
Enfa สรุปให้
ปัจจุบันคุณแม่สามารถที่จะลาคลอดได้นานถึง 98 วันค่ะ ซึ่งในระยะเวลา 98 วันของการลาคลอดนี้ จะนับรวมการลาเพื่อไปตรวจครรภ์ก่อนคลอดบุตรด้วย โดยแบ่งเป็นลาคลอดบุตร 90 วัน และลาเพื่อไปตรวจครรภ์อีก 8 วัน รวมเป็น 98 วัน
นอกจากสิทธิในวันลาคลอด คุณแม่ยังมีสิทธิ์ที่จะได้รับค่าจ้างจากนายจ้าง 45 วัน ในอัตรา 100% ของค่าจ้าง และสำนักงานประกันสังคมจ่ายเพิ่มให้อีก 50% ของค่าจ้าง เป็นเวลา 45 วัน
และยังรวมถึงสิทธิ์ต่าง ๆ จากประกันสังคม ไม่ว่าจะเป็นเงินสงเคราะห์เพื่อการคลอดบุตร และเงินสงเคราะห์บุตร

เลือกอ่านตามหัวข้อ
เมื่อใกล้กำหนดคลอด คุณแม่หลาย ๆ คนก็เริ่มวางแผนลาคลอดกันแล้ว เพื่อที่จะได้เตรียมพร้อมสำหรับการคลอดที่กำลังจะมาถึง แต่ก่อนที่คุณแม่จะไปยื่นใบลาคลอดนั้น มาเช็กกันดูสิว่า คุณแม่มีสิทธิลาคลอดอะไรที่ควรรู้บ้าง
ใกล้กำหนดคลอดแล้ว คุณแม่รู้หรือยังว่าคนท้องสามารถลาคลอดได้กี่วัน? ตามกฎหมายลาคลอดบุตรได้กี่วันนะ? คำตอบคือ ตามกฎหมายนั้น ปัจจุบันคุณแม่สามารถที่จะลาคลอดได้นานถึง 98 วันค่ะ
โดยในระยะเวลา 98 วันของการลาคลอดนี้ จะนับรวมการลาเพื่อไปตรวจครรภ์ก่อนคลอดบุตรด้วย โดยแบ่งเป็นลาคลอดบุตร 90 วัน และลาเพื่อไปตรวจครรภ์อีก 8 วัน รวมเป็น 98 วัน
ปัจจุบันตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ลูกจ้างหญิงมีสิทธิ ลาคลอดได้รวม 98 วัน ต่อการตั้งครรภ์หนึ่งครั้ง โดยนับรวมวันทำงาน วันหยุดประจำสัปดาห์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันลาเพื่อตรวจครรภ์ก่อนคลอด
ซึ่งคุณแม่สามารถเริ่มใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันแรกที่ต้องการลา ไม่ว่าจะลาก่อนคลอดหรือหลังคลอดก็ได้ โดยในช่วงลาคลอด นายจ้างจะจ่ายค่าจ้างเต็มจำนวน 45 วันแรก และสำนักงานประกันสังคมจะจ่ายเพิ่มอีก 50% ของค่าจ้างเฉลี่ยเป็นเวลา 45 วัน
ทั้งนี้ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2568 มีการผ่านร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ซึ่งเตรียมขยายสิทธิลาคลอด 120 วัน เพื่อให้คุณแม่มีเวลาพักฟื้นและเลี้ยงดูลูกได้อย่างเหมาะสม พร้อมเพิ่มสิทธิ์ให้คุณพ่อสามารถ “ลาช่วยภรรยาคลอดบุตร” ได้อีก 15 วันทำการ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา และจะมีผลบังคับใช้หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา
คุณแม่ที่รับราชการมีสิทธิลาคลอดบุตรได้ 98 วัน โดยไม่จำเป็นต้องใช้ใบรับรองแพทย์ในบางกรณี ทั้งนี้ หากยังต้องการเวลาเลี้ยงลูกเพิ่มเติม สามารถลาคลอดเพิ่มได้อีกไม่เกิน 90 วัน โดยจะได้รับเงินเดือนในอัตรา 50% ตามระเบียบของหน่วยงาน สำหรับคุณพ่อที่เป็นข้าราชการชาย ก็มีสิทธิลาไปช่วยเหลือภรรยาที่คลอดบุตรได้ 15 วันทำการ ภายใน 90 วันหลังคลอด เพื่อมีส่วนร่วมในการดูแลแม่และลูกในช่วงแรกเกิด
