Enfa สรุปให้

  • รู้หรือไม่? พัฒนาการสมองส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ลูกน้อยนอนหลับ โดยสมองจะเชื่อมต่อและสร้างเซลล์สมองนับล้านเพื่อประมวลผลความทรงจำ รวมทั้งการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน

  • คุณพ่อคุณแม่ช่วยให้ลูกน้อยหลับดีและมีคุณภาพได้ ด้วยการสร้างกิจวัตรประจำวันก่อนนอน สร้างบรรยากาศการนอนที่เหมาะสม ร่วมกับการให้ลูกได้รับโภชนาการที่ดีอย่างสม่ำเสมอ

  • โภชนาการที่ลูกน้อยได้รับในแต่ละวันควรช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมองอย่างต่อเนื่อง นอกจากได้รับอาหารครบ 5 หมู่แล้ว ควรเสริมด้วยนมที่มีสารอาหารสมองอย่าง MFGM และ DHA เป็นประจำทุกวัน ทั้งระหว่างวันและทุกคืนก่อนนอน ซึ่งสารอาหารเหล่านี้มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างพัฒนาการรอบด้านของลูกน้อย โดยเฉพาะพัฒนาการสมอง ให้ก้าวล้ำทั้ง IQ และ EQ

 

พัฒนาการสมองของลูก เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แม้ในยามหลับ


ช่วงเวลาที่ลูกน้อยเข้านอน ระบบต่าง ๆ ของร่างกายจะเข้าสู่โหมดพักผ่อนเพื่อพักฟื้นและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เตรียมพร้อมสำหรับการทำงานในวันถัดไป แต่ไม่ใช่สำหรับสมองที่ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องแม้ในยามหลับไหล โดยสมองจะเชื่อมต่อและสร้างเซลล์สมองนับล้านให้พร้อมสำหรับการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

พัฒนาการสมองเกิดขึ้นตลอดเวลาแม้ในยามหลับ

พัฒนาการสมองของลูก เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แม้ในยามหลับ

เราอาจจะเข้าใจกันมาตลอดว่า ร่างกายและระบบอวัยวะต่าง ๆ ของลูกน้อยจะเข้าสู่โหมดพักผ่อนทั้งหมด แต่จริง ๆ แล้ว ยังมีสมองที่ยังคงทำหน้าที่อย่างต่อเนื่อง หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่สมองค่อนข้างยุ่งกันเลยทีเดียว เนื่องจากสมองของลูกน้อยนั้น จะทำหน้าที่จัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้เรียนรู้มาในแต่ละวัน นำมาสร้างเป็นความทรงจำระยะยาวเพื่อนำมาใช้งานในภายหลัง ดังนั้นพัฒนาการสมองและการเรียนรู้ไม่ได้ทำงานแค่ช่วงเวลากลางวันเท่านั้น แต่ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลากลางคืนที่ลูกน้อยเข้านอนอีกด้วย

เพื่อเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาการสมองของลูกน้อยอย่างต่อเนื่อง การนอนหลับที่ดีและมีคุณภาพจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเด็กในทุก ๆ วัย โดยการนอนหลับที่ดี ไม่เพียงช่วยในเรื่องของพัฒนาการสมองเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างระบบอื่น ๆ ของร่างกายลูกน้อยให้ทำงานได้ดีอีกด้วย

