นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เอนฟาสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนไปจนถึง 2 ปี หรือนานกว่าตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

เด็กเริ่มพูดกี่ขวบ เข้าใจพัฒนาการการสื่อสารของลูกน้อย

Enfa สรุปให้

  • โดยเฉลี่ยแล้ว เด็กจะเริ่มพูดคำแรกที่มีความหมายได้ตอนอายุประมาณ 1 ขวบ และจะเริ่มพูดเป็นวลีสั้น ๆ 2 คำได้ในช่วงอายุ 2 ขวบ

  • เด็กเริ่มพูดหรือเริ่มต้นมีพัฒนาการสื่อสารตั้งแต่อายุประมาณ 4-6 เดือน โดยเริ่มด้วยการเปล่งเสียงอ้อแอ้ และมักจะพูดคำที่มีความหมายคำแรกได้ในช่วง 10-14 เดือน

  • หากลูกพูดช้าหรือมีอายุประมาณ 1 ขวบครึ่งแล้วยังไม่พูดคำที่มีความหมายเลย หรืออายุ 2 ขวบแล้วยังไม่สามารถนำคำ 2 คำมาต่อกันเป็นวลีได้ ควรปรึกษาแพทย์

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

หนึ่งในช่วงเวลาที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ตื่นเต้นและเฝ้ารอมากที่สุด คือ วันที่ลูกพูดคำแรกได้ ทำให้คุณพ่อคุณแม่ที่เฝ้ารอช่วงเวลาสำคัญนี้สงสัยว่า เด็กเริ่มพูดกี่เดือน เด็กจะเริ่มพูดกี่ขวบ นั่นเพราะว่าคำแรกที่ลูกเริ่มพูดไม่เพียงเป็นการแสดงทักษะการสื่อสารเท่านั้น แต่ยังท้อนถึงพัฒนาการด้านสมอง อารมณ์ และพัฒนาการด้านสังคม หรือความสัมพันธ์กับคนรอบตัวอีกด้วย เช่น การเรียก แม่ หรือ พ่อ เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นความทรงจำที่น่าประทับใจอย่างมาก

ในบทความนี้ Enfa จะพาคุณพ่อคุณแม่ทุกคนไปทำความเข้าใจช่วงเวลาสำคัญของพัฒนาการสื่อสารของลูกน้อย พร้อมคำแนะนำในการส่งเสริมทักษะการสื่อสารให้ลูกอย่างถูกวิธีค่ะ

 

เด็กเริ่มพูดกี่ขวบ


โดยทั่วไปแล้ว เด็กส่วนใหญ่จะเริ่มพูดคำแรกที่มีความหมายได้เมื่ออายุประมาณ 12 เดือน หรือ 1 ขวบ โดยคำที่มีความหมายในที่นี้คือไม่ใช่การเปล่งเสียงออกมาลอย ๆ แต่เป็นคำที่มีความหมายและแสดงให้เห็นว่าลูกน้อยตั้งใจใช้คำนี้เพื่อสื่อถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ เช่น คำว่า หม่าม้า เมื่อมองคุณแม่ หรือคำว่า หม่ำ เมื่อรู้สึกหิว เป็นต้น 

อย่างไรก็ตาม การที่เด็กเริ่มพูดกี่ขวบนั้นยังเป็นเพียงค่าเฉลี่ยและเด็กแต่ละคนมีจังหวะการเติบโตที่แตกต่างกัน เด็กบางคนอาจพูดคำแรกได้ตั้งแต่อายุ 9-10 เดือน ในขณะที่บางคนอาจรอจนถึง 14-15 เดือน ซึ่งยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยนอกจากการพูดคำแรกของลูกแล้ว สิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสนใจคือพัฒนาการโดยรวมในด้านการสื่อสารของลูก ทั้งการใช้ท่าทาง การสบตา และความพยายามที่จะโต้ตอบกับเราค่ะ

 

เด็กเริ่มพูดกี่เดือน แต่ละเดือนมีพัฒนาการอะไรบ้าง


ปกติแล้วเด็กจะเริ่มพูดคำแรกที่มีความหมายในช่วงอายุประมาณ 18–24 เดือน โดยก่อนหน้านั้นเด็กจะเริ่มจากการเปล่งเสียงหรือใช้เสียงในการสื่อสารก่อน ซึ่งเด็กเริ่มพูดกี่เดือน แต่ละเดือนมีพัฒนาการอะไรบ้าง คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตว่าทารกพูดได้ตอนกี่เดือนจากพัฒนาการ 0-24 เดือน ดังนี้

