Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
ลูกไม่ค่อยกินข้าว กินข้าวได้น้อย น้ำหนักไม่ขึ้น เบื่ออาหาร มีผื่นขึ้น มีไข้ขึ้น ท้องเสีย ป่วยออด ๆ แอด ๆ ถ้ามีอาการลักษณะคล้าย ๆ นี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีคนฟันธงให้แทนเลยว่าลูกกำลังเป็น โรคซาง หรือตานขโมย หรือบางครั้งก็เรียกซางตานขโมย แต่อาการพวกนี้คือโรคซางจริง ๆ หรือ? โรคซางคืออะไรกันแน่? หรือโรคซางอาจจะไม่มีอยู่จริง? วันนี้ Enfa จะมาไขความลับของจักรวาลโรคซางกันค่ะ
โรคซางคืออะไร โรคซางก็คือโรคที่ไม่มีอยู่จริงในทางการแพทย์แผนปัจจุบันค่ะ แต่จะมีบันทึกอยู่ในแพทย์แผนโบราณ และส่วนใหญ่มักจะเป็นคำบอกกล่าว ความเชื่อที่ส่งต่อกันมาถูกบ้าง ผิดบ้าง พอเห็นว่าเด็กมีอาการต่าง ๆ เช่น ตัวร้อน ไม่สบาย ท้องเสีย เป็นตุ่มตามตัว เป็นตุ่มในปาก ขาดสารอาหาร ตัวผอม ตัวเล็ก ก็มักจะตีความไว้ก่อนว่าเป็นโรคซาง
ซึ่งจริง ๆ แล้วโรคซางที่ว่าก็คือโรคในเด็กนี่แหละค่ะ คำว่าโรคในเด็ก ก็หมายความว่าเป็นสารพัดอาการต่าง ๆ ที่มักจะพบได้บ่อยในเด็ก หรือก็คือกลุ่มอาการที่ทำให้เด็กไม่สบายตัว ซึ่งมีตั้งแต่ตัวร้อน เป็นไข้ ท้องเสีย ถ่ายเป็นมูก เบื่ออาหาร ไม่กินอาหาร
แต่ถ้าจะให้จำกัดความอาการของโรคซางให้แคบลงมาอีกหน่อย โดยอ้างอิงจากกลุ่มอาการที่พบ ก็เป็นไปได้ว่าโรคซางที่คนเฒ่าคนแก่บอกเอาไว้นั้น อาจจะหมายถึงโรคขาดสารอาหารหรือพุงโรก้นปอด อันเนื่องมาจากการขาดสารอาหารหรือการติดเชื้อจากกลุ่มพยาธิที่อยู่ในลำไส้ค่ะ
สาเหตุของโรคซาง หรือโรคในเด็กนั้นค่อนข้างที่จะกว้างมากค่ะ และกว้างเกินกว่าจะสามารถจำเพาะเจาะจงได้แค่เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ถ้าจำแนกสาเหตุของโรคตามกลุ่มอาการหลัก ๆ ของโรคซาง ก็อาจจะจำแนกสาเหตุของโรคซางได้คร่าว ๆ ดังนี้
ลูกมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าเกณฑ์ ตัวผอม ตัวเล็ก อาจมีสาเหตุมาจาก:
ลูกมีตุ่มในปาก บริเวณเหงือก เพดานปาก อาจมีสาเหตุมาจาก:
ลูกเป็นแผลในปาก อาจมีสาเหตุมาจาก:
ลูกมีฝ้าที่ลิ้นและโคนลิ้น อาจมีสาเหตุมาจาก:
แต่ถ้าหากเราอ้างอิงกลุ่มอาการของโรคซาง ว่าเป็นโรคพุงโรก้นปอด ก็ถือว่าจำเพาะได้ยากเช่นกันค่ะ แต่โดยมากแล้วมักพบจากสาเหตุเหล่านี้
โรคซาง หรือโรคพุงโรก้นปอด ก็มักจะพบได้ในเด็กนี่แหละค่ะ แต่ถ้าจะถามว่าเด็กคนไหนที่เสี่ยงเป็นโรคนี้บ้าง คำตอบก็กว้างมากค่ะ เนื่องจากสาเหตุของโรคพุงโรก้นปอดนั้นค่อนข้างหลากหลาย อย่างไรก็ตราม โดยมากแล้วเด็กที่มีแนวโน้มจะเสี่ยงเป็นพุงโรก้นปอดก็คือเด็กในกลุ่มที่:
อาการของโรคซางหรือพุงโรก้นปอด คือกลุ่มอาการของโรคในเด็ก ซึ่งคำว่าโรคในเด็กนั้นกว้างมากค่ะ อาการของโรคนี้จึงหลากหลายและต่างกันไปในเด็กแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็น:
หากคุณพ่อคุณแม่พบเห็นว่าลูกมีอาการผิดปกติ ไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว ร้องไห้โยเยบ่อย เบื่ออาหาร มีไข้ ตัวร้อน ตัวผอมลง หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากคลำที่ท้องแล้วพบว่ามีก้อนในท้อง ควรพาลูกไปพบแพทย์โดยเร็วเพื่อที่แพทย์จะได้ทำการวินิจฉัยเพิ่มเติมว่าเด็กกำลังเป็นโรคขาดสารอาหาร หรือพุงโรก้นปอดหรือไม่
การรักษาโรคซางหรือพุงโรก้นปอดนั้น เรื่องโภชนาการของเด็กถือเป็นเรื่องที่สำคัญและไม่ควรมองข้าม สำหรับเด็กทารกควรจะได้กินนมแม่ต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน หรือถ้าเป็นเด็กที่โตขึ้นมาหน่อยควรให้เด็กได้กินอาหารที่หลากหลาย ครบ 5 หมู่ และยังต้องกินอย่างถูกสุขลักษณะด้วย
