Enfa สรุปให้:

  • เลือดกำเดาไหล เป็นอาการทางสุขภาพที่พบได้โดยทั่วไปในเด็กและส่วนมากมักไม่อันตราย เพราะเลือดกำเดาไหลจะหยุดไหลเองภายใน 5 - 10 นาที

  • การปฐมพยาบาลเลือดกำเดาไหลที่ถูกวิธีคือการก้มศีรษะและอียงตัวลูกไปข้างหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลลงคอ ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการสำลักหรืออาเจียนเลือดที่กลืนเข้าไป

  • ไม่ควรให้ลูกนอนหงาย หรือเงยหน้า นั่นคือการปฐมพยาบาลที่ผิด เพราะจะทำให้เลือดไหลย้อนกลับเข้าจมูก เสี่ยงต่อการสำลักและอาเจียน

เลือกอ่านตามหัวข้อ

     • ลูกเลือดกำเดาไหลเกิดจากอะไร
     • วิธีปฐมพยาบาลเลือดกำเดาไหล
     • เลือดกำเดาไหล อันตรายไหม
     • ทำไมลูกเลือดกำเดาไหลตอนกลางคืน

เลือดกำเดาไหล เป็นอาการทางสุขภาพทั่วไปที่เกิดขึ้นได้ทั้งในผู้ใหญ่และในเด็ก แต่มักจะเกิดในเด็กบ่อยกว่าในผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตาม ส่วนมากอาการเลือดกำเดาไหลไม่ถือว่าเป็นภาวะสุขภาพที่รุนแรง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณพ่อคุณแม่จะสามารถละเลยได้นะคะ จำเป็นจะต้องรู้จักวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เพื่อให้สามารถรับมือได้อย่างทันท่วงที

เด็กเลือดกำเดาไหล สาเหตุเลือดกำเดาไหล เกิดจากอะไร


เลือดกำเดาไหล เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น

     • อากาศแห้ง
     • การแคะน้ำมูกบ่อย ๆ
     • การสั่งน้ำมูกแรงเกินไป
     • โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้
     • โรคริดสีดวงจมูก
     • ไซนัสอักเสบ
     • การพ่นยาทางจมูกมากจนเกินไป
     • เกิดอุบัติเหตุรุนแรงที่จมูก เช่น การถูกกระแทกที่จมูก ถูกลูกบอลอัดเข้าที่ใบหน้า
     • มีวัตถุแปลกปลอมอยู่ในจมูก เช่น เด็กนำของเล่นแหย่เข้าไปในจมูกจนทำให้เยื่อบุโพรงจมูกระคายเคือง

หากลูกเลือดกำเดาไหล ปฐมพยาบาล อย่างไร


โดยมากแล้ว เลือดกำเดาไหลจะหยุดไหลเองภายใน 5 - 10 นาที อย่างไรก็ตาม การปฐมพยาบาลเลือดกำเดาไหล ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะถ้าปฐมพยาบาลผิดวิธี อาการเลือดกำเดาไหลอาจแย่ลงได้

ดังนั้น หากพบว่าลูกมีเลือดกำเดาไหล คุณพ่อคุณแม่ควรตั้งสติและเริ่มวิธีปฐมพยาบาลเลือดกำเดาไหล ดังนี้

     • วิธีทำให้เลือดกำเดาหยุดไหลที่ดีที่สุด คือการก้มศีรษะและอียงตัวลูกไปข้างหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลลงคอ ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการสำลักหรืออาเจียนเลือดที่กลืนเข้าไป

     • ไม่ควรให้ลูกนอนหงาย หรือเงยหน้า นั่นคือการปฐมพยาบาลที่ผิด เพราะจะทำให้เลือดไหลย้อนกลับเข้าจมูก เสี่ยงต่อการสำลักและอาเจียน

     • เมื่อเอียงตัวลูกไปด้านหน้าแล้ว ให้บีบที่จมูกลูกเบา ๆ ให้ลูกอ้าปากและให้ลูกหายใจทางปากประมาณ 5-10 นาที หรือจนกว่าเลือดจะหยุดไหล