สมัครสมาชิก Enfa Smart Club ฟรี

เข้าใจการนอนของทารก

ทารกควรนอนวันละกี่ชั่วโมง คุณพ่อคุณแม่จะจัดตารางเลี้ยงลูกยังไงดี

อ่านต่อ

วิธีรับมือเมื่อลูกไม่ยอมนอน

ลูกนอนยาก ไม่ยอมนอน ร้องไห้งอแงเมื่อวางบนที่นอน มาดูวิธีแก้กัน

อ่านต่อ

ฝึกลูกนอนเองให้ได้ผล

วิธีเริ่มฝึกลูกน้อยให้นอนได้ด้วยตัวเอง และนอนยาวโดยไม่ร้องกลางดึก

อ่านต่อ

ท่านอนที่เหมาะสมสำหรับลูกน้อย

ทารกแรกเกิดนอนท่าไหนดี
นอนแบบไหนปลอดภัยกับลูก

อ่านต่อ

ลูกนอนหลับไม่สนิท ทำยังไงดี

ทำไมลูกน้อยถึงนอนหลับไม่สนิท หลับยาก
ตื่นบ่อย

อ่านต่อ

FAQ เกี่ยวกับการนอนหลับของลูก

อ่านคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการนอนหลับของลูกน้อย

อ่านต่อ

การนอนหลับที่ดีควบคู่กับโภชนาการที่เหมาะสม ช่วยให้เสริมสร้างพัฒนาการสมองให้ก้าวล้ำทั้ง IQ และ EQ

นอกเหนือจากการนอนหลับที่มีคุณภาพและดีแล้ว การที่ลูกน้อยได้รับโภชนาการที่เหมาะสมและครบถ้วนตามช่วงวัยควบคู่กันไปด้วย จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองให้ก้าวล้ำทั้ง IQ และ EQ ยิ่งขึ้นไป โดยสำหรับเด็กทารกนั้น ควรได้รับนมแม่เพียงอย่างเดียวตั้งแต่แรกเกิด – 6 เดือนแรก และให้นมแม่อย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับอาหารตามวัยจนอายุ 2 ปี เพราะนมแม่อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญอย่าง MFGM ที่ประกอบไปด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น สฟิงโกไมอีลิน ฟอสโฟลิปิด แกงกลิโอไซด์ รวมไปถึงสารอาหารอย่าง DHA สารอาหารเหล่านี้ ล้วนมีส่วนช่วยในการส่งเสริมพัฒนาการที่รอบด้าน ทั้งสมอง ภูมิคุ้มกัน และระบบทางเดินอาหาร

ทั้งนี้ เมื่อลูกน้อยเข้าสู่ช่วงวัยที่สามารถรับประทานอาหารตามวัยเด็กทารก หรืออาหารแบบผู้ใหญ่ได้แล้ว อาหารที่ได้รับนั้น ควรมีสารอาหารครบ 5 หมู่ มีการปรุงที่ถูกสุขลักษณะ รวมทั้งเสริมด้วยนมระหว่างวันเป็นประจำ และที่สำคัญ ควรเสริมด้วยโภชนาการเสริมสารอาหารอีก 1 แก้วทุกคืนก่อนนอน ซึ่งควรเป็นโภชนาการที่ย่อยง่ายและมีสารอาหารสำคัญอย่าง MFGM เพื่อช่วยพัฒนาสมองได้อีกเช่นกัน

เคล็ดลับให้ลูกหลับดี มีพัฒนาการสมองต่อเนื่อง


เพื่อให้ลูกน้อยหลับดีและมีพัฒนาการสมองต่อเนื่อง คุณแม่สามารถใช้เคล็ดลับง่าย ๆ เหล่านี้ ช่วยให้ลูกน้อยนอนหลับได้ดีและมีคุณภาพกันค่ะ

 

          • สร้างกิจวัตรประจำวันก่อนนอน: นอกจากการฝึกลูกน้อยให้นอนหลับได้เองเป็นกิจวัตรแล้ว การสร้างกิจวัตรประจำวันอื่น ๆ ก่อนนอนก็สามารถช่วยให้ลูกน้อยนอนหลับได้ดีเช่นกัน เช่น การอ่าน หรือเล่านิทานให้ฟังก่อนนอน จะทำให้ลูกผ่อนคลาย เสริมสร้างจินตนาการ และการเรียนรู้ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้เป็นช่วงเวลาของครอบครัวในการทำกิจกรรมร่วมกันได้อีกด้วย

