นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เอนฟาสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนไปจนถึง 2 ปี หรือนานกว่าตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

เด็กดูทีวีได้ไหม คู่มือเลี้ยงเด็กสำหรับพ่อแม่ยุคดิจิทัล

Enfa สรุปให้

  • ไม่ควรให้ทารกดูทีวีหรือสื่อหน้าจอทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นทีวี โทรศัพท์ หรือแท็บเล็ต เพราะสมองของทารกกำลังอยู่ในช่วงพัฒนาการอย่างรวดเร็ว และต้องการการกระตุ้นจากโลกจริงมากกว่าภาพจำลองจากหน้าจอ 
  • เด็ก 3 เดือนดูไม่ควรดูทีวี แต่เด็กวัยนี้มองทีวีเพราะเริ่มมีความสนใจแสง สี และการเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งการเคลื่อนไหวและเสียงจากทีวีช่วยดึงดูดสายตาเด็กได้ง่าย โดยระบบสายตาของเด็กเริ่มพัฒนาจนสามารถเพ่งมองวัตถุได้ระยะหนึ่งได้แล้ว 
  • เด็กดูทีวีโดยเฉพาะในช่วงวัยทารกไม่ได้ช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสมองเท่าการเล่นและการสื่อสารแบบตัวต่อตัว ทั้งยังส่งผลกระทบหลายด้าน เช่น พัฒนาการด้านภาษาล่าช้า พูดไม่ชัด หรือพูดช้า สมาธิสั้น เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้น้อยลง ขาดทักษะการเข้าสังคม เป็นต้น

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

เมื่อลูกน้อยของคุณพ่อคุณแม่เกิดมาในยุคที่เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน คุณพ่อคุณแม่จำนวนไม่น้อยอาจตั้งคำถามว่า ทารกดูทีวีได้ไหม เพราะบางครั้งเปิดทีวีไว้เป็นเพื่อนในบ้านก็พบว่าทารกมักมองตามเสียงหรือมองจอ การให้เด็กเล็กสัมผัสกับหน้าจอทีวีอาจดูเหมือนไม่มีอันตราย แต่ในความเป็นจริง ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กเตือนว่า การสัมผัสหน้าจอก่อนวัยอันควร อาจส่งผลกระทบต่อสมอง การเรียนรู้ และพฤติกรรมในระยะยาว ดังนั้นเราควรเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า วัยไหนเหมาะกับการดูทีวีอย่างไร

 

ทารกดูทีวีได้ไหม


เด็กทารกดูทีวีได้ไหม คำตอบคือ ไม่ควรให้ทารกดูทีวีหรือสื่อหน้าจอทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นทีวี โทรศัพท์ หรือแท็บเล็ต เพราะสมองของทารกกำลังอยู่ในช่วงพัฒนาการอย่างรวดเร็ว และต้องการการกระตุ้นจากโลกจริงมากกว่าภาพจำลองจากหน้าจอ เหตุผลที่ทารกไม่ควรดูทีวีเนื่องจาก

  • สมองยังไม่สามารถประมวลผลข้อมูลซับซ้อนได้
  • การดูทีวีทำให้พลาดโอกาสในการเรียนรู้ผ่านการเล่นจริงและการปฏิสัมพันธ์
  • การรับแสงกระพริบจากหน้าจออาจรบกวนระบบการนอนหลับ
  • เพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาพัฒนาการทางภาษาและสังคม

 

เด็กดูทีวีได้ตอนกี่ขวบ


เด็กดูทีวีได้ตอนกี่ขวบ ตามคำแนะนำจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย มีคำแนะนำสำหรับการใช้สื่อหน้าจอสำหรับแต่ละช่วงวัย ดังนี้

  • เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี งดสื่อหน้าจอทุกชนิด ยกเว้นการวิดีโอคอลกับคนที่รู้จัก
  • เด็กอายุ 2-5 ปี สามารถดูได้ไม่เกินวันละ 1 ชั่วโมง โดยต้องมีผู้ใหญ่ร่วมดู และเลือกสื่อคุณภาพ
  • เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป จำกัดเวลาหน้าจอไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน และไม่ให้เบียดเวลากิจกรรมอื่น เช่น เล่นกีฬา นอนหลับ และทำการบ้าน

ทั้งนี้ ควรเลือกใช้สื่อที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น

  • เปิดเพลงหรือการ์ตูนเสริมพัฒนาการพร้อมอธิบายขณะดู
  • เลือกเนื้อหาที่มีการสอนภาษา คำศัพท์ หรือพฤติกรรมเชิงบวก
  • พูดคุยกับลูกถึงเนื้อหาที่ดูเพื่อกระตุ้นการคิดวิเคราะห์

