นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เอนฟาสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนไปจนถึง 2 ปี หรือนานกว่าตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

คนท้องเดินทางไกลได้ไหม คนท้องนั่งรถสะเทือนอันตรายไหม

Enfa สรุปให้

  • คนท้องเดินทางไกลได้ หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรือข้อห้ามจากแพทย์ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่สองของการตั้งครรภ์ หรือช่วงที่มีอายุครรภ์ประมาณ 13–28 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงที่คุณแม่ส่วนใหญ่ไม่มีอาการแพ้ท้องแล้ว และยังไม่เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดมากนัก
  • คนท้องนั่งรถสะเทือน เช่น ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ หรือรถขับเร็วกระชากแรง อาจทำให้คุณแม่รู้สึกไม่สบายหรือเวียนหัว แต่โดยทั่วไปแล้ว แรงสะเทือนจากรถยนต์ไม่ได้ทำร้ายลูกในครรภ์โดยตรง เพราะทารกอยู่ในถุงน้ำคร่ำซึ่งช่วยรองรับแรงกระแทกไว้
  • คนท้องนั่งรถไฟได้เพราะมีแรงสะเทือนน้อย เดินเปลี่ยนอิริยาบถได้สะดวก และมีห้องน้ำในตัว เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ต้องเดินทางระยะไกล อย่างไรก็ตาม คุณแม่ควรเลือกตู้โดยสารที่สะอาด ไม่แออัด หลีกเลี่ยงการเดินขณะรถไฟเคลื่อนที่เพราะอาจลื่นล้ม 

เลือกอ่านตามหัวข้อ


คุณแม่หลายคนยังคงต้องทำงานประจำหรือเดินทางตลอดเวลาระหว่างการตั้งครรภ์ รวมถึงการเดินทางไกลไปท่องเที่ยวหรือพักผ่อนก่อนที่จะคลอดแล้วต้องดูแลลูกน้อย การเดินทางจึงเป็นเรื่องที่คุณแม่หลายคนอดกังวลใจไม่ได้ว่าจะเสี่ยงต่อความปลอดภัยของลูกในครรภ์ไหม 

ในบทความนี้ Enfa จะมาช่วยไขข้อข้องใจของคุณแม่ท้องกับการเดินทาง เช่น คนท้องเดินทางไกลได้ไหม คนท้องนั่งรถสะเทือนอันตรายไหม คนท้องนั่งรถไฟได้ไหม เพื่อให้คุณแม่วางแผนเดินทางอย่างปลอดภัยทั้งกับตัวเองและลูกน้อยในครรภ์

 

คนท้องเดินทางไกลได้ไหม


คนท้องเดินทางไกลได้ไหมเป็นคำถามยอดฮิตของคุณแม่เลยล่ะค่ะ โดยทั่วไปแล้ว หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรือข้อห้ามจากแพทย์ คนท้องสามารถเดินทางไกลได้ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่สองของการตั้งครรภ์ หรือช่วงที่มีอายุครรภ์ประมาณ 13–28 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงที่คุณแม่ส่วนใหญ่ไม่มีอาการแพ้ท้องแล้ว และยังไม่เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดมากนัก 

อย่างไรก็ตาม ก่อนออกเดินทางคุณแม่ควรพิจารณาความพร้อมของสุขภาพร่างกายตนเอง และปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง โดยเฉพาะหากมีอาการเจ็บท้อง เลือดออก หรือมีประวัติแท้งลูกมาก่อน

 

คนท้องอ่อนนั่งรถนานได้ไหม


คนท้องอ่อนนั่งรถนานได้ไหม คนท้องอ่อนเดินทางไกลได้ไหม เป็นคำถามที่เกิดขึ้นบ่อยเนื่องจากคุณแม่หลายคนอาจแพลนการเดินทางโดยยังไม่รู้ตัวว่าท้อง หรืออาจกำลังอยู่ในช่วงแพ้ท้องจนกังวลว่าจะเกิดอันตราย โดยช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์หรือตั้งครรภ์ประมาณ 1–12 สัปดาห์แรก นั้นเป็นช่วงเวลาที่ตัวอ่อนยังฝังตัวในมดลูกและยังไม่มั่นคง การนั่งรถนานโดยไม่ได้ขยับตัวบ่อย หรือเจอแรงสะเทือนแรง ๆ อาจกระตุ้นให้เกิดอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ หรือในกรณีรุนแรงอาจเสี่ยงต่อการแท้งได้

