Enfa สรุปให้
ลูกในท้องสะอึก จะพบได้ในช่วงอายุครรภ์ในไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 ถือเป็นสัญญาณที่ดีบ่งชี้ว่าระบบทางเดินหายใจ และระบประสาทของทารกกำลังมีพัฒนาการที่ดี
ลูกสะอึกในท้อง ทำให้รู้ว่าทารกมีการเจริญเติบโตที่สมวัย ระบบหายใจกำลังพัฒนาขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในท้าย ๆ ของการตั้งครรภ์ อาการสะอึกของทารก ช่วยบอกให้รู้ว่าทารกแข็งแรงดี ไม่มีความเสี่ยงของภาวะตายคลอด
ลูกในท้องกระตุกเป็นจังหวะ แบบถี่ ๆ เร็ว ๆ และเกิดซ้ำ ๆ คุณแม่จะรู้สึกถึงการกระตุกที่บริเวณใดบริเวณหนึ่งของท้องก็ได้ และจังหวะการกระตุกนั้น จะคล้ายกับเวลาที่ผู้ใหญ่สะอึก
เลือกอ่านตามหัวข้อ
ปกติจะเห็นแค่ทารกแรกเกิดสะอึกกันใช่ไหมคะ แต่คุณแม่รู้ไหมว่า จริง ๆ แล้วลูกน้อยเริ่มสะอึกตั้งแต่ตอนอยู่ในท้องแม่แล้วนะ บทความนี้จาก Enfa มีสาระน่ารู้เกี่ยวกับอาการลูกในท้องสะอึกมาฝากค่ะ มาดูกันว่าลูกน้อยเริ่มสะอึกเมื่อไหร่ และคุณแม่จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกในท้องสะอึก มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันได้เลย
เด็กในท้องสะอึก จะพบได้ในช่วงอายุครรภ์ในไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของพัฒนาการหายใจของทารกในครรภ์ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ อาการสะอึกของทารกในครรภ์นั้น คือ การเริ่มฝึกหายใจของทารกค่ะ
เมื่อทารกหายใจเข้า น้ำคร่ำจะเข้าไปในปอด ทำให้กระบังลมที่กำลังพัฒนามีการหดตัวลงอย่างรวดเร็ว ผลที่ตามมาก็คือ ลูกน้อยมีอาการสะอึกเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งคุณแม่สามารถจะสังเกตและรับรู้ได้ด้วยค่ะ
อาการลูกสะอึกในท้อง จริง ๆ แล้วแพทย์เองก็ยังไม่สามารถฟันธงได้อย่างแน่ชัดว่าเกิดจากอะไร แต่เป็นไปได้ว่าอาจมีสาเหตุมาจาก
อย่างไรก็ตาม อาการสะอึกของทารกในครรภ์นั้นมักเป็นสัญญาณที่ดีค่ะ ทำให้เรารู้ว่าทารกมีการเจริญเติบโตที่สมวัย ระบบการหายใจกำลังพัฒนาขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ การสัมผัสถึงอาการสะอึกของทารก ถือเป็นสัญญาณที่ดีมากที่บอกให้รู้ว่าทารกแข็งแรงดี ไม่มีความเสี่ยงของภาวะตายคลอด
เด็กสะอึกในท้อง เริ่มตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 16-20 สัปดาห์เป็นต้นไป และคุณแม่บางท่านยังอาจสามารถสัมผัส หรือรู้สึกถึงอาการสะอึกของทารกในครรภ์ได้จนถึงไตรมาสสาม หรือก่อนใกล้คลอด
คุณแม่หลายท่านอาจเป็นกังวลว่า ลูกในท้องสะอึกบ่อย อันตรายไหม เพราะกลัวลูกสำลัก หรือหายใจไม่ออกแล้วจะเกิดอันตราย แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาการลูกในท้องสะอึกทุกวัน มักเป็นสัญญาณที่ดี บ่งบอกว่าลูกน้อยมีพัฒนาการด้านระบบประสาทและระบบทางเดินหายใจที่ดี เป็นข้อบ่งชี้ว่าลูกในท้องสุขภาพแข็งแรงดีค่ะ
แต่การที่คุณแม่สัมผัสอะไรจากลูกไม่ได้เลยต่างหากจึงจะถือว่าอันตราย เช่น ลูกไม่ดิ้น ลูกหยุดดิ้น ลูกเคยดิ้น เคยสะอึก แล้วอยู่ดี ๆ ก็หยุดไปเลย ไม่รู้สึกถึงอาการดิ้น หรือสะอึกอีกต่อไป ความเงียบของทารกเหล่านี้มักเป็นสัญญาณอันตรายที่อาจนำไปสู่การเสียชีวิตของทารกในครรภ์