     • นำน้ำแข็งหรือผ้าชุบน้ำเย็นจัดมาประคบที่จมูก สันจมูก เพื่อช่วยให้เลือดแข็งตัวและหยุดไหลเร็วขึ้น

     • ภายใน 5 - 10 นาที อาการของลูกควรจะดีขึ้น และเลือดควรจะหยุดไหล แต่ถ้าผ่านไป 30 นาทีแล้วเลือดยังไหลไม่หยุด ให้รีบนำตัวลูกส่งโรงพยาบาล ไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด

สมัครเป็นสมาชิก Enfa Smart Club กับชมวันนี้ ลุ้นรับ MacBook Air

เลือดกำเดาไหลในเด็ก อันตรายไหม เมื่อไหร่ที่ต้องไปพบแพทย์


โดยทั่วไปแล้วเลือดกำเดาไหลไม่ใช่อาการทางสุขภาพที่อันตรายจนต้องไปพบแพทย์ค่ะ เพราะเลือดกำเดาสามารถที่จะหยุดไหลและหายเองได้

อย่างไรก็ตาม มีอาการเลือดกำเดาไหลบางประเภทที่ไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้และจำเป็นจะต้องไปพบแพทย์ทันที ได้แก่

     • มีอาการเลือดกำเดาไหลนานถึง 30 นาทีแล้วเลือดยังไม่หยุดไหล

     • มีอาการเลือดกำเดาไหลพร้อมกับอาการหน้ามืด เป็นลม

     • มีอาการเลือดกำเดาไหลพร้อมกับปวดศีรษะ มีไข้ และเริ่มหายใจไม่ออก

     • มีจุดเลือดออกหรือจ้ำเขียวบริเวณอื่นในร่างกาย

     • เด็กเริ่มมีอาการไอ และเริ่มอาเจียนออกมาเป็นเลือด

     • เด็กมีโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับเลือด เช่น โรคเลือดไหลไม่หยุด

     • มีอาการเลือดกำเดาไหลบ่อยจนผิดปกติ

     • เลือดกำเดาไหลในเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี

ทำไมลูกเลือดกำเดาไหลตอนกลางคืนบ่อย ๆ


เลือดกำเดาไหล ไม่ได้เกิดขึ้นแค่เฉพาะในเวลากลางวันเพียงอย่างเดียว เพราะมีเด็ก ๆ อีกหลายคนที่มีเลือดกำเดาไหลตอนกลางคืน ซึ่งพอพูดกันแบบนี้ก็อาจจะทำให้รู้สึกว่า โอ้... อาการเลือดกำเดาไหลตอนกลางคืนนี่คงจะน่ากลัวมาก

แต่จริง ๆ แล้วเลือดกำเดาไหล ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในเวลาไหน ก็ไม่ได้มีสาเหตุที่แตกต่างกันค่ะ

อย่างไรก็ตาม สาเหตุของเลือดกำเดาไหลตอนกลางคืนที่มักจะเกิดขึ้นบ่อย ๆ และเกิดขึ้นเป็นประจำ นั่นก็เพราะส่วนใหญ่แล้วเวลาเข้านอน เราก็มักจะปรับอุณหภูมิของห้องนอนให้เย็นเอาไว้ก่อน เพื่อจะได้นอนหลับสบาย

ทีนี้เมื่อเวลาผ่านไป อุณหภูมิของห้องก็เริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ จนทำให้อากาศภายในห้องนอนแห้ง ทำให้เยื่อบุโพรงจมูกแห้ง ตกสะเก็ด หรือแตก และมีแนวโน้มที่จะมีเลือดไหลออกมาได้ง่ายขึ้น หากมีการพยายามหายใจแรง ๆ หรือมีการแคะจมูก หรือถูในจมูกแรง ๆ



บทความแนะนำสำหรับสุขภาพลูกน้อย