 

ช่วงแรกเกิด - 3 เดือน

วัยนี้ลูกรักยังเป็นผู้ฟังตัวน้อย ใช้การร้องไห้เป็นการสื่อสารหลัก เด็กจะใช้เสียงร้องที่แตกต่างกันเพื่อบอกความต้องการ เช่น หิว ไม่สบายตัว หรือง่วงนอน และจะเริ่มมีพัฒนาการในการจดจำเสียงพ่อแม่ได้ หันหาที่มาของเสียง และเริ่มส่งเสียงในลำคอเบา ๆ ที่เรียกว่าคูอิ้ง (Cooing) ซึ่งเป็นเสียงสระ เช่น อา อู

 

ช่วง 4 - 6 เดือน

ในวัย 4-6 เดือนนี้ ลูกน้อยจะเริ่มเป็นนักทดลองเสียง เริ่มเล่นกับเสียงของตัวเองมากขึ้น มีการเปลี่ยนระดับเสียงสูง-ต่ำ และเริ่มเข้าสู่ช่วงการเล่นเสียงพยัญชนะหรือที่เรียกว่าบาบเบิ้ล (Babbling) เช่น บาบา มามา ดาคา ในช่วงแรก ซึ่งเสียงเหล่านี้ยังไม่มีความหมาย แต่เป็นการฝึกอวัยวะในการออกเสียงนั่นเอง นอกจากนี้ยังเริ่มมีพัฒนาการที่ตอบสนองต่อการเรียกชื่อ และเริ่มเข้าใจน้ำเสียงที่แตกต่างกัน เช่น เสียงดุ หรือเสียงอ่อนโยน

 

ช่วง 7 - 12 เดือน

วัยแห่งการเป็นนักเลียนเสียงและเตรียมพร้อมสื่อสาร การพูดของลูกจะเริ่มซับซ้อนมากขึ้น มีการผสมเสียงพยัญชนะและสระที่หลากหลาย และมีโทนเสียงคล้ายการพูดคุยจริงจังมากขึ้น เด็กจะเริ่มเลียนแบบเสียงและคำพูดง่าย ๆ ที่ได้ยินบ่อย ๆ และนี่คือช่วงที่ "คำแรก" มักจะปรากฏขึ้นค่ะ นอกจากนี้ยังเริ่มมีพัฒนาการเข้าใจคำสั่งง่าย ๆ ที่มีท่าทางประกอบ เช่น บ๊ายบาย ตบมือ เริ่มใช้ท่าทางในการสื่อสาร เช่น การชี้ไปยังสิ่งที่ต้องการ

 

ช่วง 13 - 18 เดือน

วัยแห่งการสะสมคำศัพท์ เด็กวัย 13-18 เดือนจะสามารถพูดคำที่มีความหมายได้ 3-20 คำ โดยมักจะเป็นคำนามที่คุ้นเคย เช่น พ่อ แม่ นม บอล และจะพยายามเลียนแบบคำศัพท์ใหม่ ๆ ที่ได้ยิน รวมถึงมีพัฒนาการในการเข้าใจคำถามง่าย ๆ เช่น บอลอยู่ไหน และสามารถทำตามคำสั่งหนึ่งขั้นตอนได้โดยไม่มีท่าทางประกอบได้ เช่น หยิบแก้วน้ำให้แม่หน่อย

 

ช่วง 19 - 24 เดือน (1.5 - 2 ขวบ)

นักสร้างประโยคปรากฏตัวขึ้นแล้วค่ะ วัยนี้จะมีทักษะการสื่อสารแบบก้าวกระโดด เด็กจะเริ่มนำคำ 2 คำมาต่อกันเป็นวลี เช่น กินนม แม่ไป คลังคำศัพท์ของลูกน้อยจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 50-100 คำ เริ่มเรียกชื่อตัวเอง และพูดคุยโต้ตอบได้มากขึ้น รวมถึงสามารถชี้อวัยวะในร่างกายตามคำบอกได้ และเข้าใจคำสั่งที่ซับซ้อนขึ้นด้วย

