นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เอนฟาสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนไปจนถึง 2 ปี หรือนานกว่าตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

ฝึกลูกนั่งกระโถนด้วยตัวเอง ต้องเริ่มตอนไหน และฝึกยังไงให้ได้ผล

Enfa สรุปให้

  • ฝึกลูกนั่งกระโถน เป็นหนึ่งในทักษะการเรียนรู้แห่งวัยที่สำคัญ เพื่อฝึกฝนให้ลูกน้อยสามารถเรียนรู้กิจวัตรประจำวันและช่วยเหลือตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ฝึกลูกขับถ่าย อายุ 18-21 เดือน ก็ควรเริ่มฝึกให้นั่งกระโถนหรือนั่งส้วมได้แล้ว เพราะลูกน้อยอยู่ในวัยที่เริ่มเข้าใจเรื่องการขับถ่ายได้ และสามารถบอกความต้องการจะขับถ่ายได้
  • ลูก 4 ขวบ ไม่ยอมนั่งส้วม ต้องใช้ความอดทนและพยายามมากขึ้น เพื่อจูงใจลูกน้อยด้วยเทคนิคต่าง ๆ เพื่อสร้างทัศนคติที่ดีในการขับถ่าย

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

เมื่อลูกน้อยเริ่มโตขึ้น คุณพ่อคุณแม่จะต้องเริ่มสอนและปลูกฝังทักษะการช่วยเหลือตนเองต่าง ๆ เพื่อให้ลูกน้อยสามารถดูแลตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ หนึ่งในนั้นคือการฝึกลูกนั่งกระโถน เพื่อฝึกฝนการขับถ่ายที่ถูกสุขลักษณะตามวัย แต่คุณพ่อคุณแม่ควรเริ่มฝึกลูกขับถ่าย อายุเท่าไหร่ดีนะ แล้วถ้าลูก 4 ขวบ ไม่ยอมนั่งส้วม จะมีวิธีรับมือได้อย่างไรบ้าง บทความนี้จาก Enfa มีคำตอบมาฝากค่ะ

 

ฝึกลูกขับถ่าย อายุ เท่าไหร่ดี

โดยทั่วไปแล้วคุณพ่อคุณแม่ควรจะต้องเริ่มฝึกลูกขับถ่ายเมื่อสังเกตเห็นว่าลูกมีสัญญาณต่าง ๆ ที่บ่งบอกว่าเขาเริ่มโตพอที่จะเข้าใจว่าการขับถ่ายคืออะไร ดังนี้

  • ลูกสามารถบอกความต้องการอยากขับถ่ายด้วยภาษาง่าย ๆ ได้ เช่น ปวดอึ อยากฉิ๊งฉ่อง
  • ลูกน้อยสามารถนั่งตัวตรงได้โดยไม่ต้องคอยอุ้มหรือพยุงตัวตลอดเวลา
  • ลูกน้อยเริ่มไม่ชอบใส่ผ้าอ้อม ชอบดึงผ้าอ้อมออกเองเวลาที่ผ้าอ้อมเริ่มเปียก
  • ลูกน้อยสามารถดึงกางเกงขึ้นลงได้เอง
  • สามารถทำตามคำสั่งง่าย ๆ ได้ เช่น นั่งลงตรงนี้นะ มานี่สิ กินขนมนี่สิ หยิบลูกบอลให้พ่อหน่อย
  • เริ่มสนใจเวลาคนอื่นเข้าห้องน้ำ เวลาผ่านห้องน้ำจะมีความสงสัยว่านี่คืออะไร

ซึ่งสัญญาณต่าง ๆ เหล่านี้จะเริ่มเห็นได้ชัดเมื่อลูกน้อยมีอายุตั้งแต่ 18 เดือนขึ้นไป หรือประมาณ 2-3 ขวบ เป็นช่วงเวลาที่คุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มฝึกและสอนให้ลูกขับถ่ายได้แล้วค่ะ