 

เด็ก 3 เดือนดูทีวีได้ไหม


เด็ก 3 เดือนยังไม่ควรดูทีวี เพราะยังไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาที่เห็นหรือได้ยิน แต่หากเป็นอย่างนั้น แล้วทำไมลูก 3 เดือนชอบมองทีวีกันล่ะ เหตุผลก็คือ เด็กวัยนี้เริ่มมีความสนใจแสง สี และการเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งการเคลื่อนไหวและเสียงจากทีวีช่วยดึงดูดสายตาเด็กได้ง่าย โดยระบบสายตาของเด็กเริ่มพัฒนาจนสามารถเพ่งมองวัตถุได้ระยะหนึ่งได้แล้ว ทำให้เด็กเริ่มมองทีวี

ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าลูก 3 เดือนจะชอบมองทีวี มีลักษณะจ้องหน้าจอโดยไม่กระพริบตา หันหน้าไปตามเสียงจากทีวี สนใจสีสันและความเคลื่อนไหวมากกว่ารายละเอียดของภาพ หรือดูเหมือนลูกตั้งใจมองก็ตาม แต่การดูหน้าจอในวัยนี้ไม่มีประโยชน์ทางพัฒนาการ และอาจรบกวนการเรียนรู้ตามธรรมชาติ จึงไม่ควรให้เด็ก 3 เดือนดูทีวี

 

เด็ก 4 เดือนดูทีวีได้ไหม


แม้ว่าเด็ก 4 เดือนจะมองเห็นภาพได้ชัดขึ้น แต่เด็กวัย 4 เดือนก็ยังไม่ควรดูทีวี เพราะการเรียนรู้ยังต้องอาศัยปฏิสัมพันธ์จริง เช่น การสบตา การยิ้มตอบ อีกทั้งสมองต้องการพัฒนาจากประสบการณ์ที่จับต้องได้ ไม่ใช่จากภาพจำลอง

การเลี้ยงดูเด็ก 4 เดือนไม่ควรให้ดูทีวี แต่สามารถเลือกใช้กิจกรรมที่เหมาะสมได้ เช่น เล่นของเล่นที่มีสีสันสดใส ฟังเพลงเบา ๆ หรือเสียงธรรมชาติ หรืออ่านนิทานภาพพร้อมเล่าเรื่องสั้น ๆ เป็นต้น 

 

เด็ก 5 เดือนดูทีวีได้มั้ย


เด็ก 5 เดือนก็ยังไม่ควรดูทีวี ถึงแม้จะเริ่มตอบสนองต่อเสียงและภาพ เช่น ยิ้ม หัวเราะ เวลามีเพลงหรือภาพที่ชอบ แต่พัฒนาการด้านภาษาและการเคลื่อนไหวยังคงต้องอาศัยโลกแห่งความจริง ควรส่งเสริมพฤติกรรมอื่นแทนการดูทีวี เช่น ฝึกพลิกตัวและคลานไปหาของเล่น ชวนลูกเล่นจ๊ะเอ๋เพื่อฝึกการคาดการณ์ ฝึกฟังเสียงแม่พูดหรือร้องเพลงสั้น ๆ ด้วยกัน เป็นต้น 

 

เด็ก 10 เดือนดูทีวีได้ไหม


แม้เด็กวัยนี้จะมีพัฒนาการด้านการสื่อสารมากขึ้น เช่น พูดพยางค์เดียว หรือแสดงความสนใจต่อการสื่อสารมากขึ้น แต่เด็ก 10 เดือนก็ยังไม่ควรดูทีวี เนื่องจากเด็กยังต้องพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหว เช่น คลาน เดิน กำวัตถุ การเล่นกับคนจริง ๆ จะมีผลต่อพัฒนาการสมองมากกว่าการดูหน้าจอ จึงควรเสริมด้วยกิจกรรมอื่นแทน เช่น เล่นบล็อกไม้เสริมมือและสายตา ชี้รูปในหนังสือภาพแล้วเรียกชื่อ ทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น เดินเล่นในสวน  

 

เด็กดูทีวีกับพัฒนาการทางสมอง


เด็กดูทีวีกับพัฒนาการทางสมองอาจไม่ใช่สิ่งที่ส่งเสริมกันเท่าไรนัก การดูทีวีในช่วงวัยทารกและวัยเตาะแตะไม่ได้ช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสมองเท่าการเล่นและการสื่อสารแบบตัวต่อตัว โดยผลกระทบจากการที่เด็กดูโทรทัศน์มีดังนี้

