นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เอนฟาสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนไปจนถึง 2 ปี หรือนานกว่าตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

DHA คืออะไร รู้จักสารอาหารสมองของลูกน้อย และประโยชน์ของ DHA ที่ควรรู้

Enfa สรุปให้:

  • DHA คือ กรดไขมันจำเป็นในตระกูลโอเมก้า 3 เป็นโครงสร้างพื้นฐานของเซลล์สมอง และจอประสาทตา โดยองค์ประกอบหลักในสมองมี DHA 40% และในจอประสาทตามี DHA ถึง 60% 

  • ร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถสร้าง DHA เองได้ จะต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น ซึ่ง DHA จะพบมากในนมแม่ ปลาทะเลน้ำลึก และสามารถพบได้ในปลาน้ำจืดบางชนิดที่มีไขมันสูงอย่าง ปลาสวาย ปลาช่อน เป็นต้น

  • ทารกจะได้รับ DHA ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนคลอด ทารกจะสะสม DHA ไว้ในสมองมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงที่พัฒนาการของสมองเติบโตอย่างรวดเร็ว จากนั้นทารกจะได้รับ DHA จากการกินนมแม่หลังคลอดต่อเนื่องไป

 

 

คุณแม่มือใหม่คงเคยได้ยินมาบ้างแล้วว่าควรให้ลูกได้รับดีเอชเอมากๆ เพราะเป็นอาหารบำรุงสมอง ทำให้เกิดความสงสัยว่าบำรุงสมองอย่างไร และดีเอชเอมีอยู่ที่ไหนบ้าง เรามีรายละเอียดมาฝากกันค่ะ

 

DHA คืออะไร

ดีเอชเอ (DHA) คือกรดไขมันจำเป็นในตระกูลโอเมก้า 3 เป็นโครงสร้างพื้นฐานของเซลล์สมองและจอประสาทตา ในสมองและเซลล์ประสาทตาของคนเราประกอบด้วยกรดไขมันหลายชนิด แต่ชนิดที่มีมากที่สุดคือ ดีเอชเอ โดยพบในสมอง 40% และพบในจอประสาทตา 60% เท่ากับเป็นองค์ประกอบหลักของเซลล์สมอง ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของปลายประสาท ซึ่งทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณและส่งผ่านข้อมูลระหว่างเซลล์สมองด้วยกัน จึงได้ชื่อว่าเป็นสารอาหารบำรุงสมองที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาสมองของเด็ก โดยเฉพาะในช่วง 3 ขวบปีแรกที่สมองพัฒนาสูงสุดถึง 85% ทีเดียว

 

ประโยชน์ของดีเอชเอ ด้านการบำรุงสมองของเด็ก

DHA มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างเซลล์สมอง การให้ลูกได้รับดีเอชเอตั้งแต่ลูกยังอยู่ในครรภ์ จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับแม่ตั้งครรภ์ ช่วงอยู่ในครรภ์ ลูกจะได้รับ DHA ผ่านทางสายรกโดยตรง เพราะทารกยังมีเอนไซม์ไม่เพียงพอในการสังเคราะห์กรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของดีเอชเอ จึงยังไม่สามารถเปลี่ยนสารตั้งต้นนี้ให้เป็นดีเอชเอได้ และทารกในครรภ์จะสะสมดีเอชเอไว้ในสมองมากเป็นพิเศษในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนคลอด เนื่องจากในช่วงนี้อัตราการเจริญเติบโตและพัฒนาการของสมองจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว ส่วนหลังคลอดลูกจะได้รับดีเอชเอจากการกินนมแม่นั่นเอง

 

ร่างกายสร้าง DHA เองไม่ได้

ร่างกายไม่สามารถสร้างดีเอชเอขึ้นเองได้ ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น ซึ่งแหล่งอาหารของดีเอชเอคือ นมแม่ ปลาทะเลน้ำลึก ปลาน้ำจืด เช่น ปลาสวาย ปลาช่อน และสาหร่ายทะเลบางชนิด

เด็กทารกแรกเกิดถึง 6 เดือน อาหารหลักคือ “นมแม่” จึงได้รับดีเอชเอจากนมแม่นั่นเอง การที่เด็กได้กินนมแม่เท่ากับช่วยให้เซลล์สมองและระบบประสาทของเขาได้พัฒนา

 