ลูกสะอึกในครรภ์ คุณแม่จะรู้สึกได้ว่าหน้าท้องกระตุกค่ะ แรก ๆ อาจจะยังไม่แน่ใจนัก แต่เมื่อลูกเริ่มสะอึกบ่อยขึ้น คุณแม่จะสัมผัสกับอาการกระตุกได้จนรู้สึกคุ้นชิน จนสามารถแยกออกได้ว่า ถ้ากระตุกเร็ว ๆ ถี่ ๆ ซ้ำ ๆ และคงที่ แบบนี้ลูกน้อยกำลังสะอึก แต่ถ้าลูกเตะ คุณแม่จะมองเห็นการเคลื่อนไหวของลูก และรู้ได้ว่าลูกกำลังดิ้นหรือเปลี่ยนอริยาบถ
อาการลูกในท้องสะอึก จะเกิดขึ้นแบบสุ่มหรือแรนด้อมค่ะ วันหนึ่งอาจจะมีอาการสะอึกหลายครั้ง หรือแค่ 2-3 ครั้ง ไม่สามารถกำหนดตายตัวได้ว่าลูกจะสะอึกเมื่อไหร่ และจะสะอึกบ่อยหรือนานแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม อาการสะอึกของลูกไม่ถือว่าอันตราย คุณแม่ไม่ต้องใส่ใจนับการสะอึกของลูกอย่างจริงจัง แต่ควรใส่ใจกับการดิ้นของลูกให้มาก นับลูกดิ้นเป็นประจำทุกวัน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตรวจเช็กพัฒนาการทารกในครรภ์และสัญญาณผิดปกติของลูกน้อย
คุณแม่ยังสามารถพบอาการสะอึกของทารกในครรภ์ได้ต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 3 หรือยาวไปจนถึงอายุครรภ์ 8-9 เดือน ก็อาจรู้สึกถึงอาการสะอึกของลูกในท้องได้อยู่ ซึ่งแน่นอนว่านั่นเป็นสัญญาณที่ดีเลยค่ะ การรับรู้ว่าลูกยังสะอึก ยังดิ้นอยู่ บ่งบอกว่าลูกน้อยยังมีการเจริญเติบโตตามปกติ
หากลูกในท้องกระตุกเป็นจังหวะเร็ว ๆ ถี่ ๆ เกิดขึ้นซ้ำ ๆ และคงที่ เป็นการกระตุกที่เกิดขึ้นในบริเวณใดบริเวณหนึ่งของท้องก็ได้ และจังหวะการกระตุกนั้น จะคล้ายกับเวลาที่ผู้ใหญ่สะอึก แบบนี้เป็นอาการสะอึกของลูกค่ะ
แต่ถ้าลูกดิ้น ลูกเตะท้อง จะรู้สึกได้ชัดเจนว่ามีอะไรกระตุกหรือกำลังดิ้นอยู่ข้างใน เหมือนมีอะไรเคลื่อนตัวผ่านไปมาภายในท้อง บางครั้งจะสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวที่หน้าท้องได้อีกด้วย
โดยทั่วไปแล้วอาการลูกสะอึกในท้องไม่ถือว่าเป็นอันตรายค่ะ แต่...ถ้าหากคุณแม่รู้สึกว่าช่วงนี้ลูกไม่ค่อยเคลื่อนไหวเลย นอกจากจะไม่สะอึกแล้ว การดิ้นก็น้อยลงด้วย หรือดิ้นไม่ถึง 10 ครั้งใน 1 วัน กรณีแบบนี้รีบไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยดูว่าทารกในครรภ์ยังเป็นปกติไหม
คุณแม่ตั้งครรภ์ ควรเลือกกินแต่อาหารที่มีประโยชน์ หลากหลาย เพื่อให้ได้โภชนาการครบทั้ง 5 หมู่ ที่ไม่เพียงจะดีต่อสุขภาพของคุณแม่ แต่ยังส่งต่อสารอาหารที่ดีเพื่อช่วยในการเจริญเติบโตที่สมวัยของทารกในครรภ์ด้วย
ซึ่งนอกจากการกินอาหารครบ 5 หมู่แล้ว ในทุก ๆ วันคุณแม่ยังสามารถเสริมโภชนาการได้ด้วยนมบำรุงครรภ์ เอนฟามาม่า 2 แก้วต่อวัน ซึ่งจะช่วยให้คุณแม่ได้รับแคลเซียมและโคลีน 100% ของปริมาณที่ Thai RDI แนะนำ มีประโยชน์ต่อสุขภาพของคุณแม่ และดีต่อการสร้างน้ำนมที่มีคุณภาพด้วย
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
Enfa สรุปให้ ข้อห้ามคนท้อง ไม่ใช่การห้ามเด็ดขาดแต่เป็นข้อควรระวังเพื่อความปลอดภัย โดยเน้นการหลี...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ การปรึกษาการตั้งครรภ์ 24 ชม. คุณแม่สามารถขอคำแนะนำจากแพทย์ได้ตลอดเวลา ผ่านบริการออ...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ หากคุณแม่ไม่รู้ว่าท้องแล้วกินเหล้า แม้เพียงปริมาณน้อยก็อาจเสี่ยงต่อการแท้ง คลอดก่อ...
อ่านต่อ