หากจำเป็นต้องเดินทาง ควรเลือกยานพาหนะที่นั่งสบาย มีโอกาสพักระหว่างทาง และมีผู้ติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด

 

ท้อง 2 เดือน เดินทางไกลได้ไหม


ท้อง 2 เดือน เดินทางไกลได้ไหม ท้อง 2 เดือนอาจต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นช่วงที่ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงมาก แม่หลายคนอาจมีอาการอ่อนเพลีย แพ้ท้อง หรือมีเลือดออก หากต้องเดินทางไกล ควรเลือกวิธีที่สะดวกที่สุด เช่น รถยนต์ส่วนตัว และหลีกเลี่ยงถนนขรุขระหรือคดเคี้ยวมาก

นอกจากนี้ ควรพกถุงใส่อาเจียน น้ำดื่ม ยาดม หรือของว่างเบา ๆ ติดตัวไว้เสมอ เพื่อลดอาการแพ้ท้อง และควรแวะพักระหว่างทางพร้อมทั้งมีผู้ดูแลใกล้ชิด

 

ท้อง 7 เดือน เดินทางไกลได้ไหม


ท้อง 7 เดือน เดินทางไกลได้ไหม ท้อง 7 เดือนเป็นช่วงที่เริ่มเข้าสู่ปลายไตรมาสที่สอง ซึ่งน้ำหนักตัวแม่และลูกเริ่มเพิ่มขึ้น มดลูกเริ่มกดเบียดเส้นเลือด ซึ่งอาจทำให้คุณแม่เหนื่อยง่าย เท้าบวม หรือเป็นตะคริวได้ง่ายขึ้น

หากต้องเดินทางไกลช่วงนี้ ควรลุกเดินทุก 1–2 ชั่วโมง นั่งในท่าที่สบาย หาหมอนหนุนหลัง และคาดเข็มขัดนิรภัยให้ถูกต้องโดยคาดใต้ท้อง หากเดินทางโดยรถยนต์ควรแวะพักระหว่างทาง 

 

ท้อง 8 เดือน เดินทางไกลได้ไหม


ท้อง 8 เดือน เดินทางไกลได้ไหม หากอายุครรภ์เข้าสู่เดือนที่ 8 หรือตั้งครรภ์ประมาณ 32 สัปดาห์ขึ้นไป ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไกล เว้นแต่จำเป็นจริง ๆ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงใกล้คลอดแล้ว ความเสี่ยงต่อการเจ็บครรภ์หรือคลอดก่อนกำหนดจะเพิ่มสูงขึ้น

หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้เตรียมความพร้อมมากกว่าปกติ เช่น พกสมุดฝากครรภ์ เตรียมเบอร์โทรโรงพยาบาลใกล้เส้นทาง และให้มีผู้ดูแลตลอดการเดินทาง 

 

คนท้องนั่งรถ สะเทือน เป็นอันตรายต่อลูกในครรภ์ไหม


คนท้องนั่งรถ สะเทือน เป็นอันตรายต่อลูกในครรภ์ไหม การนั่งรถที่มีแรงสะเทือนหรือการที่ตั้งครรภ์นั่งรถกระแทก เช่น ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ หรือรถขับเร็วกระชากแรง อาจทำให้คุณแม่รู้สึกไม่สบายหรือเวียนหัว แต่โดยทั่วไปแล้ว แรงสะเทือนจากรถยนต์ไม่ได้ทำร้ายลูกในครรภ์โดยตรง เพราะทารกอยู่ในถุงน้ำคร่ำซึ่งช่วยรองรับแรงกระแทกไว้

