ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
หลักสูตรมอนเตสซอรี่คืออะไร ดีต่อลูกน้อยจริงไหมนะ

หลักสูตรมอนเตสซอรี่คืออะไร ดีต่อลูกน้อยจริงไหมนะ

 

Enfa สรุปให้:

  • มอนเตสซอรี่ (Montessori) เป็นรูปแบบการเรียนการสอนที่พัฒนาโดย ดร. มาเรีย มอนเตสซอรี่ (Dr. Maria Montessori) แพทย์และนักการศึกษาชาวอิตาลีในช่วงต้นทศวรรษ 1900
  • หลักสูตรการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่จะเน้นการเรียนรู้ที่เน้นให้เด็กได้ทำตามความสนใจของตนเองอย่างเป็นอิสระ เสริมความคิดสร้างสรรค์ และความมีระเบียบวินัยในตนเอง
  • บทบาทของครูในหลักสูตรมอนเตสซอรี่จะเป็นเพียงผู้ชี้แนะ แต่จะไม่ชี้นำ เพราะเน้นเด็กเป็นศูนย์กลาง สามารถเลือกทำกิจกรรมหรือเลือกเรียนรู้ในสิ่งที่สนใจได้อย่างอิสระโดยไม่มีการตีกรอบจากครู

เลือกอ่านตามหัวข้อ

     • มอนเตสซอรี่คืออะไร
     • ทฤษฎีมอนเตสซอรี่เหมาะกับเด็กวัยไหน
     • ข้อดี - ข้อเสีย ของโรงเรียนมอนเตสซอรี่
     • หลักสูตรมอนเตสซอรี่แตกต่างจากหลักสูตรอื่นอย่างไร
     • เลือกของเล่นมอนเตสซอรี่
     • กิจกรรมมอนเตสซอรี่

ปัจจุบันนี้มีรูปแบบการเรียนการสอนมากมายหลายหลักสูตรให้คุณพ่อคุณแม่ได้เลือกสรรตามความเหมาะสมและตามความสามารถในการเข้าถึงทรัพยากร ทั้งโรงเรียน 2 ภาษา โรงเรียน 3 ภาษา โรงเรียนนานาชาติ ไปจนถึงโรงเรียนที่เน้นเสริมทักษะการเรียนรู้อย่างอิสระมากกว่าการเรียนรู้ทางวิชาการ

รวมไปถึงโรงเรียนที่เปิดสอนในหลักสูตรมอนเตสซอรี่ (Montessori) ซึ่งได้รับความนิยมในหลายประเทศ แต่การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่คืออะไร และดีต่อเด็กอย่างไร บทความนี้จาก Enfa จะมาเล่าให้ฟังค่ะ

มอนเตสซอรี่ (Montessori) คืออะไร ทำไมใคร ๆ ก็พูดถึง


คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจกำลังสงสัยว่าโรงเรียนแนวมอนเตสซอรี่ คืออะไร? โรงเรียนลักษณะนี้ก็คือโรงเรียนที่ดำเนินรูปแบบการเรียนการสอนตามหลักสูตรที่เรียกว่า มอนเตสซอรี่ (Montessori) ซึ่งเป็นหลักสูตรการเรียนการสอนที่พัฒนาโดย ดร. มาเรีย มอนเตสซอรี่ (Dr. Maria Montessori) แพทย์และนักการศึกษาชาวอิตาลีในช่วงต้นทศวรรษ 1900

โดยจะเน้นการเรียนรู้ที่ให้เด็กได้ทำตามความสนใจของตนเองอย่างเป็นอิสระ เสริมความคิดสร้างสรรค์ และความมีระเบียบวินัยในตนเอง สื่อการเรียนการสอนและกิจกรรมต่าง ๆ ก็จะถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับวัยของเด็ก ซึ่งช่วยให้เด็กๆ ได้สำรวจและเรียนรู้ตามความสนใจของตนเอง ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้เด็กรู้จักเข้าสังคมและเรียนรู้ที่จะเคารพผู้อื่นด้วย

วิธีการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่นี้ ถือว่าได้รับความนิยมและมีการปฏิบัติต่อเนื่องมาเป็นเวลานานในหลายโรงเรียนทั่วโลก และจากผลการศึกษาพบว่ารูปแบบการเรียนการสอนเช่นนี้ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่มีประสิทธิภาพในการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการเติบโตอย่างมีคุณภาพ

ทฤษฎีมอนเตสซอรี่เริ่มใช้กับเด็กได้ตั้งแต่ช่วงวัยใด


การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่นั้นจะไม่มีการกำหนดช่วงอายุที่ตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับโปรแกรมการเรียนการสอนของโรงเรียนหรือสถาบันนั้น ๆ

อย่างไรก็ตาม โดยมากแล้วมอนเตสซอรี่จะเหมาะสำหรับเด็กที่อายุตั้งแต่ 2 - 2.5 ปี ไปจนถึงเด็กอายุ 6 ปี แต่ก็มีหลายโรงเรียนที่อาจจะเปิดรับหลักสูตรมอนเตสซอรี่ตั้งแต่ในระดับเนิร์สเซอร์รี หรือเริ่มรับเข้าเรียนในหลักสูตรนี้ตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษา หรือชั้นมัธยมศึกษา