          • สร้างบรรยากาศในการนอนที่สงบและปลอดภัย: ควรสร้างบรรยากาศในห้องนอนให้เหมาะสมสำหรับการนอน โดยห้องนอนไม่ควรมีแสงสว่าง หรือเสียงรบกวน รวมทั้งยังควรมีอุณหภูมิที่พอดีไม่ร้อน หรือหนาวเกินไป นอกจากนี้ ลูกน้อยควรรู้สึกปลอดภัยในระหว่างการเข้านอน ไม่ควรสร้างความกังวลให้กับลูกน้อยจนนอนไม่หลับ เช่น การเล่าเรื่องผี การขู่ให้ลูกน้อยรู้สึกกลัว เป็นต้น

          • เสริมด้วยโภชนาการที่มีสารอาหารสำคัญอย่าง MFGM: เพื่อการเสริมสร้างพัฒนาการสมองอย่างเต็มที่ นอกจากการนอนหลับที่มีคุณภาพแล้ว ยังควรเสริมด้วยโภชนาการที่ดีด้วยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเสริมด้วยนมอุ่น ๆ ในมื้อเย็น มื้อสุดท้ายก่อนเข้านอน โดยควรดื่มนมที่มีสารอาหารอย่าง MFGM และ DHA ที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างพัฒนารอบด้านของลูกน้อย โดยเฉพาะพัฒนาการสมองที่ต่อเนื่องตลอดเวลา ให้ก้าวล้ำทั้ง IQ และ EQ

          • เลือกโภชนาการที่ย่อยง่าย มี PHP ให้ลูกสบายท้องตลอดคืน: สำหรับคุณแม่ที่กังวลว่าลูกน้อยอาจแน่นท้อง ท้องอืด หรือต้องตื่นกลางดึกเพราะไม่สบายท้อง อาจเลือกโภชนาการที่ย่อยง่าย มี PHP โปรตีนที่ผ่านการย่อยบางส่วน เพื่อให้ลูกน้อยสบายท้อง ไม่รู้สึกอึดอัดแน่นท้อง หรือตื่นมาร้องไห้โยเยกลางดึก เมื่อลูกน้อยไม่มีอาการไม่สบายท้องมากวนใจ ก็จะหลับได้ยาว สมองก็จะพัฒนาได้เต็มที่และต่อเนื่องด้วยเช่นกัน

สมัครสมาชิก Enfa Smart Club ฟรี

วิธีสร้างวินัยในการนอนให้กับลูกน้อย เพื่อการนอนหลับที่มีคุณภาพ


เพื่อการนอนหลับที่มีคุณภาพของลูกน้อย การสร้างวินัยในการเข้านอนก็เป็นอีกเรื่องที่เรามองข้ามไม่ได้ โดยหลัก ๆ แล้วควรมีกิจกรรมที่ทำเป็นกิจวัตรก่อนเข้านอนประมาณ 3 – 4 อย่าง เช่น แปรงฟัน อ่านนิทาน เข้าห้องน้ำ พูดคุยสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เป็นต้น ซึ่งยังควรทำกิจกรรมเหล่านี้ ซ้ำไปเรื่อย ๆ ในละคืน รวมทั้งยังควรทำในเวลาเดิมของทุก ๆ วันอีกด้วย ตัวอย่างกิจกรรมก่อนเข้านอน เช่น

          • ดื่มน้ำ หรือดื่มนม
          • ขับถ่าย
          • แปรงฟัน
          • อ่าน หรือเล่านิทาน
          • กอด
          • พูดคุย

ทั้งนี้ ระหว่างที่พาลูกน้อยเข้านอน เราสามารถแสดงความรักด้วยการหอม หรือจูบราตรีสวัสดิ์ได้ นอกจากนี้ยังควรสร้างบรรยากาศในห้องให้มืด หรี่ไฟ หรือปิดไฟให้พร้อมสำหรับเข้านอน เราควรออกจากห้องนอนในช่วงที่ลูกกำลังใกล้หลับ แต่ยังไม่ได้หลับ เพื่อฝึกให้ลูกน้อยสามารถหลับด้วยตัวเองได้ และไม่เป็นกังวลหรือตกใจในกรณีที่มีการตื่นขึ้นมาระหว่างคืน

