Enfa สรุปให้

• เตรียมตัวตั้งครรภ์ คือ การดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจให้พร้อมที่สุดก่อนมีลูก เช่น ตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ควบคุมน้ำหนัก และทำความเข้าใจรอบเดือน
  

• วิตามินเตรียมตัวตั้งครรภ์ ได้แก่ กรดโฟลิค เหล็ก ไอโอดีน วิตามินดี และวิตามินรวมสำหรับเตรียมตั้งครรภ์ ช่วยป้องกันภาวะผิดปกติของทารก เสริมสุขภาพแม่ 
  

• การเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์ควรตรวจสุขภาพ ปรับพฤติกรรมเสี่ยง เลือกทานอาหารบำรุงมดลูกก่อนตั้งครรภ์ นับวันไข่ตก และวางแผนการมีลูกร่วมกับคู่ของคุณ เพื่อเพิ่มโอกาสท้อง
  

 

การตั้งครรภ์ไม่ใช่เพียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทันที แต่เป็นกระบวนการที่เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงก่อนตั้งครรภ์ หลายคนเริ่มรู้สึกอยากท้องและตั้งคำถามว่าจะต้องเริ่มดูแลตัวเองอย่างไร เมื่อไรควรตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ อาหารบำรุงมดลูกก่อนตั้งครรภ์มีอะไรบ้าง หรือแม้แต่คนที่มีอายุมากขึ้นอาจสงสัยว่า อายุ 40 มีลูกได้ไหม

ความจริงคือ ร่างกายของผู้หญิงต้องการเวลาในการปรับตัวก่อนตั้งครรภ์ เพื่อให้ไข่มีคุณภาพ สภาพแวดล้อมในมดลูกพร้อมต่อการฝังตัว และฮอร์โมนสมดุลที่สุด การเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์ที่ถูกวิธีจึงช่วยเพิ่มโอกาสท้องของผู้หญิงอย่างมีนัยสำคัญ ลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้การตั้งครรภ์เป็นไปอย่างราบรื่น

บทความนี้ Enfa จะพาคุณไปทีละขั้นตอนอย่างละเอียด ตั้งแต่ความสำคัญของการเตรียมตัว โภชนาการ การนับวันไข่ตก วิตามิน ไปจนถึงคำแนะนำสำหรับคนที่กำลังวางแผนมีลูกในวัย 35+ และ 40 ปีขึ้นไป มาอ่านกันเลยค่ะ

 

เตรียมตัวตั้งครรภ์ สำคัญอย่างไร

การเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์คือการวางรากฐานสุขภาพให้ลูก หากร่างกายมีความพร้อมทั้งฮอร์โมน สุขภาพเลือด ระบบสืบพันธุ์ และโภชนาการ โอกาสท้องของผู้หญิงจะสูงขึ้นอย่างชัดเจน โดยเหตุผลที่ควรเตรียมตัวตั้งครรภ์ล่วงหน้า มีดังนี้

• ลดความเสี่ยงครรภ์เป็นพิษ เบาหวานขณะตั้งครรภ์
  
• ช่วยให้ไข่มีคุณภาพดีขึ้น
  
• เพิ่มโอกาสที่ทารกในครรภ์จะพัฒนาสมบูรณ์
  
• ป้องกันความผิดปกติของทารก เช่น ภาวะหลอดประสาทไม่ปิด
  
• ทำให้คุณแม่มีสุขภาพแข็งแรง ตั้งครรภ์ได้สมบูรณ์มากขึ้น
  

 

การเตรียมก่อนตั้งครรภ์ ควรทำอะไรบ้าง

การเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ สามารถทำได้ดังนี้

1. ตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์แบบครอบคลุม การตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ สามารถค้นหาโรคหรือภาวะแฝงที่อาจมีผลต่อการตั้งครรภ์ เช่น เบาหวาน ไทรอยด์ หรือโรคเลือด โดยการตรวจที่ควรทำ ได้แก่

• ตรวจเลือด เพื่อเช็กระดับน้ำตาล ไทรอยด์ ซีด ธาลัสซีเมีย
• ตรวจการติดเชื้อ เช่น หัดเยอรมัน ไวรัสตับอักเสบ บี
• ตรวจภายใน ตรวจมดลูกและรังไข่
• ทบทวนยาที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
• ประเมินโรคประจำตัว เช่น ความดัน เบาหวาน ไขมันสูง

