Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
พัฒนาการเด็ก 5 ขวบ วัยนี้ ร่างกายลูกน้อยเจริญเติบโตอย่างเห็นได้ชัด รูปร่างเริ่มสมส่วน ขนาดของศีรษะโตเกือบเท่าวัยผู้ใหญ่ พัฒนาการทางสายตาดีขึ้นมองได้กว้างไกลขึ้น แต่นอกจากนี้ลูกน้อยยังมีพัฒนาการด้านอื่น ๆ อย่างไรบ้าง มาติดตามเช็กลิสต์พัฒนาการเด็ก 5 ขวบไปพร้อมกับ Enfa ได้เลยค่ะ
พัฒนาการเด็กวัย 5 ขวบ ที่สำคัญ ๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ควรติดตามและสังเกต ได้แก่
ส่วนสูงของเด็ก 5 ขวบตามเกณฑ์ปกติ สามารถแบ่งได้ ดังนี้
น้ำหนักเด็ก 5 ขวบ สามารถแบ่งออกตามเพศได้ ดังนี้
พัฒนาการ 5 ขวบ จะพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดในทุก ๆ ด้าน คุณพ่อคุณแม่สัมผัสถึงการเจริญเติบโตของลูกวัย 5 ขวบอย่างเห็นได้ชัด ดังนี้
พัฒนาการด้านร่างกายของเด็ก 5 ขวบ ลูกน้อยฉลาดเคลื่อนไหว คล่องแคล่วแข็งแรง ทำกิจกรรมที่ต้องใช้พลังกายได้ดี
พัฒนาการด้านสติปัญญาของเด็ก 5 ขวบ จะเด่นเรื่องฉลาดเรียนรู้ สามารถทำความเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้ดี เช่น
พัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจของเด็ก 5 ขวบ ลูกวัยนี้ฉลาดด้านอารมณ์ มีความรู้สึกและอารมณ์หลากหลาย
พัฒนาการด้านสังคม เด็ก 5 ขวบนั้นฉลาดสื่อสาร เข้าสังคมได้ดี
ลูกอายุครบ 5 ขวบ ดูเหมือนจะโตขึ้น แต่การเรียนรู้ของลูกยังต้องการการส่งเสริมจากคุณพ่อคุณแม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาการ 360° อัจฉริยะรอบด้านของลูกน้อยค่ะ
ในแต่ละเดือนของลูกน้อยวัย 5 ขวบ จะมีพัฒนาการที่ชัดเจนและก้าวกระโดดมากขึ้นในทุก ๆ เดือน ดังนี้
พัฒนาการเด็ก 5 ขวบ 1 เดือน ที่คุณพ่อคุณแม่อาจสามารถสังเกตเห็นได้ เช่น
พัฒนาการเด็ก 5 ขวบ 2 เดือน ที่คุณพ่อคุณแม่อาจสามารถสังเกตเห็นได้ เช่น
พัฒนาการเด็ก 5 ขวบ 3 เดือน ที่คุณพ่อคุณแม่อาจสามารถสังเกตเห็นได้ เช่น
พัฒนาการเด็ก 5 ขวบ 4 เดือน ที่คุณพ่อคุณแม่อาจสามารถสังเกตเห็นได้ เช่น
พัฒนาการเด็ก 5 ขวบ 5 เดือน ที่คุณพ่อคุณแม่อาจสามารถสังเกตเห็นได้ เช่น
พัฒนาการเด็ก 5 ขวบ 6 เดือน ที่คุณพ่อคุณแม่อาจสามารถสังเกตเห็นได้ เช่น
พัฒนาการเด็ก 5 ขวบ 7 เดือน ที่คุณพ่อคุณแม่อาจสามารถสังเกตเห็นได้ เช่น
พัฒนาการเด็ก 5 ขวบ 8 เดือน ที่คุณพ่อคุณแม่อาจสามารถสังเกตเห็นได้ เช่น
พัฒนาการเด็ก 5 ขวบ 9 เดือน ที่คุณพ่อคุณแม่อาจสามารถสังเกตเห็นได้ เช่น
พัฒนาการเด็ก 5 ขวบ 10 เดือน ที่คุณพ่อคุณแม่อาจสามารถสังเกตเห็นได้ เช่น
พัฒนาการเด็ก 5 ขวบ 11 เดือน ที่คุณพ่อคุณแม่อาจสามารถสังเกตเห็นได้ เช่น