สำหรับคุณแม่ที่อยู่ในระบบประกันสังคม สามารถใช้สิทธิลาคลอดได้ 98 วัน โดยไม่ต้องใช้ใบรับรองแพทย์ (ในบางกรณี) ซึ่งจะได้รับค่าจ้างตามสิทธิ์ดังนี้
รวมแล้วคุณแม่จะได้รับสิทธิ์การลาคลอด ครอบคลุม 90 วันเต็ม พร้อมสิทธิ์เบิกค่าคลอดประกันสังคม 15,000 บาทต่อครั้ง และยังมีเงินสงเคราะห์บุตร เดือนละ 400 บาท จนบุตรอายุครบ 6 ปี
การลาคลอดนั้นมีแบบลาคลอด 45 วัน กับลาคลอด 98 วัน ซึ่งคือการใช้สิทธิระยะเวลาการลาเทียบกับระยะเวลาที่ได้รับค่าจ้าง มีความแตกต่างกัน คือ
ลาคลอด 98 วัน คือ สิทธิลาคลอดทั้งหมดตามกฎหมาย (ซึ่งนับรวมวันตรวจครรภ์ก่อนคลอด) และ 45 วัน คือจำนวนวันลาคลอดที่ได้รับค่าจ้างจากนายจ้างโดยคุณแม่สามารถใช้สิทธิลาคลอดได้ตั้งแต่ก่อนคลอดหรือจะเริ่มใช้สิทธิ์ลาเอาหลังคลอดก็ได้ แต่ไม่ว่าจะลาก่อนคลอด หรือหลังคลอด ก็จะต้องอยู่ในกรอบระยะเวลารวมกันแล้วไม่เกิน 98 วัน
การนับวันลาคลอดนั้นจะเป็นการนับรวมวันหยุดเข้าไปด้วย แม้ว่าวันหยุดนั้นจะเป็นวันหยุดปกติที่คุณแม่มีสิทธิ์จะหยุดอยู่แล้วโดยไม่ต้องลาก็ตาม แต่หลักการนี้ไม่ถูกนำมารวมเข้ากับการลาคลอดค่ะ ดังนั้น ถ้าลาคลอด 98 วัน ก็จะนับเริ่มตั้งแต่วันแรกที่จะใช้สิทธิ์ลาคลอด นับยาวไปรัว ๆ แบบรวดเดียวจนครบ 98 วันเลยค่ะ
สำหรับการลาคลอด 45 วัน เป็นการนับวันที่นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างให้ 100% ของค่าจ้างนั่นเอง โดยจะนับรวมวันหยุดราชการและวันหยุดสุดสัปดาห์ไปด้วย โดยจะนับตั้งแต่วันที่เริ่มลาวันแรกและนับต่อไปเรื่อยๆ จนครบตามสิทธิที่ตกลงไว้กับนายจ้าง
ส่วนองค์กรไหนที่อนุญาตให้ลาคลอดได้นานกว่านั้น คุณแม่ก็อาจจะต้องดูข้อกำหนดและรายละเอียดต่าง ๆ ตามนโยบายขององค์กรอีกทีนะคะ
กฎหมายลาคลอดหรือสิทธิลาคลอดตามกฎหมายแรงงานนั้น ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 41/1 (แก้ไข) กำหนดสิทธิ์ให้ลูกจ้างหญิงสามารถลาคลอดได้ ไม่เกิน 98 วัน โดยให้นับรวมวันหยุดราชการและวันหยุดประจำสัปดาห์ที่อยู่ในช่วงวันลา
อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. 2568 มีร่างกฎหมายฉบับใหม่ที่ผ่านการพิจารณาแล้ว ซึ่งเตรียม ขยายสิทธิลาคลอด 120 วัน เพื่อให้คุณแม่มีเวลาเตรียมร่างกายและดูแลลูกน้อยมากขึ้น
สิทธิ์พื้นฐานในการลาคลอดของคุณแม่แต่ละคนนั้นโดยรวมแล้วก็จะไม่แตกต่างกันมากนัก แต่จะมีรายละเอียดปลีกย่อยอื่น ๆ ที่แตกต่างกันไปตามสังกัดหน่วยงานที่ทำงานอยู่ ดังนี้
สำหรับคุณแม่ที่ทำงานในสังกัดของเอกชนนั้น:
คุณแม่ที่ทำงานในหน่วยงานของรัฐวิสาหกิจนั้น:
คุณแม่รับราชการในหน่วยงานต่าง ๆ:
สำหรับคุณแม่ที่ประกอบอาชีพอิสระ สามารถรับสิทธิ์จากบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือบัตรทอง ซึ่งสามารถฝากครรภ์ และรับบริการในสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กได้ฟรี และเสียค่าใช้จ่าย 30 บาท สำหรับการตรวจครรภ์และการคลอดบุตร (ไม่เกิน 2 ครั้ง)