 

สิ่งที่ควรและไม่ควรทำเมื่อลูกน้อยเข้านอน


ในช่วงแรก ๆ ที่ฝึกลูกน้อยเข้านอน อาจจะต้องใช้เวลาในการฝึกและความอดทนพอสมควร ซึ่งการฝึกการเข้านอนของเด็กแต่ละคนก็ยังมีความยากง่ายแตกต่างกันออกไปอีกเช่นกัน บางวิธีอาจจะใช้ได้ผลกับบางบ้าน บางวิธีอาจจะใช้ไม่ได้ผลเลยก็มี เพื่อให้กิจวัตรการเข้านอนของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ ควรทำและไม่ควรทำสิ่งเหล่านี้ เมื่อลูกน้อยเข้านอน

 

 สิ่งที่ควรทำ:

          • ฝึกให้เป็นกิจวัตร: สำหรับกิจกรรมก่อนเข้านอนที่ต้องทำเป็นกิจวัตรนั้น ควรฝึกในทุก ๆ วัน ทำกิจกรรมเดิม ในเวลาเดิม และใช้เวลาในการทำกิจกรรมเท่าเดิมเหมือน ๆ กันในทุกวัน เพื่อให้ลูกน้อยได้คุ้นชินและทำเป็นกิจวัตรเหล่านั้นเป็นประจำ

          • ใช้เวลาให้น้อยและราบรื่น: กิจกรรมก่อนเข้านอนทั้งหมดควรใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง – 1 ชั่วโมง หรือใช้เวลาเกินกว่านี้ได้เล็กน้อย การใช้เวลานานเกินกำหนดกับกิจกรรมก่อนเข้านอนจะทำให้ลูกน้อยเข้านอนช้าและหลับได้ยากขึ้น และควรทำทุกอย่างให้ราบรื่นไม่เร่งเกินไปจนทำให้ลูกน้อยรู้สึกอึกอัด

          • กิจกรรมระหว่างวัน: กิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกาย การเล่นในพื้นที่โล่งแจ้งในระหว่างวัน จะช่วยให้ลูกน้อยนอนหลับได้ง่ายขึ้น เมื่อถึงเวลาเข้านอน

          • ฟังลูกน้อย: การฝึกการเข้านอนและกิจวัตรก่อนเข้านอน ในบางครั้งอาจจะกลายเป็นรูปแบบคำสั่งที่อาจจะทำให้ลูกน้อยอึดอัด รู้สึกขาดอิสระ จนทำให้มีภาพจำและความรู้สึกไม่ดีเมื่อต้องเข้านอน เราควรเปิดโอกาสถามให้ลูกน้อยแสดงความคิดเห็นในสิ่งที่ตนเองต้องการบ้าง เช่น ต้องการอ่านนิทานเรื่องใด ใส่เสื้อผ้าแบบไหน หรือกิจกรรมไหนที่เขาอยากทำ อยากเปลี่ยน เป็นต้น

          • สร้างบรรยากาศการนอนที่เหมาะสม: ในห้องนอน หรือพื้นที่ที่ลูกน้อยเข้าน้อย ควรมีอากาศที่ถ่ายเท ไม่เย็น หรือร้อนเกินไปจนทำให้รู้สึกไม่สบายตัว ห้องนอนควรมืด ไม่ควรมีแสงสว่าง หรือสามารถใช้โคมไฟกลางคืนสำหรับห้องนอนเปิดระหว่างเข้านอนได้ นอกจากนี้ ยังไม่ควรมีเสียงดังรบกวนลูกน้อยในระหว่างเข้านอนอีกด้วย