อย่างไรก็ตาม หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดท้อง หรือมีเลือดออก ควรหยุดเดินทางทันทีและไปพบแพทย์โดยเร็ว

 

คนท้องนั่งรถไฟได้ไหม


คนท้องนั่งรถไฟได้ไหม ในความจริงแล้วรถไฟเป็นพาหนะที่หลายคนมองว่าปลอดภัยกว่ารถยนต์ เพราะมีแรงสะเทือนน้อย เดินเปลี่ยนอิริยาบถได้สะดวก และมีห้องน้ำในตัว เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ต้องเดินทางระยะไกล

อย่างไรก็ตาม คุณแม่ควรเลือกตู้โดยสารที่สะอาด ไม่แออัด หลีกเลี่ยงการเดินขณะรถไฟเคลื่อนที่เพราะอาจลื่นล้ม และพกน้ำ ขนม ยา หรือของใช้จำเป็นไว้ใกล้มือด้วยเสมอ 

 

คนท้องนั่งรถทัวร์ได้ไหม


คนท้องนั่งรถทัวร์ได้ไหม กรณีนี้คนท้องอาจต้องพิจารณาการเดินทางโดยรถทัวร์ให้ดี เพราะโดยทั่วไปจะไม่สามารถลุกเปลี่ยนอิริยาบถได้บ่อย และที่นั่งอาจไม่เอื้อต่อความสบายของคุณแม่ โดยเฉพาะในไตรมาสสุดท้ายที่ท้องโตมาก อีกทั้งตลอดการเดินทางมีแวะพักไม่กี่จุด ยิ่งเป็นการเดินทางระยะไกลยิ่งไม่แนะนำ

แต่หากจำเป็นต้องนั่งรถทัวร์ควรเลือกที่นั่งด้านหน้าใกล้ห้องน้ำ หลีกเลี่ยงรถที่ขับเร็วหรือเบรกแรง และแจ้งพนักงานประจำรถว่ากำลังตั้งครรภ์ เพื่อการดูแลกรณีฉุกเฉิน 

 

คนท้องขึ้นเขาได้ไหม


คนท้องขึ้นเขาได้ หากเส้นทางไม่ชันเกินไป และไม่มีภาวะเสี่ยง เช่น ความดันสูง หรือโลหิตจางรุนแรง อย่างไรก็ตาม การขึ้นพื้นที่สูงมากอาจทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนน้อยลง ส่งผลต่อแม่และลูกได้

ดังนั้น คนท้องขึ้นเขาควรเลือกเดินทางช้า ๆ เปิดกระจกระบายอากาศ และพกของว่างติดตัว หลีกเลี่ยงเส้นทางที่คดเคี้ยวมากหากมีอาการเวียนหัวหรือคลื่นไส้บ่อย 

 

คำแนะนำเมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ต้องเดินทางไกล


การเดินทางไกลในขณะตั้งครรภ์มีความเสี่ยงที่คุณแม่ต้องระวังอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยของทั้งตัวเองและลูกน้อยในครรภ์ หากคุณแม่ท้องจำเป็นต้องเดินทางไกล แนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้

