นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เอนฟาสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนไปจนถึง 2 ปี หรือนานกว่าตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

เล็บข่วนหน้าลูกใช้ทาอะไรดี วิธีดูแลผิวลูกน้อยให้ปลอดภัย

Enfa สรุปให้

  • เล็บข่วนหน้าลูกควรล้างแผลเบา ๆ ซับให้แห้ง แล้วทาด้วยครีมที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก เช่น วาสลีน หากแผลลึกหรือมีอาการติดเชื้อควรพาไปพบแพทย์

  • เล็บข่วนหน้าสามารถใช้วาสลีนหรือปิโตรเลียมเจลลี่บาง ๆ บนรอยข่วนเล็กน้อยเพื่อช่วยสมานผิว หลีกเลี่ยงการใช้ยาหรือสารที่ไม่เหมาะกับเด็กเล็ก

  • ลูก 1 ขวบ ชอบดึงผมตัวเอง ส่วนใหญ่เป็นพฤติกรรมตามวัยเพื่อปลอบใจหรือสำรวจร่างกาย แต่หากดึงแรงจนผมร่วงหรือศีรษะเป็นแผล ควรเบี่ยงเบนความสนใจและปรึกษาแพทย์หากจำเป็น

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

ผิวของทารกและเด็กเล็กมีความบอบบางมากกว่าผู้ใหญ่หลายเท่า ทำให้บางครั้งคุณพ่อคุณแม่ต้องเจอกับเหตุการณ์เล็บข่วนหน้าลูกที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ หลายครอบครัวจึงสงสัยว่า เล็บข่วนหน้าใช้อะไรทาดีถึงจะปลอดภัยและเหมาะสม โดยไม่ทำให้เสี่ยงติดเชื้อหรือเกิดรอยแผลเป็นในอนาคต

นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การข่วนหน้า ขยี้ตา หรืออาการที่ลูก 1 ขวบ ชอบดึงผมตัวเอง ซึ่งมักเชื่อมโยงกับพัฒนาการตามวัย คุณพ่อคุณแม่จึงควรทำความเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติหรือสัญญาณที่ต้องใส่ใจค่ะ

 

เล็บข่วนหน้าใช้อะไรทา


เมื่อเกิดรอยเล็บข่วนหน้าขึ้นแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำคือตั้งสติและดูแลแผลตามขั้นตอนอย่างใจเย็น การดูแลที่ถูกต้องไม่เพียงแต่จะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น แต่ยังลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและป้องกันการเกิดแผลเป็นได้อีกด้วยค่ะ สำหรับรอยแผลเล็บข่วนหน้าลูกใช้อะไรทา มีคำแนะนำดังนี้ 

รอยถลอกเล็กน้อย

  • ล้างด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือปราศจากเชื้อ
  • ซับเบา ๆ ให้ผิวแห้งสนิท
  • ทาวาสลีนหรือปิโตรเลียมเจลลี่บาง ๆ เพื่อคงความชุ่มชื้น ลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็น
  • หากจำเป็นอาจใช้ผ้าก๊อซที่ไม่เกาะติดกับแผลปิดไว้

แผลลึกหรือมีเลือดออก

  • กดแผลด้วยผ้าสะอาดจนเลือดหยุด
  • หลีกเลี่ยงการใช้แอลกอฮอล์หรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์กับเด็กเล็ก
  • หากแผลลึก มีหนอง หรือบวมแดง ควรรีบพบแพทย์ทันที

ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรใช้ยาที่ไม่ได้รับการรับรองทางการแพทย์กับผิวเด็ก เนื่องจากอาจก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง และห้ามใช้แอลกอฮอล์ ทิงเจอร์ไอโอดีน หรือยาฆ่าเชื้อที่มีฤทธิ์รุนแรงกับผิวทารกโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้แสบร้อน ระคายเคือง และทำลายเนื้อเยื่อที่กำลังจะซ่อมแซมตัวเองได้ค่ะ 

 