 

ฝึกลูกนั่งกระโถนตอนกี่เดือน

ควรฝึกลูกนั่งกระโถนเมื่อไหร่ โดยทั่วไปแล้วเราจะไม่เริ่มฝึกตามอายุ แต่เริ่มฝึกจากสัญญาณความพร้อมของลูก ได้แก่

  • ลูกรู้ตัว และสามารถบอก หรือแสดงสัญญาณบางอย่างออกมาเมื่อผ้าอ้อมเปียกหรือสกปรก
  • ลูกน้อยสามารถบอกล่วงหน้าได้ว่าอยากปัสสาวะ และไม่ปล่อยให้ปัสสาวะราด
  • ลูกรู้ตัวกำลังปัสสาวะ และสามารถบอกได้ว่ากำลังปัสสาวะอยู่
  • เวลาที่ลูกอยากปัสสาวะ จะแสดงอาการโดยขยับตัวออกห่าง หรือไปหลบในที่เงียบ ๆ คนเดียว
  • สามารถปีนป่ายได้ดี สามารถปีนขึ้นที่สูงและไต่ลงได้ดี
  • สามารถดึงเสื้อผ้าขึ้นลงได้เอง
  • เวลาอยากเปลี่ยนผ้าอ้อมจะเดินมาหาคุณพ่อคุณแม่ หรือพยายามดึงผ้าอ้อมออกเอง 
  • สามารถทำตามคำสั่งได้ เช่น รอตรงนี้ หยิบอันนี้ อย่าจับอันนั้น
  • สามารถตอบคำถามง่าย ๆ ได้ เช่น ที่ไหน สีอะไร ตัวอะไร ร้อนไหม
  • รู้และเข้าใจว่ากระโถนใช้ทำอะไร ห้องน้ำใช้ทำอะไร

หากลูกน้อยแสดงสัญญาณต่าง ๆ ที่กล่าวมาหลายข้อ ก็ถึงเวลาที่ควรต้องเริ่มสอนลูกให้ใช้กระโถนในการขับถ่ายแล้วค่ะ ซึ่งโดยมากจะอยู่ในช่วงอายุ 18-21 เดือนขึ้นไป

 

กระโถนเด็กเล็ก เลือกอย่างไร

วิธีเลือกกระโถนให้ลูก เพื่อฝึกการขับถ่ายอย่างเหมาะสมและปลอดภัย สามารถเลือกได้ ดังนี้

  • เลือกกระโถนเด็กเล็กที่ผลิตจากวัสดุที่แข็งแรง ได้มาตรฐาน ไม่บอบบาง ง่อนแง่น หรือเสี่ยงแตกหักได้ง่าย
  • เลือกกระโถนเด็กเล็กที่เหมาะกับขนาดตัวลูก โดยวัดจากเวลานั่ง เท้าของลูกจะต้องแตะถึงพื้น ไม่ลอยจากพื้น
  • เลือกกระโถนเด็กเล็กที่มีช่องให้ถอดถาดเก็บอุจจาระและปัสสาวะได้ง่าย สะดวกต่อการใช้งาน
  • เลือกกระโถนเด็กเล็กแบบมีผนังพิงด้านหลัง และมีที่กั้นหรือราวจับสองข้างด้วย เพื่อช่วยในการทรงตัวของลูกน้อย
  • เลือกกระโถนเด็กเล็กที่ผ่านการรับรองมาตรฐานมอก.

