Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
คุณพ่อคุณแม่หลายคนคงเคยปวดหัวน่าดูกับพฤติกรรมซนของลูกน้อย หรือเกิดคำถามว่า "ลูกซนมากแบบนี้จะส่งผลอะไรต่อพัฒนาการของเขาหรือเปล่า?”
คำถามเหล่านี้มักมาจากความกังวลที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมที่เด็กๆ แสดงออกมา บางครั้งพฤติกรรมเหล่านี้ก็ทำให้รู้สึกเหนื่อย
หรือกังวลว่าลูกจะเติบโตมาเป็นเด็กที่มีปัญหาในอนาคต
แต่คุณพ่อคุณแม่รู้ไหมว่า
การที่ลูกซนไม่ได้หมายความว่าเขากำลังทำอะไรที่ผิดเสมอไป จริงๆ
แล้วการที่ลูกมีพฤติกรรมซนอาจเป็นสัญญาณหนึ่งของการพัฒนาการที่ดี โดยเฉพาะในเรื่องของสมองและทักษะการเรียนรู้ต่าง ๆ
เด็กซนหรือลูกซนนั้น มักหมายถึงพฤติกรรมที่เด็กแสดงออกมาด้วยการเคลื่อนไหวไปมา หรือทำกิจกรรมที่ค่อนข้างสนุกสนาน เช่น
การวิ่งเล่น กระโดดโลดเต้น หรือการจับสิ่งของต่างๆ ในบ้าน
โดยปกติแล้ว พฤติกรรมที่เรียกว่าซน
มักจะเกี่ยวข้องกับการที่เด็กๆ ไม่สามารถนั่งนิ่งๆ หรือมีการกระทำที่ขาดการยับยั้งชั่งใจ
พวกเขามักจะต้องการสำรวจสิ่งต่างๆ รอบตัว ทั้งในบ้านและนอกบ้าน
ซึ่งในช่วงวัยเด็ก 2-6
ปีที่กำลังอยู่ในช่วงที่เรียนรู้และสำรวจโลกอย่างเต็มที่
การเรียนรู้จากการเล่นเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางกายภาพและจิตใจ การวิ่งเล่นปีนป่าย
หรือแม้กระทั่งการทดสอบขอบเขตต่างๆ ล้วนเป็นกระบวนการที่ช่วยให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องความเสี่ยง การตัดสินใจ
และการทำงานของร่างกายของตนเอง
คำว่า เด็กซน เมื่อถูกพูดถึงในเชิงลบ อาจหมายถึง
การกระทำที่ไม่เหมาะสมหรือทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เช่น การทำลายข้าวของ
หรือการรบกวนผู้อื่นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ควรจะอยู่ในที่สงบ เช่นในห้องเรียน
หรือที่โต๊ะอาหาร
พฤติกรรมเหล่านี้อาจจะเกิดจากความขาดการควบคุมตนเอง
หรือเป็นผลมาจากความต้องการเรียกร้องความสนใจจากผู้ใหญ่นั่นเองค่ะ
การสอนให้เด็กเข้าใจถึงขอบเขตและมารยาทในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องได้รับการใส่ใจนะคะ
อย่างไรก็ตาม
หากลูกของคุณแม่ชอบทำสิ่งต่างๆ โดยไม่ฟังคำเตือนหรือคำแนะนำ
นั่นอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเขายังต้องการการดูแลและการสอนอย่างใกล้ชิดค่ะ
การที่เด็กจะซนมากน้อยแค่ไหนนั้น
ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยค่ะ ทั้งเรื่องอายุ การเจริญเติบโตทางร่างกายและจิตใจ และสิ่งแวดล้อมที่เด็กเติบโตมา
เด็กที่เติบโตในครอบครัวที่ให้การดูแลอย่างดี มีความรักและเข้าใจ จะมีพฤติกรรมที่เหมาะสมและรู้จักการควบคุมอารมณ์มากขึ้น
ส่วนเด็กที่ขาดความสนใจหรือมีสิ่งแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยอาจแสดงพฤติกรรมที่ค่อนข้างเกเรหรือซนมากขึ้น
