Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
หัวนมคนท้องมีการเปลี่ยนแปลงไหมในช่วงตั้งครรภ์? หากจะพูดถึงความเปลี่ยนแปลงของหัวนม โดยปกติเราจะเห็นภาพชัดเจนในช่วงของการให้นมลูกมากกว่า เพราะหลังจากที่ทารกเริ่มดูดนมแม่ ก็จะเห็นได้ว่าหัวนมและเต้านมของคุณแม่เปลี่ยนไปจริง ๆ เช่น หน้าอกคล้อยมากขึ้น หัวนมใหญ่ขึ้นและคล้ำขึ้น เป็นต้น
ซึ่งแน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงของหัวนมนี้ ไม่ได้เพิ่งมาเริ่มเอาตอนที่ให้นมลูก เพราะหัวนมของคุณแม่เริ่มไม่เหมือนเดิมตั้งแต่ที่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นแล้ว แต่...หัวนมคนท้องเปลี่ยนไปอย่างไร และจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนั้นได้อย่างไรบ้าง Enfa จะพาไปหาคำตอบให้หายข้องใจค่ะ
เต้านมคนท้องและหัวนมคนท้อง จะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ไตรมาสแรก ไปจนถึงไตรมาสสุดท้าย และจะยังเปลี่ยนแปลงต่อไปจนกระทั่งให้นมลูกและหลังให้นมลูกเลยด้วย จนอาจกล่าวได้ว่าเมื่อตั้งครรภ์แล้ว หัวนมและเต้านมของคุณแม่ก็อาจจะไม่เหมือนเดิม หรือกลับมาเหมือนเดิมได้ยาก
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของหัวนมและเต้านมในแต่ละไตรมาส ก็จะมีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
ในไตรมาสแรกนี้ร่างกายจะมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะพุ่งสูงขึ้น รวมถึงหลอดเลือดขยายมากขึ้น ทำให้เลือดไหลเวียนไปยังเนื้อเยื่อเต้านมมากขึ้น ส่งผลให้คุณแม่รู้สึกถึงอาการคัดตึงเต้านม เจ็บเต้านม เต้านมไวต่อการสัมผัสมากขึ้น และรู้สึกได้ว่าหน้าอกมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย
ส่วนหัวนมก็จะรู้สึกได้ว่าหัวนมใหญ่ขึ้น หัวนมตั้งชันมากกว่าปกติ มีความอ่อนไหวมากขึ้น เสียวแปลบ และลานหัวนมก็เริ่มคล้ำขึ้น และเริ่มขยายวงใหญ่มากขึ้น
ในไตรมาสที่สองเต้านมของคุณแม่ยังคงมีอาการคัดตึง ไวต่อการสัมผัส และมีขนาดใหญ่ขึ้น และใหญ่ขึ้นจนขนาดที่หลาย ๆ คนต้องมีการเปลี่ยนไซซ์ของเสื้อชั้นในเลยทีเดียว
ขณะที่ลานหัวนมก็จะเริ่มคล้ำมากขึ้น และขยายวงกว้างมากขึ้น และมีตุ่มเล็ก ๆ ขึ้นที่รอบลานนม
มากไปกว่านั้น คุณแม่บางคนยังสังเกตว่ามีของเหลวไหลออกจากหัวนมด้วย ซึ่งของเหลวที่ว่านั้นก็คือ น้ำนมเหลือง (Colostrum) ซึ่งโดยส่วนมากมักจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสสาม หรือหลังคลอด แต่ก็มีคุณแม่บางคนที่มีน้ำนมเหลืองไหลออกมาตั้งแต่ช่วงไตรมาสสองด้วยเหมือนกัน
ในไตรมาสสุดท้ายนี้ อาการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของเต้านมที่เริ่มเป็นมาตั้งแต่ไตรมาสแรก ในไตรมาสนี้ก็จะมีอาการที่มากขึ้น เช่น เจ็บเต้านมมากขึ้น เต้านมมีอาการคัดตึงมากขึ้น อ่อนไหวมากขึ้น เต้านมใหญ่ขึ้น
และเพราะขนาดของเต้านมที่ใหญ่ขึ้นด้วยนี่แหละ ที่ทำให้คุณแม่หลาย ๆ คนเริ่มที่จะมีรอยแตกลายที่บริเวณเต้านม
ส่วนหัวนมก็จะมีสีที่คล้ำมากขึ้น และอาจมีน้ำนมเหลืองไหลออกมาจากหัวนมบ่อยขึ้นด้วย
หลังจากคลอดลูกได้ราว ๆ 3 วัน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนในร่างกายของคุณแม่จะลดลงอย่างรวดเร็ว น้ำนมเหลืองจะถูกเจือจางด้วยของเหลวเพิ่มเติมทำให้น้ำนมของแม่มีสีขาวขึ้น ในช่วงเวลานี้เต้านมของคุณแม่จะเริ่มมีน้ำนมไหลออกมา
มากไปกว่านั้น ไม่ว่าคุณแม่จะให้ลูกกินนมแม่หรือไม่ก็ตาม แต่เต้านมของคุณแม่หลังจากที่คลอดลูกและหลังให้นมลูก เมื่อคุณแม่มองดูเต้านมและหัวนมของก็จะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน
ขนาดเต้านมของคุณแม่หลาย ๆ คนจะไม่กลับมาอยู่ในขนาดเดิมอีก เต้านมอาจจะใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงกว่าตอนก่อนจะตั้งครรภ์
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ พบว่าเป็นเรื่องที่ยากจะทำใจยอมรับได้กับขนาด สี รอยแตกลาย และทรวดทรงที่เปลี่ยนแปลงไป
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่คุณแม่ทุกคนที่จะพบกับลักษณะดังกล่าว ยังมีคุณแม่อีกหลายคนที่ขนาด สี และรูปทรงของหน้าอกและเต้านมกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนตั้งครรภ์ โดยอาจใช้ระยะเวลาเป็นวัน สัปดาห์ เดือน หรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาวะร่างกายของแต่ละคน
จริง ๆ ตั้งแต่เริ่มมีการปฏิสนธิและฝังตัวในโพรงมดลูกสำเร็จ กระบวนการต่าง ๆ ในร่างกายของคุณแม่ก็เริ่มที่จะทำหน้าที่ต่อการตั้งครรภ์ทันที เช่น ระดับฮอร์โมนในร่างกายเริ่มสูงขึ้น เลือดไหลเวียนมากขึ้น ทำให้เต้านม และหัวนมเองก็เริ่มที่จะมีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรก เพื่อเตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับการคลอดและการให้นมบุตร
อาการคัดเต้านม เจ็บเต้านม อาจจะเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มอาการกลุ่มแรกที่คุณแม่หลาย ๆ คนรู้สึกได้เมื่อตั้งครรภ์เลยค่ะ เนื่องด้วยระดับฮอร์โมนในร่างกายของคุณแม่พุ่งสูง ส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย ทำให้เต้านมมีเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงที่เนื้อเยื่อเต้านมมากขึ้น ส่งผลให้หน้าอกบวมขึ้น ใหญ่ขึ้น ทั้งยังมีอาการคัดตึงเต้านม เจ็บเต้านม และเต้านมไวต่อการสัมผัสขึ้นด้วย
เมื่อเริ่มสัมผัสว่าเต้านมของคุณแม่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในขณะที่กำลังตั้งครรภ์ คุณแม่ต้องไม่ละเลย และควรหมั่นดูแลเต้านมอย่างดีไปจนกระทั่งหลังคลอด ซึ่งสามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
เลือกสวมเสื้อชั้นในที่เหมาะสม ไม่เล็กหรือแน่นจนเกินไป และควรเลือกเสื้อชั้นในที่ทำมาจากผ้าฝ้าย เพราะระบายอากาศได้ดี
การเลือกชุดชั้นในนั้น ควรเลือกที่มีฟังก์ชันการใช้งานเหมาะสำหรับคนท้อง เพื่อเสริมสุขภาพของเต้านม และช่วยให้แม่ตั้งครรภ์สบายตัวมากขึ้น
โดยคุณแม่สามารถเลือกซื้อเสื้อในคนท้องได้ง่าย ๆ ดังนี้
แม้โดยทั่วไปแล้วการเปลี่ยนแปลงของหน้าอกจะเป็นหนึ่งในสัญญาณสำคัญของการตั้งครรภ์ และอาการเจ็บเต้านมก็แทบจะเป็นเรื่องปกติของคนท้อง
แต่...ถ้าหากมีอาการเจ็บเต้านมรุนแรง หรือปวดเต้านมจนไม่สามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันตามปกติได้ พร้อมกับทั้งมีรอยแดง หรือมีอาการของการติดเชื้อ ควรหาเวลาไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัย เพราะอาจเสี่ยงที่จะเป็นเต้านมอักเสบได้
มากไปกว่านั้น หากสัมผัสได้ถึงก้อนเนื้อที่ผิดแปลกไป หรือมีการเปลี่ยนแปลงของเต้านมและหัวนมผิดปกติ ก็ควรต้องรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจมีแนวโน้มของความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมได้
กรณีเช่นนี้พบได้ว่ามีทั้งสองแบบเลยค่ะ ทั้งแบบที่ใช้เวลาไม่นานเต้านมและหัวนมก็ค่อย ๆ กลับมาเป็นเหมือนเดิม ขณะที่บางคนก็พบว่าเต้านมและหัวนมไม่กลับมาเป็นปกติอีกเลย โดยอาจมีหน้าอกใหญ่ขึ้นหรือเล็กลง หรือมีรอยแตกลายมากกว่าเดิม
