
Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) หรือที่คนไทยเราเรียกกันติดปากว่า ยาพารา หรือ พารา เป็นยาที่ทำหน้าที่ช่วยบรรเทาอาการปวด และลดไข้ ถือเป็นยาสามัญประจำบ้านที่มีกันอยู่ทุกครัวเรือน และโดยมากก็มีความปลอดภัยต่อการใช้งานทั้งในเด็กและในผู้ใหญ่
แต่...สำหรับแม่ตั้งครรภ์ ก็อาจจะเกิดความวิตกกังวลว่า ขณะตั้งครรภ์หากกินยาพารา จะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์หรือเปล่า เพราะแพทย์มักไม่แนะนำให้คนท้องกินยาหรืออาหารเสริมใด ๆ ที่ไม่ได้รับการแนะนำจากแพทย์ เรื่องนี้จะมีที่มาที่ไปและบทสรุปอย่างไร บทความนี้จาก Enfa มีคำตอบค่ะ
แพทย์ถือว่ายาพาราเซตามอลนั้นมีความปลอดภัยต่อการใช้งานในหญิงตั้งครรภ์ แต่...ปริมาณของยาพาราที่ใช้สำหรับคุณแม่ตั้งท้องนั้น จะต้องกินยาพาราเซตามอลตามน้ำหนักตัว โดยจะต้องกินยาพาราเซตามอล 10-15 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หรือตัวอย่างเช่น
อย่างไรก็ตาม ยาพาราเซตามอลนั้น ควรที่จะกินทุก ๆ 4-6 ชั่วโมง แต่ว่าไม่ควรกินยาพาราเซตามอลเกิน 4,000 มิลลิกรัม ต่อวัน หรือไม่ควรเกิน 8 เม็ดต่อวัน
แน่นอนว่าอาการเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นไม่ได้จำเพาะว่าจะเกิดขึ้นกับใครแค่คนใดคนหนึ่ง แต่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศ และทุกวัย ไม่เว้นแม้แต่คนท้องด้วย ดังนั้น เหล่าแม่ ๆ จึงมักจะเป็นกังวลขึ้นมาในเวลาที่รู้สึกไม่สบายและจะต้องกินยาในขณะตั้งครรภ์
เพราะโดยมากแล้วแพทย์มักจะไม่แนะนำให้กินยาหรืออาหารเสริมใด ๆ โดยไม่ผ่านการเห็นชอบจากแพทย์ เนื่องจากขณะตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่จะมีความเสี่ยงต่าง ๆ มากมายรายล้อมอยู่ เช่น เสี่ยงต่อการแท้ง เสี่ยงที่ทารกจะคลอดออกมาไม่สมบูรณ์ เสี่ยงที่จะคลอดก่อนกำหนด เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้การกินยาเองโดยไม่ปรึกษากับแพทย์ก่อน จึงอาจจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในขณะตั้งครรภ์ได้ แม้ว่ายานั้นจะเป็นยาสามัญประจำบ้านอย่างยาพาราเซตามอล ก็สามารถทำให้คุณแม่เกิดความกังวลได้เช่นกัน
ยาพาราเซตามอลนั้น ควรที่จะกินทุก ๆ 4-6 ชั่วโมง แต่ไม่ควรกินยาพาราเซตามอลเกิน 4,000 มิลลิกรัม ต่อวัน หรือไม่ควรเกิน 8 เม็ดต่อวัน เพราะอาจทำให้ร่างกายได้รับปริมาณยาเกินขนาด เสี่ยงเป็นพิษต่อตับได้
คนท้องที่มีอาการปวด เช่น ปวดศีรษะ ปวดท้อง และต้องการที่จะกินยาบรรเทาอาการปวดนั้น ขอแนะนำว่าไม่ควรซื้อยาบรรเทาอาการปวดมากินเองเด็ดขาด เพราะไม่ใช่ยาบรรเทาอาการปวดทุกชนิดจะปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์แบบพาราเซตามอล
โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาบรรเทาอาการปวดจำพวกไอบูโพรเฟน คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงให้ดี เพราะการใช้ยาไอบูโพรเฟนในช่วงไตรมาสสองและไตรมาสสาม ถือว่ามีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ เช่น เสี่ยงต่อการเกิดภาวะปิดก่อนกำหนดของหลอดเลือดดัคตัสอาร์เทอริโอซัสของทารกในครรภ์ (Premature closure of the ductus arteriosus) หรือยกเว้นแพทย์อนุญาตให้ใช้
ดังนั้น หากมีอาการปวด ไม่ว่าจะปวดท้อง ปวดศีรษะ หรือปวดใด ๆ ก็ตาม ไม่ควรซื้อยามากินเอง แต่ควรไปพบแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อให้แพทย์วินิจฉัยและจ่ายยาให้