ทารกต้องการ DHA ตั้งแต่อยู่ในครรภ์

ทารกในครรภ์มีเอ็นไซม์ที่ใช้ในการสังเคราะห์กรดไขมันโอเมก้า 3 ให้เป็น DHA ไม่เพียงพอ นั่นจึงทำให้ทารกในครรภ์ได้รับ DHA ผ่านทางสายสะดือโดยตรง และทารกจะสะสม DHA ไว้ในสมองมากเป็นพิเศษในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนคลอด เนื่องจากในช่วงนี้อัตราการเจริญเติบโต และพัฒนาการของสมองจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นทารกจะได้รับ DHA จากการกินนมแม่ช่วงหลังคลอด

จะเห็นว่าเด็กได้รับ DHA ตั้งแต่อยู่ในครรภ์จากอาหารที่แม่ทานเข้าไป ต่อเนื่องจนถึงหลังคลอดที่สารอาหารถูกส่งผ่านจากน้ำนมแม่ องค์กรนานาชาติ FAO/WHO แนะนำให้แม่ตั้งครรภ์ และแม่ให้นมบุตรรับประทาน DHA ในปริมาณ 200 มก./วัน เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของสมองลูก

 

DHA ในนมแม่

อย่างที่กล่าวว่าแหล่งที่ดีของดีเอชเอสำหรับเด็กทารกและเด็กเล็กคือ “นมแม่” ซึ่งปริมาณดีเอชเอที่มีในนมแม่นั้น ธรรมชาติจะมีการปรับปริมาณให้เหมาะสมตามวันเวลาเพื่อเข้าไปปรับสมดุลในร่างกายของเด็ก ช่วยให้เซลล์สมองและสายตาของเด็กพัฒนาได้อย่างสมบูรณ์ ร่างกายเด็กจะนำดีเอชเอในน้ำนมแม่ไปใช้ได้เต็มที่ โดยเฉพาะในระยะ 6 เดือนแรกที่ทารกยังสร้างน้ำย่อยไขมันได้ไม่ดี เพราะในน้ำนมแม่จะมีน้ำย่อยไขมันด้วย

 

หากคุณแม่ให้นมได้รับ DHA สูง ลูกจะได้รับ DHA สูงตามไปด้วย

DHA ในนมแม่ได้มาจากอาหารที่แม่รับประทาน ดังนั้นถ้าแม่ทานอาหารที่มี DHA สูง เช่น ปลาที่มี DHA สูง หรือนมสำหรับคุณแม่ให้นมบุตรที่มี DHA สูง ปริมาณ DHA ในน้ำนมแม่ก็จะสูงด้วย ซึ่งจะส่งผลต่อการสร้างเซลล์สมองนับแสนล้านเซลล์ของลูกน้อยที่กินนมแม่

 

DHA กับการเชื่อมต่อที่เร็วกว่าของเซลล์สมอง

 

ดีเอชเอทำหน้าที่ส่งเสริมการสร้างปลอกไขมันหุ้มเส้นใยประสาท (Myelin Sheath) ในสมอง ซึ่งเป็นฉนวนให้กระแสไฟฟ้าวิ่งได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเพิ่มความเร็วในการรับและส่งสัญญาณกระแสประสาท (Nerve Impulse) ระหว่างเซลล์ประสาท ทำให้การสื่อสารรับส่งข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาทเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มการเชื่อมต่อและสื่อสารระหว่างเซลล์สมอง ยิ่งเซลล์สมองมีการเชื่อมต่อมากขึ้น เด็กก็ยิ่งเรียนรู้เร็วขึ้น

 

การที่มีกรดไขมันอย่างดีเอชเอในสมองจำนวนมาก ก็จะทำให้เซลล์สมองมีการขยายขนาด พื้นผิวมีรอยหยักซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มพื้นที่ในการเก็บข้อมูล ขณะที่จำนวนของเส้นใยสมองและจุดเชื่อมต่อก็เพิ่มจำนวนขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้สติปัญญาและการเรียนรู้ของเด็กมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

นอกจากนี้ เมื่อดีเอชเอผ่านเข้าไปในสมองจะช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของปลายแขนงประสาทที่เรียกว่า เดนไดรต์ (Dendrite) ซึ่งทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณและสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทด้วยกัน ทำให้เด็กเกิดความจำและการเรียนรู้

 

รู้ไหมว่า คุณภาพของ DHA ที่แตกต่าง ให้ผลที่แตกต่าง

ดีเอชเอสำหรับเด็กที่ดีที่สุดคือ ดีเอชเอในนมแม่ แต่หากคุณแม่ไม่สามารถให้นมแม่กับลูกได้ ควรเลือกนมผงเด็กสูตรที่ผสมดีเอชเอ แม้ดีเอชเอจะช่วยพัฒนาสมองและการเรียนรู้ของเด็ก แต่ดีเอชเอก็มีคุณภาพแตกต่างกันและให้ผลที่แตกต่างกัน ดีเอชเอคุณภาพดีกว่าจะส่งผลดีต่อพัฒนาการของสมองเด็กมากกว่า คุณแม่จึงต้องให้ความสำคัญกับการเลือกสรรดีเอชเอคุณภาพดีที่สุดให้ลูกน้อย