หลายครั้งที่คุณพ่อคุณแม่อาจสับสนระหว่าง เด็กซนกับเด็กสมาธิสั้น (ADHD) แต่ความจริงแล้วมีความแตกต่างที่ชัดเจน
เด็กซน คือ เด็กที่แสดงพฤติกรรมที่มีความกระตือรือร้น ชอบเคลื่อนไหว หรือไม่สามารถนั่งนิ่งๆ ได้นานๆ โดยทั่วไปแล้วเด็กในวัยเล็กๆ เช่น วัยอนุบาลหรือวัยประถมมักจะมีพฤติกรรมซนในระดับที่แตกต่างกันไป ตามพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งการเคลื่อนไหวหรือกระทำสิ่งต่างๆ ไม่ได้หมายความว่าเด็กเหล่านี้มีปัญหาหรือความบกพร่องทางการเรียนรู้นะคะ
พฤติกรรมเหล่านี้ถือเป็นกระบวนการเรียนรู้และสำรวจสิ่งแวดล้อมที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการและความสามารถทางกายภาพของเด็ก ซึ่งในบางครั้งอาจทำให้ผู้ใหญ่รู้สึกหงุดหงิด แต่ในความจริงแล้วเป็นลักษณะธรรมชาติของวัยเด็ก เด็กซนทั่วไปจะสามารถควบคุมตัวเองได้เมื่อจำเป็น และมักจะมีสมาธิดีเมื่อทำกิจกรรมที่ตนเองสนใจ เช่น เล่นกับของเล่นหรือเล่นกีฬาในระยะเวลาสั้นๆ
ในทางกลับกัน เด็กสมาธิสั้น หรือที่เรียกว่า ADHD (Attention Deficit Hyperactivity Disorder) คือ ภาวะที่เด็กมีความยากลำบากในการควบคุมสมาธิหรือการทำกิจกรรมที่ต้องใช้ความตั้งใจในระยะเวลานานๆ เด็กที่มีภาวะสมาธิสั้นจะมีอาการหลักๆ คือ การขาดสมาธิ ความกระตือรือร้นที่เกินไป หรือการมีพฤติกรรมที่เกินไปกว่าความเหมาะสมในสถานการณ์ต่างๆ
พฤติกรรมของเด็กสมาธิสั้น จะมีลักษณะที่มากเกินไปและเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่สามารถควบคุมได้ เด็กเหล่านี้มักจะมีปัญหากับการทำการบ้าน การเรียน หรือการทำกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธินานๆ รวมทั้งการไม่สามารถอยู่ในสถานที่ที่ต้องการความสงบหรือความตั้งใจได้ดี
การแยกแยะระหว่างเด็กซนกับเด็กสมาธิสั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากเป็นเด็กซนพฤติกรรมเหล่านั้นจะค่อยๆ
ลดลงเมื่อเด็กเติบโตขึ้นและพัฒนาการของเขาเติบโตในทางที่เหมาะสม
ในขณะที่เด็กที่มีภาวะสมาธิสั้นจะมีพฤติกรรมที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและอาจจะมีปัญหาทางการเรียนรู้หรือการปรับตัวในสังคม
การที่เด็กซนบางคนมีพฤติกรรมที่ดูเหมือนกับเด็กที่สมาธิสั้นอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่เกิดความกังวลได้
แต่เด็กซนส่วนใหญ่ไม่ได้มีความผิดปกติอะไร เพียงแต่พวกเขากำลังเรียนรู้สิ่งต่างๆ อยู่
และอาจจะยังขาดการควบคุมตัวเองในบางครั้งเท่านั้นค่ะ
จริงๆ แล้วคำกล่าวว่า "เด็กซนคือเด็กฉลาด" นี้มีความจริงอยู่นะคะ
เพราะการที่เด็กซนหรือขี้เล่นนั้นส่วนหนึ่งมาจากการที่เขากำลังพยายามเรียนรู้และสำรวจโลกใหม่ๆ
มีงานวิจัยหลายชิ้นที่สนับสนุนว่า