คนท้องปวดหัว หากเป็นอาการปวดหัวแบบธรรมดา ที่ไม่ใช่ปวดหัวไมเกรน การกินยาพาราเซตามอล ก็ถือว่าเพียงพอที่จะบรรเทาอาการปวดแล้วค่ะ
แต่เนื่องจากระดับความปวดหัวของแต่ละคนนั้นปวดมาก ปวดน้อยไม่เท่ากัน ดังนั้น วิธีที่ปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์ที่สุดคือ หากมีอาการปวดหัว คุณแม่ควรไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยและให้แพทย์หรือเภสัชกรจ่ายยาที่เหมาะสมกับอาการให้ ดีกว่าซื้อยามากินเองค่ะ
อาการปวดหัวไมเกรนนั้น จะมียาแก้ปวดเฉพาะกลุ่มอาการเช่นนี้ เพราะไมเกรนนั้นจะมีระดับการปวดในระดับปวดกลาง ๆ ไปจนถึงปวดมาก อาจจะปวดข้างเดียว หรือปวดสองข้างก็ได้
ซึ่งยาที่ใช้รับมือกับอาการปวดไมเกรนก็มีอยู่หลายตัว ที่คุ้นเคยกันที่สุด เช่น คาเฟอร์กอท (Cafergot = Ergotamine+Caffeine) ยาแก้ปวดชนิดนี้สามารถระงับอาการปวดหัวไมเกรนได้ดี แต่...ยานี้ไม่เหมาะที่จะใช้สำหรับคนตั้งท้อง เพราะหากใช้ยาชนิดนี้ในปริมาณมากเกินไป ตัวยาอาจจะไปขัดขวางการไหลเวียนและลำเลียงเลือดไปสู่ทารก ซึ่งเสี่ยงที่จะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงและความผิดปกติต่อระบบลำไส้ สมอง รวมถึงประสาทไขสันหลังด้วย
ดังนั้น หากมีอาการปวดไมเกรน ควรแจ้งต่อแพทย์ตั้งแต่ตอนที่ไปฝากครรภ์ครั้งแรก หรือถ้าหากมีอาการไมเกรนขึ้นมา และกินยาพาราเซตามอลแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยและจ่ายยาที่เหมาะสมต่อการตั้งครรภ์ให้
อย่างไรก็ตาม นอกจากการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการปวดไมเกรนแล้ว คุณแม่ยังอาจปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิต เพื่อป้องกันไมเกรน ดังนี้
อาการปวดท้องในคนท้องนั้น เรียกได้ว่าสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งอาการท้องผูก โรคกระเพาะอาหาร หรือกรดไหลย้อน เป็นต้น
เมื่อสาเหตุของอาการปวดท้องนั้นต่างกัน ยาสำหรับใช้บรรเทาอาการปวดก็อาจจะแตกต่างกันไป เช่น
แต่ถ้าอาการปวดท้องไม่ดีขึ้นเลย แม้ว่าจะกินยาเคลือบกระเพาะอาหาร หรือยาพาราเซตามอลแล้วก็ตาม ควรไปพบแพทย์ทันที เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยและรับการรักษา
พาราเซตตามอล หรือ อะเซตามีโนเฟน (Acetaminophen) เป็นยาที่มีความปลอดภัยต่อการใช้งานในแม่ตั้งครรภ์ โดยยาพาราเซตามอลภายใต้ชื่อการค้า เช่น ซีมอล (Cemol), พานาดอล (Panadol), พาราแคพ (Paracap), ซาร่า (Sara), ไทลินอล (Tylenol) คุณแม่สามารถหาซื้อและใช้งานตามขนาดยาที่กำหนดเอาไว้ได้เลย
เนื่องจากยาพาราเซตามอลมีอยู่ด้วยกันหลายยี่ห้อ คุณแม่ก็อาจจะเกิดความสับสนว่า ยาพาราเซตามอลยี่ห้อดังอย่างไทลินอลนั้น คนท้องกินยาพาราไทลินอลได้ไหม
ซึ่งยาพาราเซตามอลภายใต้ชื่อการค้าไทลินอลนั้น ถือว่าปลอดภัยสำหรับแม่ตั้งครรภ์ แต่ควรใช้ยาตามขนาดที่กำหนดเอาไว้ในฉลาก หรือตามที่แพทย์และเภสัชกรแนะนำ
นอกเหนือไปจากยาพาราเซตามอลแล้ว คุณแม่หลายคนก็อาจจะข้องใจว่า แล้วอย่างนี้ยาที่มีสรรพคุณช่วยบรรเทาหวัด ลดไข้อย่างยา ทิฟฟี่ คนท้องกินได้ไหม