มากไปกว่านั้น อย่าลืมว่าเด็กจะพร้อมต่อการเรียนรู้ในรูปแบบและหลักสูตรต่าง ๆ ได้ จำเป็นจะต้องเริ่มต้นจากการได้รับโภชนาการและสารอาหารที่เหมาะสม

เด็กที่กินนมแม่ตั้งแต่แรกคลอด จะมีโอกาสได้รับสารภูมิคุ้มกันสำคัญอย่างแลคโตเฟอร์ริน (Lactoferrin) ซึ่งเป็นโปรตีนในนมแม่ที่มีบทบาทสำคัญในการต่อต้านการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสต่าง ๆ จึงช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อในทารกแรกเกิดได้ดี ทั้งยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันสำหรับทารกให้แข็งแรงมากขึ้นด้วย

ดังนั้น หากคุณแม่อยากให้ลูกเติบโตมาอย่างแข็งแรง และมีโอกาสเข้าถึงการเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่ สมบูรณ์ และสมวัย โดยไม่ถูกปิดกั้นจากปัญหาด้านสุขภาพต่าง ๆ ก็ควรให้ลูกได้กินนมแม่ตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่ในระยะน้ำนมเหลือง

เพราะแลคโตเฟอร์รินที่ดีที่สุด จะอยู่ในช่วงที่นมแม่ยังเป็นน้ำนมเหลือง หรือ Colostrum ซึ่งเป็นช่วงที่นมแม่จะมีระดับแลคโตเฟอร์รินสูงที่สุด ด้วยเหตุนี้ เด็กที่กินนมแม่ตั้งแต่แรกคลอด จึงมีแนวโน้มที่จะแข็งแรงมากกว่า

ข้อดี - ข้อเสียของ Montessori Education โรงเรียนมอนเตสซอรี่ ตอบโจทย์คุณพ่อคุณแม่หรือเปล่า ลองเช็กกัน


รูปแบบการเรียนการสอนมอนเตสซอรี่นั้นอาจจะมีข้อดีที่เหมาะกับเด็กบางคน ขณะเดียวกันก็อาจจะมีข้อเสียที่ไม่เหมาะกับเด็กอีกหลายคน ดังนั้น ก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะตัดสินใจส่งลูกเข้าเรียนในหลักสูตรมอนเตสซอรี่ เรามาดูกันดีกว่าว่า การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่นั้นมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง

ข้อดีของการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่

        • เน้นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง: ปกติโรงเรียนทั่วไปจะเน้นครูเป็นศูนย์กลางมากกว่าที่จะเน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลางแล้วครูเป็นผู้ตาม แต่หลักสูตรมอนเตสซอรี่ส่งเสริมให้เด็กเป็นเจ้าของการเรียนรู้ของตนเองและสำรวจหัวข้อที่พวกเขาสนใจตามจังหวะเวลาของตนเองผ่านสื่อการเรียนการสอนและกิจกรรมที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับช่วงวัย

        • ห้องเรียนที่มีความหลากหลายทางอายุ: ห้องเรียนปกตินั้นเด็กในระดับชั้นเดียวกันจะมีอายุที่ไล่เลี่ยกัน ไม่ห่างกันมาก แต่ห้องเรียนของมอนเตสซอรี่มักจะมีเด็กที่มีอายุและช่วงพัฒนาการต่างกันเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งสามารถเสริมสร้างความรู้สึกของการอยู่ร่วมกันในสังคมที่แตกต่าง โดยในหนึ่งกลุ่มจะมีเด็กอายุตั้งแต่ 3-6 ปี ร่วมเรียนและทำกิจกรรมร่วมกัน เป็นการปูพื้นฐานให้เด็กรู้จักการเข้าสังคม เรียนรู้และยอมรับในความแตกต่าง และรู้จักให้เกียรติผู้อื่น

        • เน้นความเป็นอิสระและความมีวินัยในตนเอง: มอนเตสซอรี่จะไม่มีการบังคับหรือตีกรอบการเรียนรู้แก่เด็ก แต่จะเน้นการพัฒนาความเป็นอิสระ เพื่อให้เด็กได้เปิดกว้างทางการเรียนรู้ ขณะเดียวกันก็ไม่ละทิ้งที่จะส่งเสริมเรื่องความรับผิดชอบ และความมีวินัยในตนเอง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเด็ก ๆ เมื่อเติบโตขึ้นในอนาคต

        • การเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติจริง: ห้องเรียนมอนเตสซอรี่จะใช้ทั้งสื่อและกิจกรรมที่เน้นให้ทั้งผู้เรียนและผู้สอนมีการโต้ตอบกัน แลกเปลี่ยนความเห็นกัน และลงมือปฏิบัติจริงในทุก ๆ กิจกรรม เพื่อส่งเสริมประสาทสัมผัสของเด็กและส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านการสำรวจและการค้นพบ