  • พัฒนาการด้านภาษาล่าช้า พูดไม่ชัด หรือพูดช้า
  • สมาธิสั้น เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้น้อยลง
  • ขาดทักษะการเข้าสังคม เช่น ไม่สบตา ไม่โต้ตอบกับคนรอบข้าง
  • การเชื่อมโยงข้อมูลในสมองด้อยลง เพราะไม่ได้ใช้การสัมผัสและเคลื่อนไหวจริง
     


เด็กดูทีวีก่อน 2 ขวบ มีผลเสียอย่างไรบ้าง


การดูทีวีในเด็กเล็กก่อให้เกิดผลเสียหลายด้าน ทั้งทางร่างกาย อารมณ์ และสังคม คือ ทำให้สมาธิสั้น มีความเสี่ยงพฤติกรรมไฮเปอร์แอคทีฟ มีพัฒนาการการพูดล่าช้า มีพฤติกรรมนอนหลับไม่สนิทหรือหลับยาก มีแนวโน้มอ้วนจากการเคลื่อนไหวน้อย และติดสื่อจนไม่สนใจการเล่นจริง 

 

ลูกติดทีวี คุณพ่อคุณแม่เริ่มแก้นิสัยยังไงดีนะ


ลูกติดทีวี คุณพ่อคุณแม่เริ่มแก้นิสัยยังไงดีนะ ไม่ยากค่ะ หากเด็กทารกดูทีวีจนติดทีวีแล้ว คุณพ่อคุณแม่สามารถค่อย ๆ ปรับพฤติกรรมไปพร้อมกับลูกได้ดังนี้

  • ค่อย ๆ ลดเวลาหน้าจอวันละนิด (เช่น ลดวันละ 10 นาที)
  • ชวนลูกทำกิจกรรมที่สนุก เช่น วาดรูป เล่นบล็อก อ่านนิทาน
  • จัดมุมเล่นในบ้านที่น่าสนใจแทนการนั่งดูทีวี
  • เป็นตัวอย่างที่ดีโดยการจำกัดเวลาหน้าจอของพ่อแม่ด้วย
  • พูดคุยกับลูกมากขึ้น ให้เวลากับลูกในการเล่นอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ การเลี้ยงลูกในยุคดิจิทัลไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การเข้าใจถึงพัฒนาการตามวัยจะช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม การชะลอการให้เด็กดูทีวีจนกว่าจะโตพอคือการลงทุนที่คุ้มค่าในอนาคต เพราะการเรียนรู้จากโลกจริงและการปฏิสัมพันธ์กับพ่อแม่คือรากฐานที่สำคัญที่สุดของสมองที่แข็งแรงค่ะ

 

เลือกโภชนาการที่มี MFGM เพื่อ IQ และทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ที่เหนือกว่า


นอกจากการดูแลสุขอนามัย สุขภาพโดยรวม และเฝ้าสังเกตพัฒนาการของของลูกน้อยว่าเหมาะสมตามวัยแล้วหรือไม่แล้ว การดูแลด้านโภชนาการตั้งแต่ลูกยังเล็ก โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีแรกของชีวิตนั้น ถือว่าเป็นการปูพื้นฐานที่สำคัญให้กับชีวิตของลูก จะช่วยให้ลูกพร้อมเติบโตมาเป็นเด็กที่ทั้งฉลาดทางความคิดและฉลาดทางอารมณ์

โดยโภชนาการที่สำคัญที่ลูกน้อยควรได้รับก็คือนมแม่ เพราะในนมแม่ที่มี MFGM หนึ่งเดียวที่มีงานวิจัยรองรับว่า* ช่วยให้มี IQ และ EF ที่เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ขวบปีแรก ให้ลูกพร้อมกว่าเมื่อถึงวัยเข้าเรียน โดย MFGM ในนมแม่ เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างเส้นใยประสาท (Myelin Sheath) และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณประสาทเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง ทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเรียนรู้และจดจำได้ดียิ่งขึ้น

*สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีและศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย. นมแม่กับการพัฒนาทักษะสมองส่วน Executive Function. 2561 

 

ไขข้อข้องใจเรื่องเด็กดูทีวีกับ Enfa Smart Club


ลูกดูทีวีพูดช้า จริงไหม

จริง เพราะการดูทีวีมากเกินไปในวัยทารกและเด็กเล็กทำให้พัฒนาการทางภาษาล่าช้า เพราะขาดการโต้ตอบกับคนจริง ๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนรู้ภาษา