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงบางส่วนของพัฒนาการที่สามารถพบได้ในลูกวัย 5 ขวบ ซึ่งลูกน้อยอาจมีพัฒนาการ แสดงทักษะ หรือทำบางอย่างได้ดีในเดือนใดเดือนหนึ่ง โดยไม่จำเป็นจะต้องตรงตามตัวอย่างพัฒนาการในแต่ละเดือนข้างต้นเสมอไป
สิ่งสำคัญคือคุณพ่อคุณแม่หมั่นช่วยเสริมพัฒนาการลูกอย่างสม่ำเสมอ พาทำกิจกรรมเป็นประจำ ใช้เวลาร่วมกันกับลูกบ่อย ๆ ก็จะช่วยให้ลูกน้อยสามารถพัฒนาทักษะของตนได้ดีขึ้น
คุณพ่อคุณแม่สามารถส่งเสริมพัฒนาการเด็ก 5 ขวบได้ง่าย ๆ ผ่านกิจกรรมสุดสนุกมากมาย อาทิ
เพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น เช่น แบดมินตัน ว่ายน้ำ ฟุตบอล ปั่นจักรยาน
สอนเด็กอ่านหนังสือ หรืออ่านหนังสือให้ลูกฟังเป็นประจำ อาจใช้หนังสือภาพ หนังสือนิทานอีสป หรือหนังสือที่ลูกสนใจก็ได้ การอ่านหนังสือให้ลูกฟัง จะช่วยเพิ่มคลังคำศัพท์ใหม่ ๆ ให้ลูก ช่วยกระุต้นจินตนาการ และเพิ่มพูนทักษะการสื่อสาร
เช่น ไพ่อูโน่ เกมเศรษฐี เกมบันไดงู เกมโดมิโน่ เพื่อสอนเรื่องการทำตามกติกา และกระตุ้นทักษะการคิด การวางแผนที่ดี รวมถึงช่วยส่งเสริมทักษะด้านอารมณ์ให้รู้จักแพ้ และยอมรับได้เมื่อเป็นฝ่ายแพ้
เช่น ปั้นบัวลอย ขนมโตเกียว ไข่ม้วน ปั้นซูชิ กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยฝึกฝนสมาธิของลูก กระตุ้นการทำงานของสมอง ดวงตา และกล้ามเนื้อมือให้สัมพันธ์กัน และยังช่วยให้เด็ก ๆ เห็นคุณค่าของตัวเองเมื่อทำอาหารเสร็จและกินอาหารฝีมือตนเอง
เช่น เก็บขยะริมหาด กวาดลานวัด บริจาคสิ่งของ เป้นวิธีที่จะช่วยปลูกฝังให้ลูกเรียนรู้ที่จะแบ่งปันกับผู้อื่น ให้เป็นคนมีน้ำใจ รู้จักเผื่อแผ่
เช่น พิมพ์ภาพ วาดภาพ ระบายสี ปั้นดินน้ำมัน ปั้นดินเผา ศิลปะช่วยจรรโลงจิตใจ เสริมสมาธิของลูก ปลูกฝังจินตนาการ และยังอาจช่วยให้ลูกค้นพบความชอบหรือพรสวรรค์ของตนเองด้วย
หากคุณพ่อคุณแม่พบว่า ลูกน้อยไม่มีลำดับพัฒนาการตามเช็กลิสต์เลย ทำได้ไม่กี่ข้อ ทำได้ไม่ค่อยดี หรือทำไม่ได้เลย อาจจะเร็วเกินไปที่จะสรุปได้ว่าลูกมีพัฒนาการช้า ควรพาลูกไปพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเด็กก่อน เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยดูว่าลูกน้อยเข้าข่ายมีพัฒนาการช้าจริงไหม หากจริงก็จะได้รับคำแนะนำในการดูแลและเสริมพัฒนาการลูกได้อย่างเหมาะสม
สิ่งสำคัญเหนืออื่นใดก็คือ คุณพ่อคุณแม่ต้องมีความเข้าใจและเปิดใจที่จะยอมรับได้ว่า ลูกเรามีพัฒนาการช้าจริงนะ และนี่ไม่ใช่ความผิดของใคร แต่เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะช่วยพัฒนา ส่งเสริม และฝึกฝนให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีขึ้น และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข
ความรัก ความเข้าใจ และความอบอุ่นจากทั้งพ่อและแม่ จะเป็นแรงผลักดันช่วยให้ลูกมีความมั่นใจในตนเอง ไม่รู้สึกว่าตนเองมีปมด้อย ไม่รู้สึกว่าถูกพ่อแม่ทิ้งขว้าง และยังสามารถที่จะมีพัฒนาการที่ดีขึ้น หรืออาจค้นพบทักษะบางอย่างที่ลูกสามารถทำได้ดีเยี่ยมอีกด้วย
ลูกดื้อมาก 5 ขวบแล้วดื้อสุด ๆ คุณพ่อคุณแม่สามารถรับมือกับอาการวัยทอง 5 ขวบได้หลายวิธี ดังนี้
คุณพ่อคุณแม่ต้องยึดถือแนวทางที่ถูกต้องเพื่อเป็นบรรทัดฐานในการดูแลลูก หากลูกทำผิด และต้องทำโทษ ว่ากล่าว ตักเตือน ก็ควรจะต้องทำ อธิบายให้ลูกเข้าใจว่าผิดอย่างไร และควรแก้ไขอย่างไร
หากลูกทำผิด ควรต้องมีการทำโทษและตักเตือน ไม่ใช่เดี๋ยวก็ทำโทษ เดี๋ยวก็ไม่ทำโทษ จะทำให้ลูกสับสนกับพฤติกรรมของตนเอง และรู้สึกว่าเรื่องที่ทำผิดเป็นสิ่งที่พ่อแม่ยอมรับได้
ไม่แสดงออกทางอารมณ์อย่างรุนแรง แม้จะเป็นเรื่องยากในบางครั้ง แต่ก็ต้องพยายามเก็บอารมณ์ให้ได้ บางครั้งการเมินเฉยกับการเรียกร้องความสนใจของลูก ก็อาจทำให้ลูกสงบลงได้ก่อน
เพราะไม่ส่งผลดีในระยะยาว และอาจเป็นการสร้างผมในใจอีกด้วย แต่ควรเลือกวิธีทำโทษอื่น ๆ แทน เช่น การเข้ามุม การงดของหวาน ลดชั่วโมงเล่นเกม และก่อนทำโทษทุกครั้งควรอธิบายสาเหตุและตักเตือนลูกด้วย เพื่อให้ลูกได้ทบทวนการกระทำและเข้าใจความผิดของตนเอง
คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ตัดสินลูกในทันที แต่ควรรับฟังอย่างเข้าใจถึงสาเหตุและที่มาที่ไปก่อน บางครั้งลูกอาจไม่ได้ทำผิดจริง ๆ แต่สถานการณ์อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ หากพ่อแม่รับฟัง ไม่ลงโทษโดยไม่สนเหตุผลของลูก ก็จะช่วยให้ลูกเป็นคนมีเหตุและผลตามไปด้วย
พ่อแม่บางคนยึดถือแต่คติที่ว่า ไม่ชมลูกเพราะจะทำให้ลูกเหลิง แต่ความจริงแล้วการไม่ชมเชยลูกทั้งต่อหน้าและลับหลัง มักทำให้ลูกขาดความมั่นใจ รู้สึกว่าทำดีเท่าไหร่พ่อแม่ก็ไม่สนใจ ถ้าลูกทำดี ต้องชมให้เขาได้ยิน หากภูมิใจในตัวเขา ต้องบอกให้เขารับรู้ เพื่อส่งเสริมพลังใจทางบวกที่ดีให้กับลูก
เช่น เล่าเรื่องราวที่เจอมาตลอดทั้งวันตอนกินอาหารเย็น พูดคุย สอบถาม แนะนำสิ่งต่าง ๆ ให้กันและกันเสมอ การพูดคุยกับลูกบ่อย ๆ คุยกันได้ในทุก ๆ เรื่อง จะช่วยให้ลูกกล้าที่จะเปิดใจรับฟังพ่อแม่มากขึ้น มีอะไรก็กล้าจะถาม กล้าจะบอก
อย่างไรก็ตาม วิธีการรับมือกับลูกดื้ออาจสามารถดัดแปลง เป็นรูปแบบเฉพาะตัวของแต่ละบ้านได้ เพราะเด็กแต่ละคนแตกต่างกัน จึงอาจต้องมีการพลิกแพลงให้เหมาะสมกับเด็ก ๆ แต่ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของเหตุผลที่ดีด้วยนะคะ
วิธีสอนลูก 5 ขวบ เพื่อปลูกฝังให้ลูกเป็นเด็กที่มีพัฒนาการดีในทุก ๆ ด้าน สามารถทำได้ ดังนี้