มากไปกว่านั้น อีกวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้ลูกสุขภาพดีนั่นก็คือ การหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของลูกค่ะ หากพบว่าลูกมีอาการที่ผิดปกติ เช่น มีไข้ ตัวร้อน มีผื่นตามตัว เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ให้พาลูกไปพบแพทย์ทันทีเพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษา ไม่ว่าลูกจะเป็นโรคซางหรือไม่ การพาลูกไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคอันตรายหรือโรคเรื้อรังที่อาจส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กค่ะ
การป้องกันโรคซางหรือพุงโรก้นปอด อาจสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น
จริง ๆ แล้วโรคซาง ก็คือสารพัดโรคที่สามารถพบได้ในเด็กนั่นเองค่ะ หรือถ้าจะจำกัดวงให้แคบหน่อยก็จะไปคล้ายหรือใกล้เคียงกับพุงโรก้นปอด
ส่วนโรคซางที่ผู้ใหญ่มักจะบอกเราว่าอาการของโรคจะแตกต่างกันไปตามวันเกิด หรือที่เรียกว่าซางเจ้าเรือนนั้น ซึ่งสิ่งนี้ไม่มีผลการรับรองทางการแพทย์นะคะ เป็นเพียงความเชื่อที่ถูกส่งต่อ ๆ กันมาเท่านั้น
ส่วนอาการที่แตกต่างกันไปของโรคซางหรือพุงโรก้นปอดนั้นก็เป็นเพราะว่าสาเหตุของการเกิดโรคพุงโรก้นปอดนั้นกว้างมากค่ะ เมื่อสาเหตุที่เกิดต่างกัน เด็กมีอายุที่ต่างกัน ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทำให้อาการจึงแตกต่างกันไป ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับธาตุเจ้าเรือนของเด็กแม้แต่น้อยค่ะ
จริง ๆ แล้วไม่มียารักษาโรคซางค่ะ ส่วนอาการที่เข้าใจว่าเป็นโรคซางนั้นก็เป็นกลุ่มอาการขาดสารอาหาร หรือพุงโรก้นปอด ดังนั้น กลุ่มอาการที่ขาดสารอาหารเช่นนี้ โดยมากไม่จำเป็นต้องกินยารักษาค่ะ เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่ใส่ใจโภชนาการของลูกง่าย ๆ ดังนี้
หากลูกมีอาการที่คล้ายจะเป็นโรคซางหรือพุงโรก้นปอด ให้พาลูกไปพบแพทย์แผนปัจจุบันเพื่อทำการวินิจฉัยและรับการรักษาก่อนค่ะ
ส่วนวิธีการรักษาตามแพทย์แผนโบราณนั้น ให้ปรึกษากับแพทย์แผนปัจจุบันก่อนว่าสามารถทำการรักษาควบคู่กันไปได้หรือไม่ หากแพทย์อนุญาตก็สามารถทำได้ แต่ถ้าแพทย์เล็งเห็นว่าวิธีรักษาอาจเสี่ยงต่อสุขภาพของเด็กมากกว่าจะเป็นผลดี คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ควรดันทุรังนะคะ
เพราะการรักษาตามสูตรของแพทย์แผนไทยบางอย่างนั้น ถือว่าอันตรายต่อเด็กมาก เช่น การกวาดคอเด็ก ซึ่งส่วนผสมในการกวาดคอบางสูตรอาจมีการใช้สิ่งที่ไม่เหมาะกับเด็ก โดยเฉพาะเด็กทารก เช่น การใช้เหล้าขาว ใช้น้ำผึ้ง ใช้ปัสสาวะ มากวาดคอเด็กสิ่งเหล่านี้ถือว่าอันตรายต่อสุขภาพเด็กมากกว่าจะช่วยรักษาโรคนะคะ
โรคซางในปาก อาจจะหมายถึงเด็กที่เป็นโรคซางหรือพุงโรก้นปอด แล้วมีอาการเป็นตุ่มขึ้นในปาก ลิ้น และลำคอ มีฝาที่ลิ้น หรือมีแผลในปากและลำคอ จึงเรียกว่าซางในปาก
Enfa สรุปให้ ผ้าสาลู คือ ผ้าที่ผลิตด้วยเส้นใยฝ้าย ซึ่งอาจมีทั้งที่ทอด้วยฝ้าย 100% หรือผสมเข้ากับ...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ลูกมีกลิ่นตัวใช้อะไรดี มีหลายทางเลือกสำหรับคุณพ่อคุณแม่ในการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับระงับ...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ พ่อแม่ที่กำลังตัดสินใจจ้างพี่เลี้ยงเด็ก ควรพิจารณาทั้งประสบการณ์ ทัศนคติ และค่าใช้จ...
อ่านต่อ