ซึ่งก็มีปัจจัยหลายอย่างที่อาจมีผลต่อการคืนสภาพของเต้านม ไม่ว่าจะเป็น
คนท้องหน้าอกใหญ่ขึ้นเพราะร่างกายมีฮอร์โมนสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดการสูบฉีดและไหลเวียนของเลือดได้มากขึ้น ทำให้มีเลือดไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อเต้านม ส่งผลให้เต้านมมีขนาดขยายใหญ่ขึ้นได้
ขนาดเต้านมหลังคลอดจะใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงนั้น เป็นเรื่องที่เกิดจะคาดเดา เพราะผลลัพธ์ในคุณแม่แต่ละคนนั้นแตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม คุณแม่ก็อาจจะมีเต้านมที่ใหญ่ขึ้น และในขณะเดียวกันก็ยังมีคุณแม่อีกหลายคนที่มีขนาดหน้าอกเล็กลง ซึ่งเรื่องเหล่านี้ก็ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น
ถ้ายึดเอาช่วงเวลาที่สามารถสัมผัสถึงการขยายใหญ่ขึ้นของหน้าอกได้ หน้าอกคนท้องจะเริ่มขยายเมื่อมีอายุครรภ์เข้าช่วงไตรมาสที่ 2
อย่างไรก็ตาม มีคุณแม่หลายคนที่รู้สึกได้ว่าตัวเองมีหน้าอกขยายใหญ่ขึ้นตั้งแต่ในช่วงไตรมาสแรกแล้ว
ลักษณะเช่นนี้ก็มีอยู่สองกรณีเช่นกันค่ะ คือมีทั้งคุณแม่ที่ลานนมกลับมาเป็นปกติเหมือนก่อนตั้งครรภ์ และคุณแม่หลายคนที่ลานนมไม่กลับมาเป็นปกติอีกเลย
อาการเจ็บหัวนม เสียวหัวนม เป็นกลุ่มอาการโดยทั่วไปของคนท้อง อย่างไรก็ตาม หากมีอาการเจ็บรุนแรงจนไม่สามารถทำกิจกรรมตามปกติในชีวิตประจำวันได้ ขอแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาต่อไป
หัวนมคนตั้งครรภ์ในระยะแรก ๆ หรือช่วงท้องอ่อน ๆ โดยมากอาจจะยังเห็นไม่ชัดเจนนักในอายุครรภ์เท่านี้ แต่ก็มีผู้หญิงหลายรายที่สามารถรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของหัวนมได้ตั้งแต่เดือนแรก ๆ
โดยหัวนมคนท้องในไตรมาสแรกนั้น คนท้องจะรู้สึกได้ว่าหัวนมเริ่มใหญ่ขึ้น ไวต่อการสัมผัสมากขึ้น เสียวแปลบบ่อย ๆ และลานหัวนมก็เริ่มคล้ำขึ้น และขยายวงใหญ่มากขึ้น
ไม่มีกฎตายตัวว่าคนท้องควรใส่หรือไม่ใส่เสื้อชั้นใน คุณแม่อาจจะรู้สึกสบายตัวและสะดวกที่ไม่ต้องใส่เสื้อชั้นในให้รู้สึกอึดอัด
อย่างไรก็ตาม หากคุณแม่จะใส่เสื้อชั้นใน ก็ควรเลือกเสื้อชั้นในที่:
ควรเริ่มเปลี่ยนเมื่อรู้สึกว่าเสื้อชั้นในที่ใส่อยู่มีอาการคับ หรือแน่นเต้านมมากเป็นพิเศษ โดยมากคุณแม่มักจะเริ่มเปลี่ยนเสื้อชั้นในกันในไตรมาสที่ 2 และ 3 เพราะเต้านมเริ่มขยายใหญ่ขึ้นสุด ๆ ในช่วงนี้ค่ะ
การสวมเสื้อชั้นในนั้นไม่ว่าจะก่อนตั้งครรภ์ ขณะตั้งครรภ์ หรือหลังคลอด เอาเข้าจริงแล้วถือว่าเป็นเรื่องปัจเจก ใครใคร่สวมก็สวม ใครไม่อยากใส่ก็สามารถทำได้ เรื่องนี้ไม่มีกฎตายตัว และไม่ผิดกฎหมายด้วยค่ะ
แต่ถ้าจะสวมเสื้อชั้นใน ควรสวมเสื้อชั้นในที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ เลือกที่ไม่หลวมและไม่แน่นเกินไป โดยเฉพาะเสื้อชั้นในที่แน่นหรือคับเกินไปนั้น ควรหลีกเลี่ยงให้ดี เพราะเสี่ยงที่จะทำให้ท่อน้ำนมอุดตันหรืออักเสบได้
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
Enfa สรุปให้ ข้อห้ามคนท้อง ไม่ใช่การห้ามเด็ดขาดแต่เป็นข้อควรระวังเพื่อความปลอดภัย โดยเน้นการหลี...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ การปรึกษาการตั้งครรภ์ 24 ชม. คุณแม่สามารถขอคำแนะนำจากแพทย์ได้ตลอดเวลา ผ่านบริการออ...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ หากคุณแม่ไม่รู้ว่าท้องแล้วกินเหล้า แม้เพียงปริมาณน้อยก็อาจเสี่ยงต่อการแท้ง คลอดก่อ...
อ่านต่อ