ตรวจสอบข้อมูลโดย : ผศ.พญ.ดิษจี ลุมพิกานนท์
กุมารแพทย์ สาขาทารกแรกเกิดและปริกำเนิด
ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ วชิรพยาบาล

คุณแม่มือใหม่คงเคยได้ยินมาบ้างแล้วว่าควรให้ลูกได้รับดีเอชเอมากๆ เพราะเป็นอาหารบำรุงสมอง ทำให้เกิดความสงสัยว่าบำรุงสมองอย่างไร และดีเอชเอมีอยู่ที่ไหนบ้าง เรามีรายละเอียดมาฝากกันค่ะ

ดีเอชเอคืออะไร

ดีเอชเอ (DHA) คือกรดไขมันจำเป็นในตระกูลโอเมก้า 3 เป็นโครงสร้างพื้นฐานของเซลล์สมองและจอประสาทตา ในสมองและเซลล์ประสาทตาของคนเราประกอบด้วยกรดไขมันหลายชนิด แต่ชนิดที่มีมากที่สุดคือ ดีเอชเอ โดยพบในสมอง 40% และพบในจอประสาทตา 60% เท่ากับเป็นองค์ประกอบหลักของเซลล์สมอง ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของปลายประสาท ซึ่งทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณและส่งผ่านข้อมูลระหว่างเซลล์สมองด้วยกัน จึงได้ชื่อว่าเป็นสารอาหารบำรุงสมองที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาสมองของเด็ก โดยเฉพาะในช่วง 3 ขวบปีแรกที่สมองพัฒนาสูงสุดถึง 85% ทีเดียว

ประโยชน์ของดีเอชเอ ด้านการบำรุงสมองของเด็ก

ดีเอชเอมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างเซลล์สมอง การให้ลูกได้รับดีเอชเอตั้งแต่ลูกยังอยู่ในครรภ์ จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับแม่ตั้งครรภ์ ช่วงอยู่ในครรภ์ ลูกจะได้รับดีเอชเอผ่านทางสายรกโดยตรง เพราะทารกยังมีเอนไซม์ไม่เพียงพอในการสังเคราะห์กรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของดีเอชเอ จึงยังไม่สามารถเปลี่ยนสารตั้งต้นนี้ให้เป็นดีเอชเอได้ และทารกในครรภ์จะสะสมดีเอชเอไว้ในสมองมากเป็นพิเศษในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนคลอด เนื่องจากในช่วงนี้อัตราการเจริญเติบโตและพัฒนาการของสมองจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว ส่วนหลังคลอดลูกจะได้รับดีเอชเอจากการกินนมแม่นั่นเอง

ร่างกายสร้างดีเอชเอเองไม่ได้

ร่างกายไม่สามารถสร้างดีเอชเอขึ้นเองได้ ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น ซึ่งแหล่งอาหารของดีเอชเอคือ นมแม่ ปลาทะเลน้ำลึก ปลาน้ำจืด เช่น ปลาสวาย ปลาช่อน และสาหร่ายทะเลบางชนิด

เด็กทารกแรกเกิดถึง 6 เดือน อาหารหลักคือ “นมแม่” จึงได้รับดีเอชเอจากนมแม่นั่นเอง การที่เด็กได้กินนมแม่เท่ากับช่วยให้เซลล์สมองและระบบประสาทของเขาได้พัฒนา

ดีเอชเอในนมแม่

อย่างที่กล่าวว่าแหล่งที่ดีของดีเอชเอสำหรับเด็กทารกและเด็กเล็กคือ “นมแม่” ซึ่งปริมาณดีเอชเอที่มีในนมแม่นั้น ธรรมชาติจะมีการปรับปริมาณให้เหมาะสมตามวันเวลาเพื่อเข้าไปปรับสมดุลในร่างกายของเด็ก ช่วยให้เซลล์สมองและสายตาของเด็กพัฒนาได้อย่างสมบูรณ์ ร่างกายเด็กจะนำดีเอชเอในน้ำนมแม่ไปใช้ได้เต็มที่ โดยเฉพาะในระยะ 6 เดือนแรกที่ทารกยังสร้างน้ำย่อยไขมันได้ไม่ดี เพราะในน้ำนมแม่จะมีน้ำย่อยไขมันด้วย

ดีเอชเอ กับการเชื่อมต่อที่เร็วกว่าของเซลล์สมอง

สมองของลูกน้อยสื่อสารดียิ่งขึ้นด้วยสารอาหารสำคัญอย่างดีเอชเอ (DHA) สำหรับเด็ก

ดีเอชเอทำหน้าที่ส่งเสริมการสร้างปลอกไขมันหุ้มเส้นใยประสาท (Myelin Sheath) ในสมอง ซึ่งเป็นฉนวนให้กระแสไฟฟ้าวิ่งได้อย่างรวดเร็ว ช่วยเพิ่มความเร็วในการรับและส่งสัญญาณกระแสประสาท (Nerve Impulse) ระหว่างเซลล์ประสาท ทำให้การสื่อสารรับส่งข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาทเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มการเชื่อมต่อและสื่อสารระหว่างเซลล์สมอง ยิ่งเซลล์สมองมีการเชื่อมต่อมากขึ้น เด็กก็ยิ่งเรียนรู้เร็วขึ้น