คำพูดไหนที่ไม่เหมาะสม ไม่อยากให้ลูกพูด คุณพ่อคุณแม่ก็ควรอธิบายให้เหมาะสมว่าทำไมถึงไม่ควรพูด และพ่อแม่เองก็ต้องระวังไม่เผลอพูดต่อหน้าลูกด้วย เพราะเด็กวัยนี้กำลังอยู่ในวัยที่ชอบเลียนแบบและทำตาม
เพื่อฝึกทักษะการดูแลตนเอง เช่น ฝึกลูกสวมเสื้อผ้าเอง แปรงฟันอาบน้ำเอง จัดกระเป๋าเอง เลือกเสื้อผ้าเอง เป็นต้น
เริ่มพาลูกทำสิ่งต่าง ๆ อย่างเป็นกิจวัตร เช่น ตื่นนอนตรงเวลา เข้านอนเป็นเวลา เล่นเกมหรือดูโทรทัศน์ตามเวลาที่กำหนด เพื่อสร้างเสริมการมีวินัยที่ดี
เช่น เพื่อน ๆ มีทั้งตัวสูง ตัวเล็ก เป็นเรื่องปกติ ลูกชอบสีนี้ เพื่อนชอบสีนั้น ก็เป็นเรื่องปกติ คนเราไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน เพื่อให้ลูกมั่นใจที่จะเป็นตัวเอง
หากออกปากสัญญาอะไรแล้ว ต้องทำให้ได้ด้วย สิ่งนี้จะช่วยปลูกฝังให้ลูกมีความจริงใจ และมีความเชื่อใจ หากคุณพ่อคุณแม่ผิดสัญญา จะทำให้ลูกขาดความมั่นใจในตนเอง และเสียความเชื่อมั่นในตัวพ่อแม่ด้วย
นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ยังสามารถคิดหาวิธีสอนลูกแบบใหม่ ๆ ที่เหมาะกับลูกได้อีกมากมาย และสามารถนำวิธีสอนลูก 5 ขวบข้างต้นนี้ไปปรับใช้ได้ด้วยเช่นกันค่ะ
เพื่อให้ลูกน้อยวัย 5 ขวบ มีพัฒนาการเจริญเติบโตที่สมวัย มีทักษะสมองที่ดี ควรดูแลให้ลูกน้อยกินอาหารที่มีประโยชน์ ได้รับโภชนาการที่หลากหลาย และครบทั้ง 5 หมู่ เอนฟาโกร สูตรเฉพาะที่มี MFGM, DHA, 2’-FL และวิตามินบี 12 มีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของระบบประสาทและสมอง
เด็กอายุ 5 ขวบ จะอยู่ในระดับชั้นอนุบาล 3 ค่ะ
วิธีสอนหนังสือให้ลูก เริ่มต้นได้ง่าย ๆ ด้วยการอ่านหนังสือให้ลูกฟังเป็นประจำค่ะ โดยอาจเริ่มจากหนังสือที่ลูกชอบ หรือให้ลูกเลือกหนังสือที่เขาอยากให้พ่อแม่อ่านให้ฟัง การดูแลให้ลูกได้ใกล้ชิดกับหนังสือบ่อย ๆ จะช่วยเพิ่มคลังคำศัพท์และความรู้ใหม่ ๆ ให้ลูก ทำให้ลูกซึมซับและสนใจที่จะเรียนรู้และฝึกฝนการอ่านหนังสือ และจะนำไปสู่พัฒนาการด้านการเขียน การอ่าน และการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพได้
หากลูกวัย 5 ขวบ อารมณ์ไม่ดี โมโหร้าย คุณพ่อคุณแม่สามารถรับมือได้หลายวิธี เช่น
ลูก 5 ขวบ เอาแต่ใจ คุณพ่อคุณแม่อาจรับมือและสอนได้หลายวิธี เช่น
บทความแนะนำสำหรับเสริมพัฒนาการเด็กวัยเรียน
Enfa สรุปให้ พูดติดอ่าง พูดไม่ออก อาจเกิดจากพัฒนาการด้านภาษา พันธุกรรม ความเครียด หรือความผิดปกต...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ เมื่อเด็กอายุย่างเข้า 3-5 ขวบ ก็เป็นช่วงวัยที่เหมาะสำหรับการพาเด็กเข้าสู่รั้วโรงเร...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ เมนูอาหารสําหรับวัยก่อนเรียน 3-6 ปี ควรจะต้องมีทั้งเนื้อสัตว์ ผัก และไขมัน เพื่อให้...
อ่านต่อ