 

ฝึกลูกนั่งกระโถน ยังไงดี

คุณพ่อคุณแม่สามารถ ฝึกเด็กนั่งกระโถน ได้ ดังนี้

  • เริ่มทำกิจวัตรต่าง ๆ ให้เป็นเวลา ตื่นเป็นเวลา กินข้าวเป็นเวลา เข้านอนเป็นเวลา จะช่วยกระตุ้นให้ลูกขับถ่ายเป็นเวลา และคุณพ่อคุณแม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าเมื่อไหร่ที่ลูกจะเริ่มปวดอึหรือปวดปัสสาวะ จะได้เตรียมรับมือทัน
  • วางกระโถนไว้ที่มุมใดมุมหนึ่งของบ้านให้ลูกมองเห็นได้ง่าย หรือจะวางไว้ในห้องน้ำ แล้วเริ่มฝึกกันจากห้องน้ำเลยก็ได้ค่ะ
  • เริ่มป้อนข้อมูลเกี่ยวกับห้องน้ำให้ลูกบ่อยขึ้น เช่น อันนี้คือชักโครก อันนี้คือสายชำระ อันนี้คือทิชชู อธิบายให้เขาเข้าใจ และให้ลูกได้ทดลองใช้จริง อย่างการลองกดชักโครกให้ลูกดู เมื่อทำภารกิจเสร็จก็ต้องล้างมือ เป็นต้น เพื่อสร้างความเข้าใจและความคุ้นชินให้กับลูก
  • ลดการสวมผ้าอ้อมลง เปลี่ยนมาใช้ผ้าอ้อมแค่ตอนกลางคืน และสวมกางเกงในตอนกลางวัน เพื่อฝึกให้ลูกรู้ว่า ต่อจากนี้เขาไม่ได้สวมผ้าอ้อมแล้วนะ จะขับถ่ายตามใจชอบอีกไม่ได้ หากอยากขับถ่ายจะต้องบอกพ่อแม่ หรือไปนั่งกระโถน
  • ชมบ่อย ๆ มีของรางวัลให้ลูกบ้าง เวลาที่ลูกขับถ่ายเองได้ หรือนั่งกระโถนได้นานหลายนาที เพื่อสร้างความมั่นใจ และความภูมิใจกับลูกน้อย ช่วยให้เขามีทัศนคติที่ดีต่อการนั่งกระโถนค่ะ

การฝึกลูกขับถ่ายด้วยตัวเอง แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะ เป็นความท้าทายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากลูกจะไม่ใส่ผ้าอ้อมแล้ว การฝึกช่วงแรกเด็กอาจจะพลาดบ้างบางครั้ง คุณพ่อคุณแม่ควรมีสติ และใจเย็นกับการฝึก ไม่ควรลงโทษ ดุ หรือหงุดหงิดใส่ เพราะจะส่งผลลบกับเด็ก ทำให้เขามองว่าการเข้าห้องน้ำเป็นสิ่งที่ไม่น่าอภิรมย์ใจ และมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการขับถ่าย

 

ฝึกลูกขับถ่ายด้วยตัวเองภายใน 3 วัน ทำอย่างไร

การฝึกลูกขับถ่าย ช่วงแรกจะใช้เวลาประมาณ 3 วัน และควรทำติดต่อกัน เพื่อสร้างความคุ้นเคยให้กับลูกน้อย คุณพ่อคุณแม่จึงควรวางแผนให้ดีว่าสะดวกที่จะเริ่มฝึกในวันไหนได้บ้าง

แต่แนะนำให้ใช้วันหยุดสุดสัปดาห์ เช่น ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ซึ่งส่วนมากคุณพ่อคุณแม่จะมีวันหยุดสุดสัปดาห์ สามารถใช้เวลาฝึกฝนลูกได้อย่างเต็มที่

ในกรณีที่คุณพ่อคุณแม่ไม่สามารถอยู่ด้วยได้ตามวันที่กำหนดไว้ แนะนำให้แจ้งให้คนในครอบครัว หรือพี่เลี้ยงที่ดูแล เพื่อส่งต่อการฝึกฝนในวันที่เราไม่อยู่ โดยสามารถฝึกได้ดังนี้

 