2. ปรับพฤติกรรมและวิถีชีวิตให้พร้อม การใช้ชีวิตประจำวันมีผลโดยตรงต่อระบบสืบพันธุ์และโอกาสตั้งครรภ์ โดยสิ่งที่ควรทำคือ

• นอนให้เพียงพอ
  
• ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
  
• เลิกบุหรี่และเลี่ยงควันบุหรี่
  
• งดหรือจำกัดแอลกอฮอล์
  
• ลดความเครียด เพราะความเครียดส่งผลต่อไข่ตก
  
• เลี่ยงการทำงานหนักหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ

3. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อการตั้งครรภ์ โดยน้ำหนักตัวสัมพันธ์โดยตรงกับโอกาสตั้งครรภ์ ดังนี้

• น้ำหนักเกิน ทำให้ไข่ตกไม่สม่ำเสมอ ไข่คุณภาพต่ำ
  
• น้ำหนักน้อย ทำให้รอบเดือนขาดหรือมาน้อย

4. ทำความเข้าใจรอบเดือนและนับวันไข่ตก นับเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับคนอยากท้อง โดยวิธีสังเกตวันไข่ตก ได้แก่

• มูกปากมดลูกใส ยืดได้
  
• อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นหลังไข่ตก
  
• ใช้ชุดตรวจไข่ตกแบบปัสสาวะ

นอกจากนี้ การใช้ตำแหน่งหรือท่ามีลูกง่ายและการมีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอในช่วงวันเจริญพันธุ์โดยปราศจากความเครียดจะช่วยเพิ่มโอการตั้งครรภ์ให้มากขึ้นด้วย

 

เตรียมตั้งครรภ์ห้ามกินอะไร

อาหารและเครื่องดื่มบางชนิดควรถูกจำกัดหรือหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาดในช่วงเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์ เพราะอาจส่งผลต่อความสมดุลของฮอร์โมน หรือเป็นอันตรายต่อการพัฒนาของตัวอ่อนในระยะแรก โดยก่อนตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงอาหารหรือสารบางอย่างที่ส่งผลเสียต่อทั้งไข่และสุขภาพมดลูก เช่น

• แอลกอฮอล์
  
• บุหรี่
  
• คาเฟอีนในปริมาณมาก
  
• อาหารดิบ เช่น ซูชิดิบ หอยนางรม เนื้อดิบ
  
• สมุนไพรบางชนิดที่ไม่มีข้อมูลยืนยัน เช่น สมุนไพรเร่งไข่ตกหรือกระตุ้นมดลูก
  
• น้ำตาลสูงหรืออาหารแปรรูป
  

 

เตรียมตั้งครรภ์ควรกินอะไร

การเลือกรับประทานอาหารที่อุดมด้วยสารอาหารสำคัญคือหัวใจหลักของการ เตรียมตัวตั้งครรภ์ โดยเฉพาะอาหารบํารุงมดลูกก่อนตั้งครรภ์และเพิ่มความสมบูรณ์ของไข่และอสุจิ ดังนี้

• กรดโฟลิค ช่วยป้องกันความพิการของสมองและไขสันหลัง พบมากในผักใบเขียวเข้ม ถั่วเปลือกแข็ง ธัญพืชไม่ขัดสี และอะโวคาโด
  
• ธาตุเหล็ก ป้องกันภาวะโลหิตจาง พบในเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ตับ ถั่ว และธัญพืชเสริมธาตุเหล็ก
  
• แคลเซียมและวิตามินดี เพื่อเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรงทั้งแม่และลูก พบในนมและผลิตภัณฑ์จากนม เต้าหู้ และปลาเล็กปลาน้อย
  
• โอเมก้า-3 โดยเฉพาะ DHA และ EPA มีความสำคัญต่อพัฒนาการทางสมองและสายตาของทารก พบในปลาทะเลน้ำลึกขนาดเล็กและเมล็ดแฟลกซ์
  
• โปรตีนไม่ติดมัน ช่วยสร้างเซลล์ใหม่ให้กับร่างกาย พบในถั่ว ไข่ เนื้อไก่ และปลา
  

 

วิตามินเตรียมตัวตั้งครรภ์

แม้จะรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การได้รับวิตามินเตรียมตัวตั้งครรภ์เสริมก็ยังมีความจำเป็น เนื่องจากสารอาหารบางชนิดอาจได้รับไม่เพียงพอจากอาหารเพียงอย่างเดียว โดยการเตรียมตัวตั้งครรภ์ควรกินวิตามินดังนี้โดยควรอยู่ในคำแนะนำแพทย์