ทารกข่วนหน้าตัวเอง เพราะอะไร


พฤติกรรมนี้เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น

  • เล็บยาวและคม เล็บทารกโตเร็วและคมมาก แม้ดูเล็กแต่สามารถทำให้ผิวถลอกได้
  • คันหรือระคายเคืองผิว อาจเกิดจากอากาศแห้ง หรือผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
  • การสำรวจร่างกาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการเด็กแรกเกิด ซึ่งเด็กจะเรียนรู้ตนเองด้วยการสัมผัสใบหน้าและศีรษะ
  • อารมณ์หรือความไม่สบายตัว เช่น หิว ง่วง หรือร้อนเกินไป

ดังนั้น การข่วนหน้าจึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติเสมอไป แต่พ่อแม่ควรเฝ้าสังเกตเพื่อป้องกันการเกิดบาดแผล และดูแลบาดแผลอย่างเหมาะสมค่ะ

 

ลูกชอบข่วนหน้าตัวเอง แก้ยังไงดี


การป้องกันย่อมดีกว่าการรักษาเสมอ เมื่อพบว่าลูกข่วนหน้าตัวเองมีวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยลดโอกาสการเกิดรอยข่วนบนใบหน้าลูกน้อยได้ ดังนี้

  • ตัดเล็บให้สั้นอยู่เสมอ ใช้กรรไกรสำหรับทารกหรือตะไบเล็บ
  • ใส่ถุงมือป้องกัน โดยเฉพาะในวัยแรกเกิด สามารถใช้ถุงมือเด็กแรกเกิดที่ทำจากผ้านิ่ม ระบายอากาศได้ดี
  • ดูแลผิวให้ชุ่มชื้น เพื่อลดอาการคัน
  • เบี่ยงเบนความสนใจ ด้วยของเล่นที่ปลอดภัย
  • ปรึกษาแพทย์ หากลูกข่วนหน้าตัวเองแล้วเป็นแผลเกิดขึ้นบ่อยหรือมีอาการติดเชื้อ

 

ลูกชอบขยี้ตาขยี้จมูก ปกติหรือไม่


ลูกชอบขยี้ตาขยี้จมูกเป็นพฤติกรรมที่พบได้บ่อยในทารก ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องปกติและเป็นสัญญาณสื่อสารบางอย่าง คือ

  • สัญญาณของความง่วง
  • การสำรวจ เป็นการเรียนรู้ส่วนต่าง ๆ ของใบหน้าตัวเอง
  • ความอยากรู้อยากเห็น อาจมีอะไรบางอย่างเข้าตาหรือจมูก ทำให้รู้สึกระคายเคืองเล็กน้อย

ทั้งนี้ หากลูกขยี้ตาบ่อยผิดปกติร่วมกับมีอาการตาแดง น้ำตาไหลเยอะ มีขี้ตาแฉะ อาจเป็นสัญญาณของเยื่อบุตาอักเสบหรือการติดเชื้อ หรือหากขยี้จมูกบ่อย ๆ ร่วมกับมีน้ำมูกใส ๆ จามบ่อย อาจเป็นสัญญาณของโรคภูมิแพ้ ซึ่งควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องค่ะ

 

ลูกชอบดึงผมตัวเอง เพราะอะไร


เมื่อลูกโตขึ้นเข้าสู่วัยใกล้ 1 ขวบ อาจมีพฤติกรรมใหม่ ๆ ที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ประหลาดใจ เช่น การดึงผมตัวเอง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่เชื่อมโยงกับการเรียนรู้และการแสดงออกของเจ้าตัวน้อย ซึ่งการที่ลูก 1 ขวบ ชอบดึงผมตัวเอง อาจมีสาเหตุดังนี้