 

สัญญาณที่บอกว่าลูกจะพูดได้แล้วนะ


ก่อนที่ลูกน้อยจะพูดเป็นคำได้ เขามักจะส่งสัญญาณบางอย่างออกมาก่อน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่ากลไกการสื่อสารของเขากำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้อง โดยสัญญาณที่บอกว่าลูกจะพูดได้แล้วนะ มีดังนี้

  • การสบตา โดยการที่ลูกมองสบตาคุณเวลาที่คุณพูดคุยด้วย แสดงว่าเขามีสมาธิจดจ่อและพร้อมที่จะรับสาร
  • การใช้ท่าทาง โดยมีการชี้นิ้วไปยังสิ่งที่ต้องการ การพยักหน้า โบกมือ หรือส่ายหน้า เป็นรูปแบบการสื่อสารที่สำคัญก่อนการพูด
  • การเลียนแบบ ลูกจะพยายามเลียนแบบเสียงที่คุณทำ ไม่ว่าจะเป็นเสียงไอ เสียงจาม หรือเสียงพูดง่าย ๆ รวมถึงเลียนแบบท่าทางของคุณด้วย
  • การเปล่งเสียงอย่างมีความหมาย ซึ่งเสียงบาบเบิ้ลของลูกเริ่มมีโทนเสียงสูงต่ำคล้ายการสนทนา และเขาอาจจะมองหน้าคุณแล้วเปล่งเสียงเหมือนกำลังคุยกับคุณจริง ๆ
  • การเข้าใจภาษา ลูกจะสามารถทำตามคำสั่งง่าย ๆ หรือหันมาเมื่อถูกเรียกชื่อได้ แสดงว่าเขามีความเข้าใจภาษาที่ดี ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการพูด

 

ลูกพูดช้าสุดกี่ปี


เนื่องจากเด็กแต่ละคนอาจมีจังหวะในการเติบโตไม่เหมือนกัน และการที่เด็กเริ่มพูดกี่ขวบก็เป็นเพียงการประมาณระยะเวลาเช่นเดียวกับข้อสงสัยที่ว่าเด็กพูดช้าสุดกี่ขวบ แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตการตอบสนองการสื่อสาร หรือความพยายามในการจะสื่อสารของลูกน้อย เพื่อประเมินเบื้องต้นว่าลูกมีพัฒนาการการสื่อสารสมกับช่วงวัยหรือไม่ โดยสังเกตได้จากพัฒนาการดังนี้

  • อายุ 12 เดือน ไม่มีการใช้ท่าทางสื่อสาร เช่น ไม่ชี้นิ้ว ไม่โบกมือ และไม่พยายามเปล่งเสียงบาบเบิ้ล
  • อายุ 18 เดือน ยังไม่สามารถพูดคำที่มีความหมายได้เลยแม้แต่คำเดียว และมีปัญหาในการเข้าใจคำสั่งง่าย ๆ
  • อายุ 24 เดือน (2 ขวบ)  มีคลังคำศัพท์น้อยกว่า 25-50 คำ และยังไม่สามารถพูดวลี 2 คำต่อกันได้
  • อายุ 36 เดือน (3 ขวบ) ยังไม่สามารถพูดเป็นประโยคสั้นๆ ได้ ลูกพูดไม่ชัด จนคนในครอบครัวส่วนใหญ่ฟังไม่เข้าใจ และไม่สามารถทำตามคำสั่ง 2 ขั้นตอนได้

สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่า การพูดช้าเป็นเพียงอาการหนึ่ง ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ปัญหาการได้ยิน ภาวะผิดปกติของอวัยวะในช่องปาก หรืออาจเป็นสัญญาณของภาวะทางพัฒนาการอื่น ๆ 

ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นว่าลูกพูดช้า หรือรู้สึกกังวลใจ ไม่ควรลังเลที่จะพาลูกไปปรึกษากุมารแพทย์หรือนักกิจกรรมบำบัด เพื่อรับการประเมินและคำแนะนำที่ถูกต้อง การตรวจพบและให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพัฒนาการของลูกค่ะ

 

คุณแม่คุณแม่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านการสื่อสารของลูกน้อยได้


