยาบาลรัฐบาล
-
โรงพยาบาลฝากครรภ์ฟรี หากใช้สิทธิตามกรมบัญชีกลาง ประกันสังคม หรือ บัตรทอง (สปสช.) มักจะไม่เสียค่าใช้จ่ายในการตรวจครรภ์ตามมาตรฐาน หากมีการตรวจพิเศษเพิ่มเติมอาจมีค่าใช้จ่ายส่วนต่างเล็กน้อย
- คลอด ค่าใช้จ่ายสำหรับการคลอดธรรมชาติจะเริ่มต้นที่ประมาณ 5,000 - 15,000 บาท และการผ่าตัดคลอดประมาณ 15,000 - 30,000 บาท (ไม่รวมค่าห้องพิเศษ)
โรงพยาบาลเอกชน
- ฝากครรภ์ มักมีแพ็กเกจฝากครรภ์ซึ่งรวมการพบแพทย์ อัลตราซาวด์ และการตรวจเลือดตามมาตรฐานไว้แล้ว ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 15,000 ไปจนถึง 50,000 บาท หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาล
- คลอด มีแพ็กเกจคลอดที่ชัดเจน ราคาแตกต่างกันมาก ตั้งแต่ 40,000 ไปจนถึง 200,000 บาท หรือสูงกว่านั้น
คลินิก
ฝากท้องคลินิก มีค่าใช้จ่ายจะเป็นแบบต่อครั้ง (Per Visit) เฉลี่ยครั้งละ 1,000 - 3,000 บาท ขึ้นอยู่กับการตรวจในวันนั้น ๆ เช่น อัลตราซาวด์
ทั้งนี้ ราคาดังกล่าวเป็นเพียงการประมาณการเบื้องต้น อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ หากคุณแม่กำลังเตรียมพร้อมมีบุตรหรือวางแผนการตั้งครรภ์ควรสอบถามข้อมูลล่าสุดจากสถานพยาบาลโดยตรงอีกครั้งค่ะ นอกจากนี้ ยังมีสิทธิที่คุณแม่ควรทราบด้วย โดยเฉพาะคุณแม่ที่ใช้สิทธิประกันสังคม สามารถเบิกค่าฝากครรภ์ ประกันสังคม ได้ด้วย
แพ็กเกจคลอดโรงพยาบาลเอกชน มีอะไรในแพ็กเกจบ้าง
โดยทั่วไป แพ็กเกจคลอดของโรงพยาบาลเอกชนจะครอบคลุมรายการพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการคลอดและการพักฟื้น ดังนี้
- ค่าทีมแพทย์ เช่น สูติแพทย์ กุมารแพทย์ วิสัญญีแพทย์
- ค่าห้องคลอดและห้องพักฟื้น ตามจำนวนวันที่ระบุ เช่น 2 คืน 3 วัน สำหรับคลอดธรรมชาติ
- ค่ายาและเวชภัณฑ์มาตรฐานสำหรับคุณแม่และลูกน้อย
- ค่าดูแลและตรวจสุขภาพทารกแรกเกิดโดยกุมารแพทย์
- การตรวจคัดกรองเบื้องต้นในทารก เช่น ตรวจการได้ยิน ตรวจภาวะตัวเหลือง ตรวจคัดกรองภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมน
- วัคซีนเข็มแรกสำหรับทารก เช่น BCG ไวรัสตับอักเสบบี
- บริการสอนการดูแลทารกและให้คำปรึกษาเรื่องนมแม่
นอกจากนี้ อาจมีรายการที่ไม่รวมในแพคเกจซึ่งคุณแม่อาจต้องจ่ายเพิ่มเติม เช่น
- ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากภาวะแทรกซ้อนของคุณแม่หรือลูกน้อย
- ค่าห้องดูแลทารกแรกเกิดวิกฤต (NICU)
- การพักฟื้นเกินจำนวนวันที่กำหนดในแพ็กเกจ
- ค่ายาและบริการอื่น ๆ นอกเหนือจากที่ระบุ
- ค่าแพทย์ที่ปรึกษาเฉพาะทางอื่น ๆ
ฝากครรภ์ที่ไหนดี กทม
สำหรับคุณแม่ที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีตัวเลือกโรงพยาบาลชั้นนำมากมายที่สามารถฝากครรภ์ได้ เช่น
กลุ่มโรงพยาบาลรัฐบาลชั้นนำ
- โรงพยาบาลศิริราช มีชื่อเสียงด้านการดูแลเคสครรภ์เสี่ยงสูงและมีความเชี่ยวชาญสูง
- โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เป็นโรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์ที่มีความพร้อมทั้งบุคลากรและเทคโนโลยี
- โรงพยาบาลรามาธิบดี มีทีมแพทย์ที่แข็งแกร่งและศูนย์การแพทย์ที่ทันสมัย
กลุ่มโรงพยาบาลเอกชนยอดนิยม
- โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีชื่อเสียงระดับนานาชาติด้านการบริการและเทคโนโลยีการแพทย์
- โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ได้รับการยอมรับว่าเป็นโรงพยาบาลที่เป็นมิตรกับเด็ก (Baby-Friendly Hospital) และมีบริการครบวงจร
- โรงพยาบาล BNH มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีชื่อเสียงด้านสูตินรีเวชและการดูแลแบบองค์รวม
- โรงพยาบาลกรุงเทพ เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีเครือข่ายและมีความพร้อมสูง
คำแนะนำสำหรับคุณแม่ฝากครรภ์ครั้งแรก
การฝากครรภ์ครั้งแรกไม่ใช่เพียงการลงทะเบียนแล้วรอแพทย์นัดอย่างเดียว แต่การครั้งแรกฝากครรภ์ครั้งแรก นอกจากนี้ การฝากครรภ์ควรให้สามีไปด้วย เพื่อให้ได้รับข้อมูลการดูแลคุณแม่และลูกในครรภ์พร้อมกัน และเพื่อเป็นกำลังใจที่ดีเยี่ยมให้แก่คุณแม่ โดยการฝากครรภ์ครั้งแรก ควรเริ่มต้นดังนี้
- เริ่มฝากครรภ์ทันทีเมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์ หรือภายใน 12 สัปดาห์แรก
- เลือกโรงพยาบาลที่มีบริการครบถ้วนและบุคลากรเฉพาะทาง
- สอบถามรายละเอียดแพ็กเกจล่วงหน้าเพื่อเปรียบเทียบราคา
- จัดเตรียมงบประมาณเผื่อฉุกเฉิน
- ใส่ใจสุขภาพตัวเองทั้งโภชนาการและการออกกำลังกายเบา ๆ
- เตรียมครอบครัวหรือคนใกล้ชิดเป็นผู้ช่วยหลังคลอด
หลังจากฝากครรภ์เรียบร้อย คุณแม่จะได้รับสมุดฝากครรภ์ เป็นสมุดบันทึกข้อมูลสุขภาพคุณแม่และลูกน้อยตลอดการตั้งครรภ์ไปจนถึงการดูแลหลังคลอด พัฒนาการทารก และวัคซีนทารก คุณแม่ควรเก็บรักษาให้ดีอย่าทำหาย
อนาคตที่ดีที่สุดของลูกน้อย เริ่มต้นด้วยโภชนาการผ่านคุณแม่
สุขภาพและพัฒนาการของลูกน้อยเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงที่อยู่ในครรภ์ การที่คุณแม่ได้รับสารอาหารครบถ้วนและเหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างสมอง ร่างกาย และภูมิคุ้มกันของลูกให้แข็งแรง การใส่ใจโภชนาการจึงเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่ดีที่สุดของลูก โดยในแต่ละวัน คุณแม่ควรเลือกอาหารที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งโปรตีน วิตามิน เกลือแร่ และกรดไขมันจำเป็น เช่น DHA โฟเลต และแคลเซียม ซึ่งล้วนมีบทบาทต่อการพัฒนาสมองและการเจริญเติบโตของทารก
ซึ่งนอกจากการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์เป็นประจำในทุกมื้อแล้ว คุณแม่ยังสามารถเสริมด้วยนมสำหรับคนท้อง และให้นมบุตร เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ อาจเลือกดื่มนมเอนฟามาม่า เอพลัส วันละ 2 แก้ว เพื่อให้ร่างกายได้รับแคลเซียมและโคลีนตามความต้องการของคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตรในแต่ละวัน (THAI DRI)
โภชนาการที่ดีไม่เพียงช่วยให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่แข็งแรง แต่ยังช่วยปกป้องคุณแม่จากภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เช่น โรคโลหิตจาง ความดันโลหิตสูง หรือเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เมื่อแม่สุขภาพดี ลูกก็จะได้รับการดูแลที่สมบูรณ์ไปพร้อมกัน ดังนั้น ทุกคำที่แม่เลือกกินในวันนี้ คือการวางรากฐานสู่อนาคตที่ดีที่สุดของลูกน้อยอย่างแท้จริง