  • การปลอบประโลมตัวเอง (Self-soothing) เด็กบางคนเรียนรู้ว่าการดึงผมหรือลูบผมตัวเองเบา ๆ เป็นการกระทำที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจ คล้ายกับการดูดนิ้วโป้ง มักทำตอนที่รู้สึกเหนื่อยหรือง่วงนอน
  • การสำรวจประสาทสัมผัส เส้นผมเป็นสิ่งที่มีพื้นผิวและสัมผัสที่น่าสนใจสำหรับเด็ก เขาอาจกำลังสนุกกับการเรียนรู้ว่าเมื่อดึงแล้วจะรู้สึกอย่างไร
  • เรียกร้องความสนใจ หากลูกดึงผมแล้วคุณพ่อคุณแม่รีบเข้ามาโอ๋หรือแสดงปฏิกิริยาทันที เขาอาจเรียนรู้ว่านี่เป็นวิธีที่จะได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว
  • แสดงออกถึงความคับข้องใจ ในวัยที่ยังสื่อสารด้วยคำพูดได้ไม่ดีนัก เด็กอาจดึงผมตัวเองเมื่อรู้สึกหงุดหงิด โกรธ หรือเจ็บปวด

 

ลูกชอบดึงผมแม่ เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการหรือไม่


การดึงผมตัวเองอาจทำให้พ่อแม่กังวล แต่การดึงผมคนอื่นโดยเฉพาะคุณแม่เป็นพฤติกรรมที่พบบ่อยและถือเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการตามวัยค่ะ โดยเด็กวัยนี้กำลังเรียนรู้เรื่องเหตุและผล เช่น ถ้าดึงสิ่งนี้จากศีรษะแม่ จะเกิดอะไรขึ้น เรียกว่านี่คือการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ตัวน้อย พวกเขาจะเรียนรู้ว่าการกระทำของเขาส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาตอบกลับจากคุณแม่ได้

นอกจากนี้ยังหมายถึงพัฒนาการฝึกการใช้มือและการคว้าจับ ซึ่งเป็นการฝึกฝนทักษะการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กในการกำและดึง

เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ คุณแม่ควรตอบสนองอย่างใจเย็นแต่หนักแน่น พูดว่า "เจ็บนะลูก" แล้วค่อย ๆ แกะมือลูกออก พร้อมกับยื่นของเล่นหรือสิ่งอื่นที่สามารถดึงหรือจับได้ให้แทน เป็นการเบี่ยงเบนความสนใจและสอนให้รู้ว่าพฤติกรรมใดทำได้และไม่ได้ค่ะ

 

เข้าใจภาษากายและพัฒนาการของทารก


พฤติกรรมทั้งหมดที่กล่าวมา ไม่ว่าจะเป็นการข่วนหน้า ขยี้ตา หรือดึงผม เป็นการสื่อสารเบื้องต้นก่อนที่เด็กจะใช้คำพูดได้ พ่อแม่ควรสังเกตภาษากายเหล่านี้เพื่อเข้าใจความต้องการของลูก โดยเฉพาะในช่วงที่ลูกงอแงไม่ยอมนอนและทำพฤติกรรมซ้ำ ๆ เช่น ขยี้ตา ดึงผม หรือข่วนหน้า อาจเป็นสัญญาณของความง่วงหรือความไม่สบายตัวนั่นเอง ซึ่งการทำความเข้าใจพฤติกรรมเหล่านี้ในบริบทของพัฒนาการจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ลดความวิตกกังวลและตอบสนองต่อความต้องการของลูกได้อย่างเหมาะสมด้วยเช่นกันค่ะ 

 

เลือกโภชนาการที่มี MFGM เพื่อ IQ และทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ที่เหนือกว่า


นอกจากการดูแลสุขอนามัย สุขภาพโดยรวม และเฝ้าสังเกตพัฒนาการของของลูกน้อยว่าเหมาะสมตามวัยแล้วหรือไม่แล้ว การดูแลด้านโภชนาการตั้งแต่ลูกยังเล็ก โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีแรกของชีวิตนั้น ถือว่าเป็นการปูพื้นฐานที่สำคัญให้กับชีวิตของลูก จะช่วยให้ลูกพร้อมเติบโตมาเป็นเด็กที่ทั้งฉลาดทางความคิดและฉลาดทางอารมณ์ และทักษะ EF 