เด็กที่มีความซนในระดับที่เหมาะสมมักมีความฉลาดและไหวพริบดี
การเล่นซนสามารถช่วยพัฒนาเชาวน์ปัญญา
ความคิดสร้างสรรค์ และทักษะการแก้ปัญหา และการเคลื่อนไหวร่างกายบ่อยๆ
ยังช่วยพัฒนาทักษะการทรงตัวและการประสานงานของกล้ามเนื้อได้ดีอีกด้วยค่ะ ตัวอย่างเช่น เด็กที่ชอบจับโน่นจับนี่
เขามักจะเรียนรู้ได้เร็วจากการลองผิดลองถูก หรือการสำรวจสิ่งแวดล้อมรอบตัว
ทำให้เขามีความสามารถในการคิดวิเคราะห์และตัดสินใจได้ดีขึ้นในอนาคต
เด็กที่ซนมักจะมีความอยากรู้อยากเห็นและมักจะค้นหาคำตอบจากสิ่งต่างๆ
รอบตัว พวกเขามักจะไม่ยอมรับสิ่งที่เป็นอยู่และมักจะตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่เข้าใจ
ซึ่งเป็นลักษณะของการเรียนรู้แบบกระตือรือร้น
การเล่นและการทดลองอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเป็นวิธีการที่ช่วยให้เด็กได้พัฒนาทักษะต่างๆ
อย่างมีประสิทธิภาพ
ลูกซนและดื้อมาก คุณพ่อคุณแม่ควรรับมือยังไงดี
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกซนมาก หรือเด็กซนมาก อย่าเพิ่งท้อใจไปค่ะ ถ้าลูกซนมากจนเกินไป อาจจะต้องใช้วิธีการที่มีระเบียบและมีความอดทนในการรับมือ โดยการพูดคุยและอธิบายเหตุผลกับลูกให้เขาเข้าใจว่าพฤติกรรมไหนที่เหมาะสมและไม่เหมาะสม และไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการลงโทษหรือการควบคุมที่เข้มงวดเกินไป เพราะการดูแลลูกในลักษณะนี้ควรคำนึงถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและส่งเสริมพัฒนาการของลูกไปพร้อมกัน แนะนำคุณพ่อคุณแม่ลองใช้วิธีต่อไปนี้
1.เข้าใจสาเหตุของพฤติกรรม
การที่ลูกซนและดื้อมักจะมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น
การขาดความสนใจจากคุณพ่อคุณแม่ ความเบื่อหน่ายจากการเรียน หรือการต้องการทดลองขอบเขตของตัวเอง
คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตพฤติกรรมของลูกอย่างละเอียดและพยายามเข้าใจสาเหตุแท้จริงที่ทำให้ลูกมีพฤติกรรมเช่นนั้น
การเข้าใจลูกจะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด
2.ตั้งกฎเกณฑ์และขอบเขตที่ชัดเจน
การตั้งกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญในการควบคุมพฤติกรรมของเด็ก
เด็กควรรู้ว่ามีสิ่งที่สามารถทำได้และไม่สามารถทำได้ โดยกฎเกณฑ์เหล่านี้ควรสอดคล้องกับวัยและความสามารถของลูก
ตัวอย่างเช่น ถ้าลูกทำกิจกรรมที่ไม่เหมาะสม พ่อแม่อาจจะต้องมีการเตือนหรือบอกให้หยุดทำสิ่งนั้นอย่างชัดเจน
และควรทำให้เด็กเห็นว่าพฤติกรรมที่ดีจะได้รับการยอมรับและการชมเชย
3.ให้ความสนใจและส่งเสริมพฤติกรรมที่ดี
บางครั้งลูกที่ซนและดื้ออาจจะต้องการความสนใจจากคุณพ่อคุณแม่
ดังนั้นการให้ความสนใจในพฤติกรรมที่ดีจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นและสร้างพฤติกรรมที่เหมาะสมขึ้นมาแทน เช่น