สำหรับวิธีกระตุ้นให้ลูกพูดนั้น คุณแม่คุณแม่สามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านการสื่อสารของลูกน้อยได้ด้วยการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่สุดในการส่งเสริมทักษะทางภาษาที่สามารถทำได้ทุกวัน ดังนี้

  • พูดคุยกับลูกบ่อย ๆ บรรยายสิ่งที่คุณกำลังทำ หรือสิ่งที่ลูกกำลังมองเห็น เช่น เรามาอาบน้ำกันนะ ดูสิ นกตัวสีแดงบินมาแล้ว
  • อ่านหนังสือด้วยกัน โดยการอ่านหนังสือภาพให้ลูกฟังทุกวันเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการเพิ่มคลังคำศัพท์ ทำให้ลูกคุ้นเคยกับโครงสร้างประโยค และสร้างช่วงเวลาที่ดีร่วมกัน
  • ร้องเพลงและเล่นทายคำ เพราะเพลงสำหรับเด็กที่มีท่าทางประกอบจะช่วยให้ลูกเรียนรู้คำศัพท์และสนุกไปกับการออกเสียง
  • เป็นผู้ฟังที่ดี โดยเฉพาะเมื่อลูกพยายามจะสื่อสาร ไม่ว่าจะด้วยเสียงหรือท่าทาง ให้หยุดและตั้งใจฟัง ตอบสนองด้วยความกระตือรือร้น เพื่อให้เขารู้สึกว่าการสื่อสารเป็นเรื่องสนุกและมีคนพร้อมจะรับฟัง
  • ต่อยอดคำพูดของลูก เช่น หากลูกพูดว่า บอล ให้คุณต่อยอดประโยคให้ยาวขึ้น เช่น ใช่จ้ะ นี่คือบอลลูกใหญ่สีฟ้า วิธีนี้เรียกว่า Expansion ซึ่งช่วยให้ลูกเรียนรู้ไวยากรณ์และคำศัพท์ใหม่ ๆ ได้มากขึ้น
  • ลดเวลาหน้าจอ เพราะการเรียนรู้ภาษาที่ดีที่สุดเกิดจากการมีปฏิสัมพันธ์กับคนจริง ๆ ไม่ใช่จากหน้าจอโทรทัศน์หรือแท็บเล็ต พยายามจำกัดเวลาหน้าจอของลูกให้เหมาะสมกับวัย
     

 

เลือกโภชนาการที่มี MFGM เพื่อ IQ และทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ที่เหนือกว่า


นอกจากการดูแลสุขอนามัย สุขภาพโดยรวม และเฝ้าสังเกตพัฒนาการของของลูกน้อยว่าเหมาะสมตามวัยแล้ว การดูแลด้านโภชนาการตั้งแต่ลูกยังเล็ก โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีแรกของชีวิตนั้น ถือว่าเป็นการปูพื้นฐานที่สำคัญให้กับชีวิตของลูก จะช่วยพัฒนาทักษะ EF ให้ลูกพร้อมเติบโตมาเป็นเด็กที่ทั้งฉลาดทางความคิดและฉลาดทางอารมณ์อีกด้วย

โดยโภชนาการที่สำคัญที่ลูกน้อยควรได้รับก็คือนมแม่ เพราะในนมแม่มี MFGM สุดยอดสารอาหารในนมแม่ ประกอบด้วยไขมันและโปรตีนกว่า 150 ชนิด รวมทั้งสฟิงโกไมอีลิน ฟอสโฟลิปิด แกงกลิโอไซด์ มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างพัฒนาการสมองของลูกน้อย และยังเป็นสารอาหารชนิดเดียวที่ช่วยให้ลูกมี IQ ที่เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ปีแรก

 

* นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก
Enfa Smart Club สนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่าง
เดียวอย่างน้อย 6 เดือนและให้นมแม่ควบคู่อาหารตามวัยอีก 2 ปี หรือนานกว่านั้น ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO)
Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

คุณกำลังเข้าถึงเนื้อหาจากผู้ให้บริการภายนอกเกี่ยวกับการซื้อหรือ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท มี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน (ประเทศไทย) จำกัด​

กรุณากดยืนยันเพื่อดำเนินการต่อ

Line TH
Cart TH Join Enfamama