โดยโภชนาการที่สำคัญที่ลูกน้อยควรได้รับก็คือนมแม่ เพราะในนมแม่ที่มี MFGM สุดยอดสารอาหารในนมแม่ ประกอบด้วยไขมันและโปรตีนกว่า 150 ชนิด รวมทั้งสฟิงโกไมอีลิน ฟอสโฟลิปิค แกงกลิโอไซด์ มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างพัฒนาการสมองของลูกน้อย และยัง เป็นสารอาหารชนิดเดียวที่ช่วยให้ลูกมี 10 ที่เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ปีแรก ให้ลูกพร้อมกว่าเมื่อถึงวัยเข้าเรียน

โดย MFGM ในนมแม่ เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างเส้นใยประสาท (Myelin Sheath) และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณประสาทเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง ทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเรียนรู้และจดจำได้ดียิ่งขึ้น 

 

ไขข้อข้องใจเรื่อง เล็บข่วนหน้าลูกใช้อะไรทา กับ Enfa Smart Club


ทารก 1 เดือนดึงผมตัวเอง

เป็นพฤติกรรมที่พบได้ในวัยแรกเกิด เนื่องจากยังควบคุมการเคลื่อนไหวมือไม่ได้ดี อาจเผลอไปดึงหรือกำผมตัวเองโดยไม่ตั้งใจ มักไม่ใช่สัญญาณผิดปกติ เพียงเฝ้าสังเกตไม่ให้ทำแรงจนเป็นแผลก็เพียงพอค่ะ

 

ทารก 2 เดือนดึงผมตัวเอง

เมื่อเข้าสู่ 2 เดือน เด็กเริ่มขยับแขนขาและมือได้มากขึ้น การดึงผมอาจเกิดจากการสำรวจร่างกายและสิ่งรอบตัว ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการ ไม่ควรดุ แต่ควรดูแลไม่ให้ผมพันนิ้วหรือตึงเกินไปค่ะ

 

ทารก 3 เดือนดึงผมตัวเอง 

ในวัย 3 เดือน ทารกเริ่มตื่นตัวกับสัมผัสมากขึ้น การดึงผมเป็นการทดลองความรู้สึกของร่างกายและช่วยปลอบประโลมตัวเอง คุณพ่อคุณแม่ควรเบี่ยงเบนความสนใจด้วยของเล่นนุ่ม ๆ และตัดเล็บลูกให้สั้นเพื่อความปลอดภัย

 

ลูก 9 เดือนชอบดึงผมตัวเอง

อายุ 9 เดือน เด็กเริ่มมีการเคลื่อนไหวและการใช้มือที่คล่องขึ้น การดึงผมอาจเป็นทั้งการเล่น การระบายอารมณ์ หรือแสดงออกเมื่อหงุดหงิด หากไม่ได้ทำบ่อยจนผมร่วงหรือเจ็บศีรษะ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติค่ะ

 

ลูก 1 ขวบชอบดึงผมตัวเอง

เมื่อครบ 1 ขวบ การดึงผมมักเป็นพฤติกรรมปลอบใจตนเอง (self-soothing) หรือทำตอนง่วงและเบื่อ แม้โดยทั่วไปจะไม่อันตราย แต่ถ้าดึงแรงจนผมหลุดมากหรือทำบ่อยจนเป็นแผล ควรปรึกษากุมารแพทย์เพื่อประเมินเพิ่มเติมค่ะ 

 

* นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก
Enfa Smart Club สนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่าง
เดียวอย่างน้อย 6 เดือนและให้นมแม่ควบคู่อาหารตามวัยอีก 2 ปี หรือนานกว่านั้น ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO)
Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

คุณกำลังเข้าถึงเนื้อหาจากผู้ให้บริการภายนอกเกี่ยวกับการซื้อหรือ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท มี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน (ประเทศไทย) จำกัด​

กรุณากดยืนยันเพื่อดำเนินการต่อ

Line TH
Cart TH Join Enfamama