เมื่อเด็กทำสิ่งที่ดี เช่น ทำการบ้านเสร็จ หรือเล่นกับเพื่อนอย่างสุภาพ คุณพ่อคุณแม่ควรให้กำลังใจและชมเชย
เพื่อให้ลูกเห็นว่าการกระทำที่ดีมีคุณค่า
4.สร้างกิจกรรมที่เหมาะสมกับพลังงานของลูก
เด็กที่ซนมากมักมีพลังงานเหลือเฟือ
คุณพ่อคุณแม่สามารถหากิจกรรมที่ช่วยให้ลูกใช้พลังงานเหล่านั้นอย่างสร้างสรรค์ เช่น การเล่นกีฬา การวาดรูป
หรือกิจกรรมกลางแจ้ง การให้ลูกได้ระบายพลังงานจะช่วยลดพฤติกรรมที่ทำให้เกิดความยุ่งเหยิงภายในบ้านได้
5.การใช้วิธีการสอนที่ไม่ใช่การลงโทษ
การลงโทษไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับลูกที่ดื้อหรือซนมาก
ควรใช้วิธีการสอนที่เน้นความเข้าใจ เช่น
การพูดคุยอย่างอ่อนโยนและให้ลูกได้เข้าใจเหตุผลว่าเพราะอะไรพฤติกรรมบางอย่างถึงไม่เหมาะสม
การใช้การสื่อสารที่ชัดเจนและไม่ใช้อารมณ์จะช่วยให้ลูกเข้าใจและเรียนรู้ได้ดีขึ้น
6.สอนลูกให้รับผิดชอบ
การสอนให้ลูกรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองเป็นสิ่งสำคัญค่ะ
คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยให้ลูกเรียนรู้การตัดสินใจและการรับผิดชอบโดยการตั้งคำถามหรือให้เด็กมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาหรือผลที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมของตัวเอง
หากคุณพ่อคุณแม่รู้สึกว่า "ลูกซนอยู่ไม่นิ่ง" หรือพฤติกรรมบางอย่างของลูกอาจดูผิดปกติจากเพื่อนๆ ในวัยเดียวกัน
ก็อาจเป็นการดีที่จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์เด็กหรือผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการ
เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม
การพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถเข้าใจพฤติกรรมของลูกได้ดียิ่งขึ้น
และหากมีปัญหาหรือความผิดปกติบางอย่างก็จะได้รับการช่วยเหลือในเวลาที่เหมาะสมค่ะ
หากคุณพ่อคุณแม่อยากส่งเสริมลูกด้านความฉลาดและไหวพริบดี การเล่นซนสามารถช่วยพัฒนาเชาวน์ปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ และทักษะการแก้ปัญหาค่ะ และหากอยากให้ลูกมีพัฒนาการสมองดี ต้องเลือกเอนฟาโกรที่มี MFGM มีหลากหลายสูตรเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูก เพราะเด็กทุกคนต่างกัน
Enfa สรุปให้ เด็ก LD หรือ Learning Disorder เกิดจากปัจจัยทางด้านพันธุกรรม หรือเกิดจากการทำงานของ...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ พฤติกรรมลูกดื้อต่อต้าน เป็นเรื่องปกติที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในช่วงวัยที่เด็กเริ่มมีคว...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ หนึ่งใน 10 ลักษณะคนไอคิวต่ำที่สำคัญนั่นก็คือ การมีค่าเฉลี่ยไอคิวต่ำกว่ามาตรฐาน โดย...
อ่านต่อ