แม่ให้นมลูก เผลอกินอาหารที่ลูกแพ้ ต้องปั๊มนมทิ้งกี่วัน

Enfa สรุปให้

• เผลอกินอาหารที่ลูกแพ้ คุณแม่ควรรีบเช็กดูอาการแพ้ของลูกทันทีว่ามีอาการรุนแรงแค่ไหน หากมีอาการแพ้รุนแรงมาก ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันทีเพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม
• ในกรณีที่ลูกมีอาการแพ้รุนแรง คุณแม่อาจต้อง ปั๊มนมทิ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกน้อยกินนมแม่ที่มีสารก่อภูมิแพ้เจือปน อาจทำให้อาการแพ้ของลูกกำเริบขึ้นมาอีกได้
• หากเป็นไปได้ควรแยกใช้ที่ปั๊มนมทิ้ง เพื่อไม่ให้ปะปนกับที่ปั๊มนมตามปกติ หรือถ้ามีที่ปั๊มนมอันเดียว ก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่ควรล้างให้สะอาดหลังการปั๊มนมทิ้ง
  

บางครั้งคุณแม่อาจเผลอเรอ หรือพลาดพลั้งกินอาหารที่ลูกแพ้เข้าไป ทำให้เกิดความรู้สึกผิด และกลัวว่าลูกน้อยจะต้องอดกินนมแม่ไปหลายวัน จนกว่าจะปั๊มนมทิ้งจนหมด  วันนี้ Enfa มีสาระน่ารู้เกี่ยวกับวิธีรับมือเมื่อคุณแม่เผลอกินอาหารที่ลูกแพ้เข้าไปมาฝากค่ะ มาดูกันว่าถ้าแม่เผลอกินอาหารที่ลูกแพ้ ทำไงดี แล้วคุณแม่จะต้องปั๊มนมทิ้งกี่วัน ลูกน้อยถึงจะกลับมากินนมแม่ได้อีกครั้ง

เผลอกินอาหารที่ลูกแพ้ ทำไงดี

หากคุณแม่เผลอกินอาหารที่ลูกแพ้เข้าไป ให้หยุดกินทันที และสังเกตดู อาการลูกแพ้อาหารที่แม่กิน ทันที ว่าเริ่มมีอาการแพ้ปรากฎขึ้นมาหรือยัง และควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัย และรับการรักษาอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในกรณีที่ลูกน้อยมีอาการแพ้อย่างรุนแรง 

ในบางกรณีหลังจากแม่กินอาหารที่ลูกแพ้เข้าไป คุณแม่อาจต้องทำการปั๊มนมแม่ทิ้งด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกน้อยกินนมแม่ที่มีสารก่อภูมิแพ้เจือปนอยู่ด้วยเข้าไปอีก อาจทำให้อาการแพ้ของลูกน้อยกำเริบรุนแรงมากขึ้นได้

เผลอกินอาหารที่ลูกแพ้ ต้องปั๊มนมทิ้งกี่วัน

เผลอกินอาหารที่ลูกแพ้ ต้องปั๊มนมทิ้งกี่วัน คำตอบนั้นไม่สามารถกำหนดได้แน่นอนค่ะ เนื่องจากเราไม่สามารถจะวัดปริมาณของสารก่อภูมิแพ้ที่ลูกน้อยได้รับเข้าไปได้อย่างแน่ชัด สิ่งที่ทำได้คือ สังเกตจากอาการของลูกน้อยว่าหลังจากที่แม่เผลอกินอาหารที่ลูกแพ้ และลูกกินนมแม่เข้าไป อาการแพ้ของลูกปรากฎออกมาในลักษณะไหน รุนแรงมากน้อยแค่ไหน

ซึ่งความรุนแรงของลูก อาจใช้เป็นตัวกำหนดระยะเวลาในการปั๊มนมทิ้งได้ ดังนี้

• หากลูกมีอาการแพ้เล็กน้อย มีผื่นขึ้นนิดเดียว และผื่นนั้นยุบลงได้เร็ว โดยไม่มีอาการรุนแรงอื่น ๆ ร่วมด้วย แพทย์อาจแนะนำให้ปั๊มนมทิ้ง 4-6 ชั่วโมง จึงจะสามารถกลับมาให้นมลูกได้อีกครั้ง
• หากลูกมีอาการแพ้รุนแรง นอกจากจะมีผื่นขึ้นแล้ว ยังมีอาการคัน มีอาการอาเจียน มีท้องเสีย หรือถ่ายแล้วมีมูกเลือดปน แพทย์อาจแนะนำให้ปั๊มนมทิ้งนานหลายวัน ซึ่งก็แล้วแต่ความรุนแรงค่ะ หากอาการไม่หนักมาก อาจปั๊มนมทิ้งเพียง 1-2 วัน แต่ถ้าหากอาการของลูกหนักมาก อาจต้องปั๊มนมทิ้ง 2-3 วัน หรือมากกว่านั้น

ดังนั้น หากลูกมีอาการแพ้หลังจากแม่เผลอกินอาหารที่ลูกแพ้เข้าไป ควรพาลูกไปพบแทพย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรับคำแนะนำเกี่ยวกับการปั๊มนมทิ้งอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้ลูกน้อยมีอาการแพ้กำเริบขึ้นมาได้อีก