          • เปลี่ยนแปลงกิจวัตรอย่างค่อยเป็นค่อยไป: หลีกเลี่ยงการเพิ่มหรือเปลี่ยนกิจกรรมไป ๆ มา ๆ ในช่วงเวลาก่อนเข้านอน กิจกรรมต่าง ๆ ก่อนเข้านอนควรทำแบบเดิมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ลูกน้อยคุ้นชินเป็นนิสัยและทำเป็นกิจวัตรได้ หากจะต้องการปรับเปลี่ยนกิจวัตรบางรายการ ควรปรับเปลี่ยนอย่างค่อยเป็นค่อยไป

 สิ่งที่ไม่ควรทำ:

          • หลีกเลี่ยงการทำกิจวัตรประจำวันเมื่อใกล้หลับ: ในบางครั้งลูกน้อยอาจจะเหนื่อยจากการเดินทาง หรือกิจกรรมอื่น ๆ ระหว่างวัน การทำกิจวัตรก่อนเข้านอนในสถานการณ์แบบนี้ อาจจะทำให้ลูกน้อยหงุดหงิดและงอแงได้ ซึ่งหากสังเกตว่าลูกน้อยใกล้หลับแล้ว ก็สามารถกล่อมให้เข้านอนได้เลย ไม่ต้องทำกิจกรรมก่อนเข้านอนก็ได้

          • หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์: ช่วงเวลาก่อนเข้านอน ไม่ควรให้ลูกน้อยเล่นสมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต หรือดูโทรทัศน์ เนื่องจากแสงสีฟ้าจากเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ จะส่งผลกระทบทำให้ลูกน้อยนอนหลับได้ยากขึ้น

          • หลีกเลี่ยงกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกาย: เช่น การวิ่งเล่น การเล่นที่ทำให้ลูกน้อยตื่นตัว กิจกรรมต่าง ๆ ที่ใช้แรงมากก่อนเข้านอน จะทำให้ลูกน้อยตื่นตัว และไม่หลับได้ยากมากขึ้น

          • กินอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาล หรือคาเฟอีน: หลีกเลี่ยงการให้อาหารที่มีส่วนประกอบของคาเฟอีน ในช่วงเวลาก่อนเข้านอน เช่น ช็อกโกแลต โกโก้ เพราะคาเฟอีนจะส่งผลให้ลูกน้อยนอนหลับได้ยาก รวมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลเป็นจำนวนมาก เพื่อป้องกันอาการฟันผุ

          • หลีกเลี่ยงการอ่านหรือเล่าเรื่องน่ากลัว: การอ่าน หรือเล่าเรื่องผี เรื่องน่ากลัว จะทำให้ลูกน้อยเกิดความกลัวและวิตกกังวลก่อนเข้านอน ซึ่งทำให้นอนหลับได้ยากขึ้น

          • หลีกเลี่ยงการนอนหลับระหว่างวันในวันหยุด: ควรหลีกเลี่ยงการให้ลูกน้อยนอนหลับระหว่างวันในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพราะการนอนในช่วงกลางวัน อาจจะกระทบกับช่วงเวลาในการเข้านอนในช่วงกลางคืนของลูกน้อยได้ ซึ่งอาจจะทำให้นอนหลับได้ยากขึ้น หรือนอนดึกขึ้น

doctor verify

โทรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเด็กฟรี

ไขข้อข้องใจเรื่องการนอนหลับกับ Enfa Smart Club


  เด็กควรนอนวันละกี่ชั่วโมง
 
  ลูกไม่ยอมนอน คุณพ่อคุณแม่จะกล่อมให้นอนยังไงดี
 
  วิธีสังเกตว่าลูกน้อยเริ่มง่วงนอนแล้ว
 
  พาลูกเข้านอนยังไงให้ลูกหลับง่าย
 
  พาลูกเข้านอนแล้วลูกร้องไห้งอแง คุณพ่อคุณแม่ควรรับมืออย่างไร
 
  ทำยังไงดีเมื่อลูกน้อยตื่นนอนกลางดึก
 
  ลูกร้องไห้กลางดึกเพราะฝันร้าย ดูแลยังไงดี