สำหรับยาทิฟฟี่นั้น มีส่วนผสมของตัวยาพาราเซตามอล ที่ช่วยลดไข้ บรรเทาอาการปวด ซึ่งปลอดภัยต่อแม่ตั้งครรภ์ แต่ก็มีตัวยา Phenylephrine hydrochloride ที่ช่วยลดอาการคัดจมูก ซึ่งตัวยาดังกล่าวนี้ แม้จะไม่มีหลักฐานว่ามีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์และแม่ให้นมบุตร แต่ก็ไม่ได้มีหลักฐานว่าปลอดภัยสำหรับสตรีมีครรภ์และแม่ให้นมบุตรเช่นกัน
ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย คุณแม่ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนที่จะกินยาทิฟฟี่นะคะ
หากคนท้องมีอาการปวดฟัน ก็สามารถกินยาพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวดฟันได้
แต่ถ้าอาการปวดฟันไม่ดีขึ้นเลยแม้จะกินยาพาราเซตามอลแล้วก็ตาม คุณแม่ควรไปพบแพทย์หรือทันตแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรับการรักษา
ส่วนถ้าคุณแม่คนไหนที่ปวดฟัน และอยากจะถอนฟันออก ก็ต้องบอกว่าไม่ง่ายอย่างที่คิดค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการอุดฟัน หรือขูดหินปูน แพทย์จะเลื่อนไปทำในช่วงเวลาที่ปลอดภัยสำหรับการทำฟัน ก็คือช่วงไตรมาสสองและไตรมาสสาม แต่โดยมากแพทย์ก็มักจะแนะนำให้ไปทำฟันหลังจากที่คลอดลูกหากไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์
เวลาที่คนท้องไม่สบาย แพทย์จะไม่แนะนำให้กินยาเองมั่วซั่ว หรือไม่แนะนำให้ซื้อยามากินเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพราะอาจเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายได้
หากไม่สบาย ยาพาราเซตามอลถือว่าเป็นยาพื้นฐานที่ปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หากกินในปริมาณที่เหมาะสม ส่วนยาอื่น ๆ ที่อ้างว่าช่วยในการลดไข้ บรรเทาอาการปวดที่นอกเหนือไปจากพาราเซตามอล ขอแนะนำว่าให้นำไปปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนนะคะ หากแพทย์หรือเภสัชกรวินิจฉัยว่าปลอดภัย คุณแม่จึงค่อยใช้ยานั้น
คนท้องสามารถกินยาพาราเซตามอลได้ค่ะ แต่ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม คือ จะต้องกินยาพาราเซตามอล 10-15 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หรือตัวอย่างเช่น
อย่างไรก็ตาม ยาพาราเซตามอลนั้น ควรที่จะกินทุก ๆ 4-6 ชั่วโมง แต่ว่าไม่ควรกินยาพาราเซตามอลเกิน 4,000 มิลลิกรัม ต่อวัน หรือไม่ควรเกิน 8 เม็ดต่อวัน
ช่วง 3 เดือนแรก แพทย์มักไม่แนะนำให้คุณแม่กินยาใด ๆ เลย เนื่องจากเป็นระยะที่มีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์สูงมาก เพราะเป็นช่วงที่ทารกกำลังจะเริ่มสร้างอวัยวะต่าง ๆ ดังนั้น การกินยาใด ๆ ที่แพทย์หรือเภสัชกรไม่แนะนำ อาจส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้
ส่วนยาพาราเซตามอลนั้น ถือว่าปลอดภัยสำหรับแม่ตั้งครรภ์ค่ะ แต่ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น ไม่ควรเกินกว่าที่ฉลากหรือแพทย์และเภสัชกรกำหนด
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
Enfa สรุปให้ หากคุณแม่ไม่รู้ว่าท้องแล้วกินเหล้า แม้เพียงปริมาณน้อยก็อาจเสี่ยงต่อการแท้ง คลอดก่อ...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ เข็มขัดพยุงครรภ์ เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยรองรับน้ำหนักของหน้าท้องในหญิงตั้งครรภ์ ลดอาการป...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ มีมูกใส ๆ ออกมาขณะตั้งครรภ์อ่อน ๆ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกายตอนต...
อ่านต่อ