• กรดโฟลิค แพทย์และหน่วยงานสาธารณสุขทั่วโลกแนะนำให้เริ่มรับประทาน กรดโฟลิค เสริมขนาด 400 ไมโครกรัมต่อวัน อย่างน้อย 1 เดือนก่อนการตั้งครรภ์และต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาสแรก 
  
• วิตามินรวมสำหรับเตรียมตั้งครรภ์ ควรเลือกวิตามินรวมที่มีการปรับสูตรให้เหมาะสมสำหรับผู้หญิงที่กำลังวางแผนตั้งครรภ์ ซึ่งมักมีปริมาณธาตุเหล็กและไอโอดีนที่เหมาะสม
  
• วิตามินดี โดยเฉพาะในผู้ที่ได้รับแสงแดดน้อย การเสริมวิตามินดีช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและมีความสำคัญต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
  

การเลือกวิตามินเตรียมตัวตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อให้ได้รับปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกายและประวัติสุขภาพนะคะ

 

คำแนะนำในการเตรียมตัวเป็นคุณแม่

การเตรียมตัวก่อนมีลูกต้องมีการเตรียมพร้อมทางด้านอารมณ์และจิตใจควบคู่ไปกับร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคู่รักที่อยากท้องและมีภาวะมีลูกยากซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยหลายอย่างที่การตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์จะช่วยให้ทราบสาเหตุได้ โดยเฉพาะสำหรับคู่รักที่สงสัยว่า อายุ 40 มีลูกได้ไหม แพทย์จะให้คำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับอัตราความสำเร็จและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถวางแผนได้อย่างเหมาะสม การจัดการความเครียดจึงสำคัญมาก โดยคำแนะนำในการเตรียมตัวเป็นคุณแม่มีดังนี้

• เริ่มจากตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์
  
• ดูแลร่างกายอย่างสม่ำเสมอแม้ยังไม่ตั้งครรภ์
  
• สังเกตอาการรอบเดือนและนับวันไข่ตก
  
• มีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอ โดยเฉพาะช่วงไข่สุก
  
• ทานอาหารบำรุงมดลูกก่อนตั้งครรภ์ร่วมกับวิตามิน
  
• ปรึกษาแพทย์หากมีโรคประจำตัว หรือกำลังวางแผนมีลูกในวัย 35 ปีขึ้นไป
  
• สร้างสภาพแวดล้อมที่ดี ลดความเครียด พักผ่อนเพียงพอ
  

 

อนาคตที่ดีที่สุดของลูกน้อย เริ่มต้นด้วยโภชนาการผ่านคุณแม่

สุขภาพและพัฒนาการทารกในครรภ์เริ่มต้นด้วยโภชนาการจากคุณแม่ การที่คุณแม่ได้รับสารอาหารครบถ้วนและเหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างสมอง ร่างกาย และภูมิคุ้มกันของลูกให้แข็งแรง การใส่ใจโภชนาการจึงเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่ดีที่สุดของลูก โดยในแต่ละวัน คุณแม่ควรเลือกอาหารที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งโปรตีน วิตามิน เกลือแร่ และกรดไขมันจำเป็น เช่น DHA คนท้อง โฟเลต  แคลเซียมคนท้อง และโคลีนซึ่งล้วนมีบทบาทต่อการพัฒนาสมองและการเจริญเติบโตของทารก 

ซึ่งนอกจากการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์เป็นประจำในทุกมื้อแล้ว คุณแม่ยังสามารถเสริมด้วยนมบำรุงครรภ์และให้นมบุตร เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ อาจเลือกดื่มนมเอนฟามาม่า เอพลัส วันละ 2 แก้ว เพื่อให้ร่างกายได้รับแคลเซียมและโคลีนตามความต้องการของคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตรในแต่ละวัน (THAI DRI)

โภชนาการที่ดีไม่เพียงช่วยให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่แข็งแรง แต่ยังช่วยปกป้องคุณแม่จากภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เช่น โรคโลหิตจาง ความดันโลหิตสูง หรือเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เมื่อแม่สุขภาพดี ลูกก็จะได้รับการดูแลที่สมบูรณ์ไปพร้อมกัน ดังนั้น ทุกคำที่แม่เลือกกินในวันนี้ คือการวางรากฐานสู่อนาคตที่ดีที่สุดของลูกน้อยอย่างแท้จริง

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

• โอกาสท้องของผู้หญิง ทำอย่างไร
• ท่ามีลูกง่าย เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์
• ตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์
• อาหารบํารุงมดลูกก่อนตั้งครรภ์