การที่มีกรดไขมันอย่างดีเอชเอในสมองจำนวนมาก ก็จะทำให้เซลล์สมองมีการขยายขนาด พื้นผิวมีรอยหยักซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มพื้นที่ในการเก็บข้อมูล ขณะที่จำนวนของเส้นใยสมองและจุดเชื่อมต่อก็เพิ่มจำนวนขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้สติปัญญาและการเรียนรู้ของเด็กมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ เมื่อดีเอชเอผ่านเข้าไปในสมองจะช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของปลายแขนงประสาทที่เรียกว่า เดนไดรต์ (Dendrite) ซึ่งทำหน้าที่ถ่ายทอดสัญญาณและสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทด้วยกัน ทำให้เด็กเกิดความจำและการเรียนรู้

รู้หรือไม่ว่า...ดีเอชเอคุณภาพแตกต่างให้ผลที่แตกต่าง

ดีเอชเอสำหรับเด็กที่ดีที่สุดคือ ดีเอชเอในนมแม่ แต่หากคุณแม่ไม่สามารถให้นมแม่กับลูกได้ ควรเลือกนมผงเด็กสูตรที่ผสมดีเอชเอ แม้ดีเอชเอจะช่วยพัฒนาสมองและการเรียนรู้ของเด็ก แต่ดีเอชเอก็มีคุณภาพแตกต่างกันและให้ผลที่แตกต่างกัน ดีเอชเอคุณภาพดีกว่าจะส่งผลดีต่อพัฒนาการของสมองเด็กมากกว่า คุณแม่จึงต้องให้ความสำคัญกับการเลือกสรรดีเอชเอคุณภาพดีที่สุดให้ลูกน้อย

คุณสมบัติของดีเอชเอที่ดีสำหรับลูกน้อย

  • เป็นดีเอชเอบริสุทธิ์ ที่สกัดจากสาหร่ายเซลล์เดียว ร่างกายทารกจึงสามารถย่อยและดูดซึมได้ดี

  • เป็นดีเอชเอปราศจากสิ่งปนเปื้อน มีความปลอดภัยสูง

  • เป็นดีเอชเอในปริมาณที่เหมาะสม นั่นคือดีเอชเอ 17 มก. และเออาร์เอ 34 มก./100 กิโลแคลอรี ซึ่งเป็นปริมาณที่มีงานวิจัยทางการแพทย์รองรับว่า ช่วยเสริมพัฒนาการของสมองตั้งแต่แรกเกิดถึง 5 ขวบปีแรกอย่างแท้จริง

  • เด็ก 1 ปีขึ้นไป ควรได้รับดีเอชเออย่างน้อยวันละ 100 มิลลิกรัม

ประโยชน์ของดีเอชเอทำงานร่วมกับสารอาหารอื่น

จากงานวิจัยทางคลินิกพบว่า เด็กที่ได้รับ MFGM ร่วมกับดีเอชอ มีระดับคะแนนพัฒนาการทางสติปัญญาสูงกว่าเด็กที่ได้รับดีเอชเอ เพียงอย่างเดียว นอกจากนั้นจากการทดลองในห้องปฏิบัติการ เพื่อศึกษาการทำงานของ MFGM พบว่า เมื่อใช้สารอาหาร MFGM ทำงานร่วมกับดีเอชเอ ที่เวลา 21 วัน จะช่วยเพิ่มโอกาสการเชื่อมต่อเซลล์สมองมากกว่าการใช้ดีเอชเอ เพียงอย่างเดียว*

อีกทั้งร่างกายเด็กจะดูดซึมดีเอชเอได้ดียิ่งขึ้นเมื่อมี พีดีเอ็กซ์ (PDX) ซึ่งคืออาหารของจุลินทรีย์สุขภาพที่มีอยู่ในลำไส้ใหญ่ มีคุณสมบัติช่วยปรับสมดุลระบบนิเวศในลำไส้ ช่วยให้เด็กมีระบบขับถ่ายที่ดีเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง คุณแม่จะเห็นได้ว่าดีเอชเอนั้นมีคุณค่าสมกับที่ได้เชื่อว่าอาหารบำรุงสมองจริงๆ จึงควรให้ลูกได้รับดีเอชเออย่างเพียงพอ ไม่ว่าจะจากนมแม่หรือนมผงเด็ก (กรณีไม่สามารถให้ลูกกินนมแม่ได้) ค่ะ

นมแม่ดีที่สุดต่อสมองเด็ก

เพราะมี MFGM เยื่อหุ้มอนุภาคไขมันในน้ำนม ช่วยให้เซลล์ไขมันคงรูปอยู่ได้ในน้ำนม MFGM ประกอบด้วยสารอาหารต่างๆ เช่น โปรตีนต่างๆ และไขมันเชิงซ้อน ซึ่งล้วนแต่เป็นสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและสมองเด็ก และมีดีเอชเอ กรดไขมันที่ช่วยพัฒนาสมองเด็กนั่นเอง

 

*Reference: NeuroProof report for Mead Johnson Nutrition Veereman-Wauters G, Staelens S, Rombaut R, et al. Milk fat globule membrane (INPULSE) enriched formula milk decreases febrile episodes and may improve behavioral regulation in young children. Nutrition. 2012;28:749-752.
 
ไขรหัสลับ MFGM สารอาหารสำคัญที่พบในนมแม่ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสมอง และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้เขาแข็งแรง