  • ฝึกลูกนั่งกระโถน วันที่ 1

หลังจากที่ลูกตื่นนอน ทำกิจวัตรยามเช้า รวมทั้งถอดผ้าอ้อมแล้ว ในวันแรกยังไม่ต้องสวมกางเกงในให้เขา เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้และเข้าใจว่า ตอนนี้ไม่มีผ้าอ้อมแล้วนะ หากต้องการขับถ่ายเราจะต้องใช้ห้องน้ำ

เตรียมกระโถนวางไว้บริเวณใดของบ้านก็ได้ เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องนอน เพื่อความสะดวกในช่วงแรก หรือบางบ้านที่อยากให้กิจกรรมนี้อยู่ในห้องน้ำแต่เพียงอย่างเดียว ก็ทำได้เช่นกันค่ะ ขึ้นอยู่กับการความต้องการของแต่ละบ้าน ว่าเราสะดวกแบบไหน และอยากให้เป็นแบบไหน

สำหรับเช้าวันแรก ทำกิจกรรมทุกอย่างปกติ เมื่อถึงมื้อเช้า ให้ลูกน้อยได้ดื่มน้ำแก้วใหญ่ จะเป็นน้ำเปล่า น้ำผลไม้ หรือนมก็ได้ พยายามให้ลูกได้ดื่มน้ำได้มากที่สุด และเมื่อลูกส่งสัญญาณว่าต้องการขับถ่าย ไม่ว่าจะเป็นการแสดงอาการ หรือบอกเป็นคำพูด ให้รีบพาลูกไปห้องน้ำ

เมื่อพาลูกเข้าห้องน้ำ จับเขานั่งบนชักโครก คุณแม่อาจจะหาฐานเสริมสำหรับเด็กมาด้วยก็ได้ ลูกน้อยจะได้ฝึกขึ้นนั่งชักโครกด้วยตัวเองได้ และรอให้เขาได้ปฏิบัติภารกิจให้เสร็จ

นอกจากการสังเกตว่าลูกน้อยอยากไปห้องน้ำแล้วหรือไม่ คุณแม่ควรหมั่นถามเขาบ่อย ๆ ด้วย เช่น ปวดฉี่ไหม ปวดอึไหม หรืออาจจะตั้งนาฬิกาเตือนทุก ๆ 20 นาที เมื่อเขาได้ยินเสียงนาฬิกา ให้ไปห้องน้ำ เป็นต้น สิ่งสำคัญคืออย่าลืมสอนให้ลูกล้างมือหลังเสร็จภารกิจ เพื่อสุขอนามัยที่ดีค่ะ

อย่างไรก็ตาม หากวันนั้นลูกไม่อยากลองฝึก หรือเกิดอาการงอแง ลองตั้งเวลากับเขา เช่น “เราจะลองฝึกเข้าห้องน้ำตอน 10 โมงนะคะ” กำหนดเวลาให้เขาทราบล่วงหน้า หรือแลกเปลี่ยนกันเช่น เมื่อเขาฝึกแล้ว จะได้เล่นของเล่น รวมทั้งการบอกด้วยเหตุผลอย่าง “ถ้าลูกไม่ฉี่ในห้องน้ำ แล้วฉี่บนพื้นแทน ลูกจะต้องช่วยแม่ทำความสะอาดนะคะ” ก็ช่วยได้เช่นกัน และไม่ลืมที่จะกล่าวชมเมื่อเขาปฏิบัติภารกิจเรียบร้อยแล้ว

 

  • ฝึกลูกนั่งกระโถน วันที่ 2 และวันที่ 3

สำหรับการฝึกในวันที่ 2 และวันที่ 3 ให้ทำเหมือนกับวันแรกตามปกติเลยค่ะ โดยใน 2 วันหลังนี้ คุณแม่อาจเลือกอยู่ในห้องน้ำกับลูก หรือรอที่หน้าห้องน้ำก็ได้

หรือถ้าหากมีออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน ให้เตรียมกางเกงในสำรอง อุปกรณ์ทำความสะอาด กระดาษชำระ ทิชชูเปียก รวมทั้งกระโถน ในกรณีที่ออกไปในพื้นที่ที่ไม่มีห้องน้ำ