แต่ถ้าคุณแม่ประกอบอาชีพอิสระ และสมัครใจเข้าจ่ายประกันสังคม คุณแม่มีสิทธิที่จะได้รับเงินช่วยเหลือคลอดบุตรและเงินสงเคราะห์บุตรได้เช่นกัน
หากคุณแม่ต้องการใช้สิทธิลาคลอดและเบิกเงินจากประกันสังคม สามารถดำเนินการได้ง่าย ๆ ตามขั้นตอนนี้
เอกสารที่คุณแม่ต้องเตรียมเพื่อยื่นขอรับสิทธิลาคลอดจากประกันสังคม ได้แก่
ตามกฎหมายใหม่ คุณแม่สามารถลาคลอดได้ 98 วัน โดยจะได้รับค่าจ้างจากนายจ้าง 45 วัน ในอัตรา 100% ของค่าจ้าง และสำนักงานประกันสังคมจ่ายเพิ่มให้อีก 50% ของค่าจ้าง เป็นเวลา 45 วัน
ในกรณีที่เป็นพนักงานเอกชน นายจ้างมีหน้าที่จ่ายค่าจ้างในช่วงลาคลอด เท่ากับค่าจ้างวันทำงานปกติ ตลอดระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด (ไม่เกิน 45 วัน) ส่วนเงินทดแทนเพิ่มเติมอีก 45 วัน คุณแม่จะได้รับจากสำนักงานประกันสังคมโดยตรง ซึ่งจะโอนเข้าบัญชีภายใน 7–10 วันหลังเอกสารครบ
หากยังเป็นพนักงานที่รับเงินเดือนตามปกติ และยังไม่มีการลาออก ยังจำเป็นต้องจ่ายประกันสังคมตามปกติค่ะ โดยประกันสังคมก็จะหักจากเงินเดือนตามปกติ
การลาช่วยภรรยาคลอดบุตรนั้น สำหรับผู้ชายที่เป็นพนักงานราชการ สามารถที่จะใช้สิทธิ์ลาคลอดได้ 15 วัน แต่ใน 15 วันที่ลานั้นจะต้องไม่ใช่การลาติดต่อกัน
ส่วนพนักงานเอกชนชาย สามีลาคลอดได้กี่วัน ประกันสังคมด้านกฎหมายลาคลอดยังไม่มีการบังคับใช้กับภาคเอกชน ดังนั้น สวัสดิการลาคลอดของผู้ชายจึงขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละองค์กร ว่าองค์กรใดมีสวัสดิการในส่วนนี้สำหรับพนักงานชายที่ประสงค์จะลาคลอดเพื่อดูแลภรรยาและบุตรหรือไม่
กฎหมายลาคลอดผู้ชาย 2568 นั้นมีเรื่องที่น่ายินดีกับคุณพ่อทุกคนด้วยค่ะ โดยปี 2568 มีการเสนอร่างกฎหมายแรงงานฉบับใหม่ ที่เพิ่มสิทธิ์ให้ ลูกจ้างชายสามารถลาช่วยภรรยาที่คลอดบุตรได้ 15 วันทำการ ภายใน 90 วันหลังคลอด โดยไม่ถือเป็นการขาดงาน
ทั้งนี้ สำหรับข้าราชการชาย ก็มีสิทธิลาในเงื่อนไขเดียวกัน เพื่อส่งเสริมให้คุณพ่อมีบทบาทในการดูแลครอบครัวตั้งแต่วันแรกที่ลูกลืมตาดูโลก
การคิดเงินเดือนของพนักงานลาคลอดจะอ้างอิงตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 41/1 และ 59 ซึ่งกำหนดให้ลูกจ้างหญิงที่ตั้งครรภ์สามารถ ลาคลอดได้ไม่เกิน 98 วัน โดยในช่วงลาคลอดนั้น นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างให้พนักงานเต็มจำนวน 45 วันแรก
สามารถคำนวณได้ง่าย ๆ คือ นำเงินเดือน ÷ 30 วัน × 45 วัน เช่น หากพนักงานมีเงินเดือน 30,000 บาท จะได้รับค่าจ้างในช่วงลาคลอด 45 วันแรกเท่ากับ 45,000 บาท
หลังจากนั้น หากพนักงานอยู่ในระบบประกันสังคม จะได้รับเงินชดเชยเพิ่มเติมจากสำนักงานประกันสังคม ร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ย เป็นเวลาอีก 45 วัน รวมสิทธิ์ลาคลอดทั้งหมด 98 วัน