 

ลูกดูทีวีสมาธิสั้น จริงไหม

จริง เพราะการดูทีวีที่มีภาพเคลื่อนไหวเร็วหรือดูนานเกินไป เพิ่มความเสี่ยงต่อการมีสมาธิสั้น และทำให้เด็กติดพฤติกรรมเปลี่ยนความสนใจไปมาอย่างรวดเร็ว

 

ให้ลูกดูทีวี ได้นานแค่ไหนต่อวัน

  • ช่วงอายุน้อยกว่า 1 ปี ไม่ควรให้เด็กใช้หน้าจอ แต่ควรใช้การเล่านิทาน ร้องเพลง จากผู้ปกครองเพื่อสร้างความสัมพันธ์และส่งเสริมพัฒนาการแก่เด็ก
  • ช่วง 1-2 ปี ไม่ควรให้เด็กใช้หน้าจอ เพราะช่วงวัยนี้เป็นช่วงวัยที่เด็กควรได้รับการส่งเสริมทักษะด้านภาษาและการสื่อสารผ่านการเล่นร่วมกับผู้ปกครอง ทั้งนี้ในเด็กวัย 2 ปีอาจเริ่มมีการให้ดูหน้าจอได้บ้าง แต่ไม่ควรเกิน 60 นาทีต่อวัน
  • ช่วง 3-4 ปี ไม่ควรใช้เวลาอยู่กับหน้าจอเกิน 60 นาที วัยนี้ควรมีการเล่นที่ซับซ้อน มีเรื่องราว มีกติกาและมีกิจกรรมการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนมากขึ้นผ่านการเล่นที่หลากหลายเพื่อเตรียมความพร้อมทักษะก่อนเข้าวัยเรียน
  • ช่วง 5 ปีขึ้นไป ไม่ควรเกิน 120 นาที ต่อวัน ช่วงวัยนี้เป็นช่วงวัยที่เด็กจะมีความเป็นตัวเองมากขึ้น มีความสนใจที่หลากหลาย เป็นช่วงวัยแห่งการค้นหาความชอบของตนเอง ผู้ปกครองควรเปิดโอกาสให้เด็กทำกิจกรรมที่หลากหลายตามความสนใจของเด็ก
     

 

  • มหาวิทยาลัยมหิดล. ลูก ๆ อยู่กับหน้าจอมากเกินไป พ่อ-แม่ ทำอย่างไรดี ?. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://pt.mahidol.ac.th/ptcenter/knowledge-article/screen_time_in_child/. [4 พฤษภาคม 2568].
  • ปฐมวัยไทยแลนด์. สื่อจอใสอันตรายต่อเด็กปฐมวัยกว่าที่คิด. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://ecd.onec.go.th/knowledge/articles/4002/. [4 พฤษภาคม 2568].
    Amarin baby and kids. หมอเตือน!! ดูทีวีทำร้ายลูกร้ายแรง สร้างพฤติกรรมผิดปกติ. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.amarinbabyandkids.com/pre-school/children-watch-tv/. [4 พฤษภาคม 2568].
  • Thaipbs kids. เปิดทีวีทิ้งไว้ ทำร้ายลูกมากกว่าที่คิด. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.thaipbskids.com/contents/618e0f58f2fa5a27bf50e499. [4 พฤษภาคม 2568].
  • กรมประชาสัมพันธ์. พ่อแม่ควรหลีกเลี่ยงการเลี้ยงลูกด้วยจอทุกชนิด โดยเฉพาะ เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี อาจส่งผลให้พัฒนาการช้า และอาจมีปัญหาสายตาผิดปกติในอนาคต. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.prd.go.th/th/content/category/detail/id/31/iid/225297. [4 พฤษภาคม 2568].
  • มูลนิธิศูนย์นมแม่. ทีวี อันตรายใกล้ลูกน้อย ตอนที่ 1. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://thaibf.com/tv-1/. [4 พฤษภาคม 2568].
* นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก
Enfa Smart Club สนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่าง
เดียวอย่างน้อย 6 เดือนและให้นมแม่ควบคู่อาหารตามวัยอีก 2 ปี หรือนานกว่านั้น ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO)
Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

คุณกำลังเข้าถึงเนื้อหาจากผู้ให้บริการภายนอกเกี่ยวกับการซื้อหรือ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท มี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน (ประเทศไทย) จำกัด​

กรุณากดยืนยันเพื่อดำเนินการต่อ

Line TH
Cart TH Join Enfamama