หากลูกฉี่ หรืออึราดในช่วงนี้ ยังไม่ต้องกังวลไปนะคะ การฝึกลูกนั่งกระโถนและขับถ่ายเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาค่ะ คุณแม่ต้องอดทนและให้เวลาลูกน้อยได้ฝึกฝนจนคุ้นชิน เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเหล่านี้ขึ้น ไม่ต้องดุลูก เพียงแค่พาเขาไปทำความสะอาด และเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ พร้อมบอกกับลูกน้อยว่า “เราจะอึ ฉี่ ในห้องน้ำ หรือกระโถนนะคะคนเก่ง” เพื่อเป็นการบอกให้เขาได้เข้าใจ การดุ การตี จะยิ่งทำให้ลูกต่อต้าน หรือมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อการขับถ่ายและการเข้าห้องน้ำ

 

ท่านั่งอุจจาระที่ถูกต้อง ควรนั่งแบบไหน

คุณพ่อคุณแม่ควรช่วยจัดท่านั่งอุจจาระที่ถูกต้องให้ลูกน้อยได้ ดังนี้

  • ดูแลให้ลูกนั่งกระโถนหรือชักโครกแบบเต็มก้น
  • เท้าทั้งสองข้างของลูกน้อยต้องเหยียบเต็มพื้น และหัวเข่าต้องสูงกว่าสะโพก หรือสามารถใช้ที่เหยียบได้ค่ะ เท้าของลูกจะได้เหยียบเต็มเท้า ไม่แกว่งไปมา
  • ให้ลูกน้อยโน้มตัวไปข้างหน้า ให้ข้อศอกแตะหัวเข่า ท่านี้จะช่วยให้ลำไส้ส่วนปลายตั้งตรงกับรูทวาร กระตุ้นให้ลูกขับถ่ายได้ง่ายขึ้น
  • ขณะนั่งฝึกให้ลูกหายใจปกติ ไม่กลั้นหายใจ ฝึกเบ่งจากหน้าท้องลงก้น เพื่อกระตุ้นการขับถ่าย

อย่างไรก็ตาม หากผ่านไป 10 นาทีแล้วลูกน้อยยังอึไม่ออก ให้หยุดพัก แล้วค่อยกลับมาใหม่เมื่อลูกรู้สึกไม่สบายท้อง หรืออยากขับถ่ายอีกครั้ง การนั่งนานเกินไปนอกจากจะทำให้เมื่อยแล้ว เสี่ยงต่อการเหน็บชา หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อริดสีดวงทวาร

 

เด็กเลิกใช้กระโถนตอนอายุเท่าไหร่

เด็กแต่ละคนเลิกใช้กระโถนต่างช่วงเวลากันค่ะ บางคนอาจเลิกได้ตั้งแต่ตอน 2 ขวบก็มี แต่เด็กบางคนอาจเลิกใช้กระโถนตอนอายุ 3-4 ปีค่ะ

อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ไม่มีความจำเป็นต้องรีบฝึกลูกนั่งกระโถน แล้วก็รีบเลิกใช้กระโถน ให้เวลากับลูกค่ะ ค่อย ๆ ฝึก ค่อย ๆ เรียนรู้กันไป เมื่อลูกนั่งกระโถนได้ดี ก็ขยับมาฝึกนั่งชักโครกอย่างค่อยเป็นค่อยไป การฝึกทักษะนี้ต้องใช้เวลาค่ะ และลูกน้อยก็จะสามารถช่วยเหลือตัวเองเวลาขับถ่ายได้เป็นอย่างดีไปตามวัยของเขา

 