ทั้งนี้ ระหว่างลาคลอด นายจ้างยังคงต้องหักเงินสมทบประกันสังคมตามปกติ เพื่อรักษาสถานะความเป็นผู้ประกันตนและสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ต่อเนื่อง
ตามกฎหมายใหม่ คุณแม่สามารถลาคลอดได้ 98 วัน โดยจะได้รับค่าจ้างจากนายจ้าง 45 วัน ในอัตรา 100% ของค่าจ้าง และสำนักงานประกันสังคมจ่ายเพิ่มให้อีก 50% ของค่าจ้าง เป็นเวลา 45 วัน
จริง ๆ แล้วไม่มีรูปแบบการลาคลอดที่ตายตัวค่ะ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแม่แต่ละคนเป็นหลัก บางคนอาจจะสะดวกลาคลอดก่อนกำหนดคลอด 1 เดือน เพื่อจะได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้นก่อนคลอด
บางคนอาจจะลาคลอดก่อนกำหนดคลอด 1 สัปดาห์ หรือก่อนกำหนดคลอดเพียงไม่กี่วัน
ลาคลอดบริษัทจ่ายกี่วันนั้น ตามกฎหมายพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างเต็มจำนวนสำหรับวันลาไม่เกิน 45 วัน ตลอดระยะเวลาที่ลาเพื่อคลอดบุตร หากลาหลายวันกว่านั้น (รวมถึงการลาหลังคลอดให้ครบสิทธิ์ 98 วัน) วันส่วนที่เกิน 45 วันแรกนั้นจะอยู่ในความรับผิดชอบของ สำนักงานประกันสังคม (กรณีผู้ประกันตน) โดยนายจ้างไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าจ้างเต็มจำนวนในวันลาเหล่านั้น
หลังลาคลอดแล้วตัดสินใจลาออก หากคุณแม่ไปขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนกรณีว่างงานกับสำนักงานประกันสังคม หรือผ่านเว็บไซต์ของกรมการจัดหางาน ก็จะสามารถได้รับเงินชดเชยว่างงานตามปกติค่ะ
นโยบายของแต่ละบริษัทในการปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานนั้นแตกต่างกันไปค่ะ หากบริษัทมีการพิจารณาจากความรู้ความสามารถ และผลงานที่ผ่านมา แม้ว่าจะลาคลอดอยู่ คุณแม่ก็ยังสามารถจะได้รับการขึ้นเงินเดือนได้
ตามกฎหมายใหม่ข้าราชการชายสามารถที่จะลาคลอดได้ 15 วัน แต่ใน 15 วันที่ลานั้นจะต้องไม่ใช่การลาติดต่อกัน
ถ้าลาคลอดแล้วบุตรเสียชีวิตในครรภ์หรือระหว่างคลอด แม่จะยังใช้สิทธิ์ลาคลอดได้อยู่ไหม?
จริง ๆ แล้วก็ขึ้นอยู่กับนโยบายการลาคลอดของแต่ละองค์กร แต่ส่วนมากแล้วแม้ว่าบุตรจะเสียชีวิตในครรภ์หรือเสียชีวิตหลังคลอด แม้ว่าจะยังไม่ครบวันลา 98 วันก็ตาม แม่ยังสามารถใช้สิทธิ์ลาคลอดต่อไปจนครบวันลาได้ตามปกติ หรือหากสภาพจิตใจและสุขภาพฟื้นฟูดีแล้ว และไม่ประสงค์จะใช้วันลาต่อ ก็สามารถกลับมาทำงานตามปกติได้เช่นกัน
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
Enfa สรุปให้ ของใช้เด็กแรกเกิดเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรจะเริ่มเตรียมเอาไว้ตั้งแต่เ...
อ่านต่อ
Enfa สรุปให้ ตามกฎหมายล่าสุดแม่ท้องทุกคนที่มีประกันสังคมและจ่ายครบตามกำหนด สามารถเบิกค่าฝากครรภ์...
อ่านต่อ
Enfa สรุปให้ ปัจจุบันคุณแม่สามารถที่จะลาคลอดได้นานถึง 98 วันค่ะ ซึ่งในระยะเวลา 98 วันของการลาคล...
อ่านต่อ