ข้อควรรู้เมื่อคุณแม่เผลอกินอาหารที่ลูกแพ้

อาการภูมิแพ้ สามารถพบได้ตั้งแต่ลูกน้อยยังเป็นทารก ดังนั้น จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่คุณแม่จะต้องใส่ใจ และระมัดระวังเรื่องอาหารอาหารการกินของคุณแม่เป็นพิเศษ เพราะลูกน้อยจะได้รับโภชนาการ สารอาหาร รวมถึงสารก่อภูมิแพ้ผ่านทางนมแม่ได้

แต่ถ้าหากคุณแม่เผลอกินอาหารที่ลูกแพ้แล้ว มีข้อควรรู้สำหรับรับมือกับอาการแพ้ของลูก ดังนี้

• สังเกตอาการของลูกทันที ว่ามีอาการแพ้รุนแรงแค่ไหน และรีบพาลูกไปพบแพทย์ พร้อมเล่ารายละเอียดอาหารที่กินเข้าไป เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยสาเหตุและอาการ พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลลูกอย่างเหมาะสม
• คุณแม่อาจต้องปั๊มนมทิ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกน้อยได้รับสารก่อภูมิแพ้ผ่านทางน้ำนมอีก แต่ระยะเวลาในการปั๊มนมทิ้งจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการแพ้ของลูก
• คุณแม่ควรปั๊มนมเก็บเอาไว้เสมอ เผื่อกรณีฉุกเฉินเผลอกินอาหารที่ลูกแพ้ ก็สามารถนำนมแม่ที่ปั๊มเก็บไว้ล่วงหน้ามาให้ลูกกินได้ และลูกน้อยไม่ต้องงดนมแม่ ทั้งยังได้รับโภชนาการที่มีประโยชน์ได้เหมือนเดิมในระหว่างที่คุณแม่ต้องปั๊มนมทิ้ง
• ไม่จำเป็นต้องให้ลูกกินนมชนิดอื่น หากแพทย์ไม่ได้แนะนำ คุณแม่สามารถนำนมแม่ที่ปั๊มเก็บสต็อกล่วงหน้าไว้มาอุ่นให้ลูกน้อยกินได้
• คุณแม่อาจต้องมีที่ปั๊มนม 2 อัน แยกเป็นที่ปั๊มนมทิ้ง สำหรับใช้ปั๊มนมทิ้งโดยเฉพาะในกรณีที่คุณแม่เผลอกินอาหารที่ลูกแพ้บ่อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มีสารก่อภูมิแพ้เจือปนกับที่ปั๊มนมปกติ หรือถ้ามีที่ปั๊มนมอันเดียว ก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่ควรล้างให้สะอาดหลังการปั๊มนมทิ้ง

ภูมิแพ้ป้องกันได้ เริ่มต้นวันนี้เพื่ออนาคตที่ไม่แพ้

หากลูกเป็นภูมิแพ้ คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลให้ลูกปลอดภัยจากสารก่อภูมิแพ้ที่จะทำให้อาการแพ้ของลูกกำเริบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่ให้นมลูก จำเป็นจะต้องหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มบางอย่างตลอดการให้นมลูก เพราะลูกอาจได้รับสารก่อภูมิแพ้จากอาการและเครื่องดื่มที่แม่บริโภคได้

มากไปกว่านั้น คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกน้อยไปตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ตั้งแต่ยังเล็ก เพื่อจะได้ทราบว่าลูกมีอาการแพ้ต่อสิ่งใดบ้าง จะได้ทำการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ได้ และเข้าสู่กระบวนการรักษาตั้งแต่ยังเล็ก เพื่อให้เด็กสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแรง เอาชนะได้ทุกอุปสรรค ไม่สะดุดทุกอาการแพ้ และลดความเสี่ยงของภูมิแพ้ลูกโซ่ในอนาคตด้วย

นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ยังสามารถป้องกันภูมิแพ้ในเด็กได้ด้วยวิธีเหล่านี้

• หากคุณแม่ให้ลูกน้อยกินนมแม่อยู่แล้ว แพทย์ก็จะแนะนำให้กินนมแม่ต่อไป
• ในกรณีที่คุณแม่มีน้ำนมไม่เพียงพอหรือไม่สามารถให้นมแม่ได้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งแพทย์มักจะแนะนำโปรตีนที่ผ่านการย่อยอย่างละเอียด* (EHP ) ที่มีคุณสมบัติ Hypoallergenic ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และมีส่วนประกอบของโพรไบโอติก เช่น แล็กโทบาซิลลัส รามโนซัส จีจี (LGG) ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง หยุดอาการแพ้นมวัว รวมถึงลดโอกาส ในการเกิดภูมิแพ้อื่น ๆ ที่อาจจะตามมาในอนาคตได้

*แนวทางการรักษาโรคแพ้โปรตีนนมวัวของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ดูแลลูกน้อย

• 30 เมนูอาหารสำหรับคุณแม่หลังคลอด สารอาหารครบ เพิ่มน้ำนมแม่
• รู้จักกับอาการแพ้นมวัว อาการแบบไหนที่บอกว่าลูกแพ้นมวัว