เลือกโภชนาการที่ย่อยง่าย ถ่ายคล่อง สมองดี ผสมโปรตีนที่ผ่านการย่อยบางส่วน

อาหารการกินมีผลต่อการขับถ่ายของลูกโดยตรง หากลูกได้รับโภชนาการที่ไม่เหมาะสมกับวัย ก็จะทำให้กระบวนการย่อย การขับถ่ายเป็นไปได้ยากขึ้น เสี่ยงต่ออาการท้องอืด ท้องผูกได้ง่าย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยแรกเกิด ระบบย่อยอาหารของลูกน้อยยังทำงานได้ไม่เต็มที่ เด็กมากกว่า 70% จึงมีโอกาสเกิดอาการไม่สบายท้อง เช่น ท้องผูก ท้องอืด แหวะนม และร้องกวน การเลือกโภชนาการที่ย่อยง่ายจึงเป็นกุญแจสำคัญ เพื่อช่วยให้ลูกสบายท้อง ถ่ายคล่อง และเรียนรู้ได้เต็มศักยภาพ

ซึ่งถ้าหากคุณแม่ไม่สามารถให้นมลูกได้ ควรเลือกนมย่อยง่าย ที่ผสมโปรตีนย่อยบางส่วน (PHP) ซึ่งมีขนาดโมเลกุลเล็ก ย่อยง่าย ดูดซึมไว ลดการเกิดแก๊สและปัญหาขับถ่าย พร้อมทั้งเสริมด้วยเส้นใยสุขภาพอย่าง PDX และ GOS ที่ช่วยปรับสมดุลลำไส้ และสารอาหารบำรุงสมอง เช่น MFGM และ DHA เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทั้ง IQ และ EQ ของลูกน้อยอย่างต่อเนื่อง

 

ไขข้อข้องใจเรื่องฝึกลูกนั่งกระโถนกับ Enfa Smart Club

ฝึกลูกฉี่ตอนกี่เดือน

การฝึกลูกฉี่ และการฝึกลูกขับถ่าย ควรเริ่มขึ้นเมื่อลูกน้อยมีอายุตั้งแต่ 18-21 เดือนขึ้นไป เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ลูกเริ่มแสดงสัญญาณที่พร้อมสำหรับการขับถ่าย ดังนี้

  • ลูกน้อยรู้ตัวและส่งสัญญาณออกมาได้เมื่อผ้าอ้อมเปียกหรือสกปรก
  • ลูกน้อยบอกล่วงหน้าได้ว่าอยากปัสสาวะ ไม่ปล่อยให้ราด
  • ลูกน้อยรู้ตัวและบอกได้ว่าขณะนี้กำลังปัสสาวะ
  • ลูกน้อยแสดงอาการบางอย่างออกมาเมื่ออยากปัสสาวะ เช่น ขยับตัวออกห่าง หรือไปยืนหลบมุมที่เงียบ ๆ
  • ลูกน้อยสามารถดึงเสื้อผ้าขึ้น-ลงเองได้
  • เวลาที่อยากเปลี่ยนผ้าอ้อมจะมาหาคุณพ่อคุณแม่ หรือพยายามดึงออกเอง
  • ลูกน้อยสามารถทำตามคำสั่งง่าย ๆ ได้ เช่น “รออยู่ตรงนี้” “หยิบมาให้” “อย่าจับ”
  • ลูกน้อยสามารถตอบคำถามง่าย ๆ ได้ เช่น “ที่ไหน” “สีอะไร” “ตัวอะไร” “ร้อนไหม”
  • ลูกน้อยรู้และเข้าใจว่ากระโถนและห้องน้ำใช้ทำอะไร

 

ลูกไม่ยอมนั่งกระโถน ควรฝึกอย่างไร

ต้องอดทนค่ะ เพราะการฝึกลูกนั่งกระโถนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่เรื่องที่จะทำสำเร็จกันในวันเดียว อาจต้องใช้เวลาหลายวัน หรือหลายสัปดาห์

ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงจำเป็นจะต้องสรรหาและนำทริคต่าง ๆ มาทดลองใช้แบบเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น