  1. ปรึกษาแพทย์ก่อนเดินทาง เพื่อประเมินความพร้อมของสุขภาพแม่และลูก โดยเฉพาะหากมีภาวะเสี่ยง เช่น ความดันสูง เบาหวานขณะตั้งครรภ์ หรือประวัติคลอดก่อนกำหนด
  2. เตรียมเอกสารสำคัญให้พร้อม เช่น สมุดฝากครรภ์ บัตรประชาชน บัตรประกันสุขภาพ และเบอร์โทรติดต่อโรงพยาบาลปลายทางหรือเส้นทางใกล้เคียง เผื่อกรณีฉุกเฉิน
  3. เลือกวิธีการเดินทางที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด เช่น รถยนต์ส่วนตัวที่สามารถหยุดพักได้ตามต้องการ หรือรถไฟที่มีพื้นที่ขยับตัวสะดวก และหลีกเลี่ยงการเดินทางด้วยรถที่ขับเร็วหรือมีการสั่นสะเทือนสูง
  4. นั่งในท่าที่สบายและปลอดภัย ใช้เข็มขัดนิรภัยคาดใต้หน้าท้อง ใช้หมอนรองหลังหรือหมอนรองคอเพื่อเพิ่มความสบายขณะนั่งเป็นเวลานาน
  5. พักเบรกเป็นระยะ โดยพยายามลุกเดินเหยียดบ้างทุก 1–2 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
  6. ดูแลโภชนาการระหว่างทาง โดยเตรียมอาหารว่างที่มีประโยชน์ เช่น ผลไม้สด ถั่ว นม หรือขนมปังโฮลวีต เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดและลดอาการอ่อนเพลีย และดื่มน้ำบ่อย ๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำซึ่งอาจกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัว
  7. สวมเสื้อผ้าที่สบายและไม่รัดแน่น ระบายอากาศได้ดี รองเท้าแบบสวมง่าย หลีกเลี่ยงการสวมรองเท้าส้นสูงหรือลื่นง่าย
  8. วางแผนเส้นทางและเตรียมตัวเผื่อเหตุฉุกเฉิน โดยเลือกเส้นทางที่มีโรงพยาบาลหรือศูนย์บริการสาธารณสุขตลอดทาง พร้อมเตรียมเบอร์โทรฉุกเฉินของโรงพยาบาลและเครือข่ายการแพทย์ไว้ล่วงหน้า
  9. หลีกเลี่ยงการเดินทางคนเดียว โดยเฉพาะในกรณีที่อายุครรภ์มากกว่า 6 เดือน หรือมีประวัติเสี่ยง ไม่ควรเดินทางลำพัง ควรมีผู้ติดตามที่สามารถช่วยเหลือได้หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
  10. ตั้งสติและฟังสัญญาณจากร่างกายเสมอ หากมีอาการผิดปกติ เช่น เจ็บครรภ์ เลือดออก น้ำเดิน ปวดหัวรุนแรง หรือหมดสติ ให้หยุดการเดินทางทันทีและรีบไปพบแพทย์

การเดินทางไกลในช่วงตั้งครรภ์ต้องอาศัยการวางแผนอย่างรอบคอบ โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของตัวแม่และลูกในครรภ์เป็นอันดับแรกเสมอ ทั้งนี้ การฟังร่างกายตัวเองและปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง จะช่วยให้คุณแม่สามารถเดินทางได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยตลอดการตั้งครรภ์ค่ะ

 

อนาคตที่ดีที่สุดของลูกน้อย เริ่มต้นด้วยโภชนาการผ่านคุณแม่


การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ของชีวิตคุณแม่ นอกจากสัญญาณการมีชีวิตของทารกในครรภ์แล้ว สุขภาพที่ดีและการเจริญเติบโตอย่างมีพัฒนาการสมวัยยังเป็นสิ่งที่คุณแม่ควรให้ความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะระหว่างตั้งครรภ์คุณแม่ควรรักษาสุขภาพให้ดี รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ได้รับโภชนาการครบถ้วน เพื่อส่งต่อสารอาหารที่ดีสู่ลูกน้อย 

นอกจากนี้ ยังสามารถเสริมด้วยนมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ดีเอชเอ โฟเลต โคลีน และแคลเซียม 

 

* นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก
Enfa Smart Club สนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่าง
เดียวอย่างน้อย 6 เดือนและให้นมแม่ควบคู่อาหารตามวัยอีก 2 ปี หรือนานกว่านั้น ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO)
Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

คุณกำลังเข้าถึงเนื้อหาจากผู้ให้บริการภายนอกเกี่ยวกับการซื้อหรือ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท มี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน (ประเทศไทย) จำกัด​

กรุณากดยืนยันเพื่อดำเนินการต่อ

Line TH
Cart TH Join Enfamama