 

คุณสมบัติของ DHA ที่ดีสำหรับลูกน้อย

  • เป็นดีเอชเอบริสุทธิ์ ที่สกัดจากสาหร่ายเซลล์เดียว ร่างกายทารกจึงสามารถย่อยและดูดซึมได้ดี
  • เป็นดีเอชเอปราศจากสิ่งปนเปื้อน มีความปลอดภัยสูง
  • เป็นดีเอชเอในปริมาณที่เหมาะสม นั่นคือ DHA 17 มก. และ ARA 34 มก./100 กิโลแคลอรี ซึ่งเป็นปริมาณที่มีงานวิจัยทางการแพทย์รองรับว่า ช่วยเสริมพัฒนาการของสมองตั้งแต่แรกเกิดถึง 5 ขวบปีแรกอย่างแท้จริง โดยเด็ก 1 ปีขึ้นไป ควรได้รับดีเอชเออย่างน้อยวันละ 100 มิลลิกรัม

 

ประโยชน์ของ DHA ร่วมกับ MFGM

จากงานวิจัยทางคลินิกพบว่า เด็กที่ได้รับ MFGM ร่วมกับดีเอชเอ มีระดับคะแนนพัฒนาการทางสติปัญญาสูงกว่าเด็กที่ได้รับดีเอชเอ เพียงอย่างเดียว นอกจากนั้นจากการทดลองในห้องปฏิบัติการ เพื่อศึกษาการทำงานของ MFGM พบว่า เมื่อใช้สารอาหาร MFGM ทำงานร่วมกับดีเอชเอ ที่เวลา 21 วัน จะช่วยเพิ่มโอกาสการเชื่อมต่อเซลล์สมองมากกว่าการใช้ดีเอชเอ เพียงอย่างเดียว*

 

อีกทั้งร่างกายเด็กจะดูดซึมดีเอชเอได้ดียิ่งขึ้นเมื่อมี พีดีเอ็กซ์ (PDX) ซึ่งคืออาหารของจุลินทรีย์สุขภาพที่มีอยู่ในลำไส้ใหญ่ มีคุณสมบัติช่วยปรับสมดุลระบบนิเวศในลำไส้ ช่วยให้เด็กมีระบบขับถ่ายที่ดีเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง คุณแม่จะเห็นได้ว่าดีเอชเอนั้นมีคุณค่าสมกับที่ได้เชื่อว่าอาหารบำรุงสมองจริงๆ จึงควรให้ลูกได้รับดีเอชเออย่างเพียงพอ ไม่ว่าจะจากนมแม่หรือนมผงเด็ก (กรณีไม่สามารถให้ลูกกินนมแม่ได้) ค่ะ

 

นมแม่ดีที่สุดต่อสมองเด็ก

ในน้ำนมแม่ นอกจากจะมี DHA กรดไขมันที่ช่วยพัฒนาสมองของลูกน้อยแล้ว ยังมีสารอาหารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “MFGM” หรือเยื่อหุ้มอนุภาคไขมันในน้ำนม (Milk Fat Globule Membrane) ประกอบด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด อย่างสฟิงโกไมอิลีน ฟอสโฟไลปิด แกงกลิโอไซต์ เป็นต้น ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างเส้นใยประสาท (Myelin Sheath) และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณประสาทเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง ช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเรียนรู้และจดจำได้ดียิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยเสริมสร้าง IQ และทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ของลูกน้อยให้เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ขวบปีแรก

 

  • NeuroProof report for Mead Johnson Nutrition Veereman-Wauters G, Staelens S, Rombaut R, et al. Milk fat globule membrane (INPULSE) enriched formula milk decreases febrile episodes and may improve behavioral regulation in young children. Nutrition. 2012;28:749-752.

 


* นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก
Enfa Smart Club สนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่าง
เดียวอย่างน้อย 6 เดือนและให้นมแม่ควบคู่อาหารตามวัยอีก 2 ปี หรือนานกว่านั้น ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO)
Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

คุณกำลังเข้าถึงเนื้อหาจากผู้ให้บริการภายนอกเกี่ยวกับการซื้อหรือ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท มี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน (ประเทศไทย) จำกัด​

กรุณากดยืนยันเพื่อดำเนินการต่อ

Line TH
Cart TH Join Enfamama