  • นั่งเป็นเพื่อนลูกในห้องน้ำ เพื่อให้ลูกน้อยอุ่นใจ
  • ชมลูกบ่อย ๆ แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น ลูกยอมนั่งกระโถน ก็ชื่นชม ปรบมือ เก่งจังเลย คนเก่งของแม่ ช่วยทำให้ลูกมั่นใจขึ้น
  • แม้ลูกอาจยังทำได้ไม่ดี แต่ก็ควรมีรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เสมอ เช่น ให้ของเล่น ให้ขนม เพื่อจูงใจให้ลูกน้อยมีความรู้สึกที่ดีต่อการนั่งกระโถนและฝึกขับถ่าย
  • พยายามหาหนังสือ หรือการ์ตูนที่ว่าด้วยเรื่องการขับถ่าย การนั่งกระโถน เพื่อกระตุ้นทัศนคติที่ดีในการขับถ่าย
  • เตรียมสติกเกอร์ ของเล่น ของล่อตาล่อใจวางไว้ในห้องน้ำให้พร้อม เพื่อทำให้การขับถ่าย การนั่งชักโครก หรือนั่งกระโถนดูเป็นเรื่องที่สนุก ไม่น่ากลัว

 

ลูก 4 ขวบไม่ยอมนั่งส้วม ทำไงดี

ควรต้องฝึกค่ะ เพราะวัย 4 ขวบถือว่าเป็นช่วงวัยที่ลูกน้อยสามารถช่วยเหลือตนเองกับกิจวัตรประจำวันง่าย ๆ ได้แล้ว

ซึ่งคุณพ่อคุณแม่จะต้องมีความอดทนให้มาก อย่าดุ ด่า หรือตี เพราะมีแต่จะทำให้ลูกมีทัศนคติที่เป็นลบต่อการขับถ่ายมากขึ้น โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกลูก 4 ขวบนั่งส้วมเวลาขับถ่ายได้ ดังนี้

  • ให้รางวัลและชมเชยทุกครั้งที่ลูกยอมนั่งส้วม แม้จะเป็นเวลาไม่กี่นาทีก็ตาม แต่ก็ควรทำ เพื่อทำให้ลูกมั่นใจและภูมิใจในตนเอง
  • ถามเขาตรง ๆ ว่าทำไมถึงไม่นั่งส้วม บางครั้งลูกอาจมีเหตุผลเล็ก ๆ ที่แก้ได้ง่าย เช่น ลูกไม่ชอบเสียงชักโครก กลัวความมืด กลัวถูกขังในห้องน้ำ เมื่อทราบเหตุผล ก็จะแก้ไขได้ตรงจุด
  • ถ้าลูกกลัว ก็ต้องยอมเข้าห้องน้ำพร้อมกันกับลูกค่ะ แรก ๆ อาจต้องเข้าด้วยทุกครั้ง เมื่อลูกเริ่มชินก็ค่อยขยับห่างออกมา เป็นรอหน้าห้องน้ำ แบบเปิดประตูไว้ และรอหน้าห้องน้ำแบบปิดประตู
  • ทำให้การขับถ่ายสนุก มีของเล่น มีเพลงให้ฟัง มีหนังสือให้อ่าน เพื่อลดความหวาดกลัวของลูกลง

 


บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ดูแลลูกน้อย

* นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก
Enfa Smart Club สนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่าง
เดียวอย่างน้อย 6 เดือนและให้นมแม่ควบคู่อาหารตามวัยอีก 2 ปี หรือนานกว่านั้น ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO)
Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

คุณกำลังเข้าถึงเนื้อหาจากผู้ให้บริการภายนอกเกี่ยวกับการซื้อหรือ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท มี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน (ประเทศไทย) จำกัด​

กรุณากดยืนยันเพื่อดำเนินการต่อ

Line TH
Cart TH Join Enfamama