        • เน้นทักษะชีวิตที่ใช้ได้จริง: มอนเตสซอรี่ไม่เพียงเน้นด้านวิชาการเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมให้เด็กเรียนรู้ทักษะชีวิตที่ใช้ได้จริง เช่น การทำอาหาร การทำความสะอาด และการดูแลตนเอง ซึ่งทักษะเหล่านี้สามารถสร้างความมั่นใจและความรู้สึกเป็นอิสระได้ โดยไม่รู้สึกว่าชีวิตจะต้องถูกจำกัดให้เก่งแค่วิชาการอย่างเดียว

        • เอาใจใส่ได้ทั่วถึง: ห้องเรียนมอนเตสซอรี่นั้นจะไม่ใช่ชั้นเรียนขนาดใหญ่ แต่เป็นชั้นเรียนขนาดเล็ก โดยระดับชั้นปฐมวัยอาจมีเด็กแค่เพียง 20 คน หรือมากสุดเพียง 30 คนต่อหนึ่งห้อง ส่วนเด็กเล็กอาจมีนักเรียนแค่เพียง 10-15 คน เพื่อให้ครูสามารถเข้าถึงเด็ก ๆ ได้ง่ายขึ้น เด็กทุกคนจะได้รับการดูแลเอาใจใส่ และการสนับสนุนอย่างเต็มที่

น้ำนมเหลือง

ข้อเสียของการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่

        • ไม่เน้นวิชาการเป็นหลัก: แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วเด็กยังไม่จำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนทางด้านวิชาการที่เกินกว่าวัย แต่...ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายครอบครัวอยากให้ลูกเด่นเรื่องวิชาการมาก่อน ซึ่งหลักสูตรมอนเตสซอรี่อาจจะมีสัดส่วนรายวิชาดังกล่าวที่น้อย จึงอาจจะไม่ถูกใจผู้ปกครองที่ต้องการจะเตรียมพร้อมให้ลูกก้าวเข้าสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการ ทั้งที่ลูกอาจจะเต็มใจเอง หรือเป็นความต้องการของผู้ปกครองก็ตาม

        • ไม่เน้นการเรียนการสอนแบบชี้นำ: ครูโดยทั่วไปมักจะมีการชี้นำทั้งกระบวนการคิด วิธีการปฏิบัติ และผลลัพธ์ให้เด็กเห็นทั้งหมด แต่ครูมอนเตสซอรี่มักทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกและคอยให้คำชี้แนะมากกว่าการจะให้คำแนะนำโดยตรง ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ไม่ใช่เด็กทุกคนที่เหมาะกับรูปแบบการเรียนการสอนเช่นนี้ เด็กบางคนจำเหมาะสำหรับการเรียนรู้ที่ต้องมีคนชี้นำก่อน แต่เด็กบางคนขอแค่เพียงได้รับคำชี้แนะก็เพียงพอแล้ว

        • การวัดผลทางการเรียนการสอนค่อนข้างจำกัด: กล่าวคือหลักสูตรของมอนเตสซอรี่มักจะไม่เน้นการสอบเพื่อวัดผลประสิทธิภาพทางการเรียนรู้ ซึ่งในบางมุมอาจเป็นข้อดี เพราะเด็กจะได้ไม่เครียดหรือกดดัน แต่ในขณะเดียวกันก็อาจเป็นเรื่องยากที่จะเปรียบเทียบพัฒนาการของเด็กว่าพร้อมสำหรับการทดสอบจากระบบการศึกษาในแบบดั้งเดิมหรือไม่

        • ราคาแพง: หลักสูตรมอนเตสซอรี่นั้นแม้จะมีการเปิดใช้งานอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน แต่ก็ยังถือว่ามีน้อยมากเมื่อเทียบกับการเรียนการสอนรูปแบบอื่น ๆ จึงมักจะพ่วงมาด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง ทั้งค่าใช้จ่ายสำหรับหลักสูตร และค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

การสอนแบบมอนเตสซอรี่ เป็นอย่างไร หลักสูตรมอนเตสซอรี่ ต่างจากหลักสูตรอื่นยังไงบ้าง


การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่นั้น ถ้าจะพูดกันง่าย ๆ ก็คือ โลกหมนุรอบตัวเด็ก เด็กคือศูนย์กลาง และครูเป็นเพียงผู้ชี้แนะ ไม่ชี้นำ เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้มีอิสระทางการเรียนรู้ และสามารถเลือกทำตามสิ่งที่สนใจได้

เนื่องจากดร. มอนเตสซอรี่เชื่อว่าเด็ก ๆ จะเรียนรู้ได้ดีขึ้น เมื่อเด็ก ๆ สามารถเลือกสิ่งที่จะเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง จึงกลายมาเป็นเอกลักษณ์ของการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่ที่ไม่เหมือนใคร ดังนี้

          • สื่อการเรียนการสอน รูปแบบหรือฐานกิจกรรมต่าง ๆ มีความหลากหลาย และเด็กสามารถเลือกเล่นได้เองตลอดทั้งวัน

          • ครูจะไม่มายืนอยู่หน้าห้องเรียน แต่จะเน้นย้ายจากนักเรียนกลุ่มหนึ่งไปยังอีกกลุ่มหนึ่งแทน เพื่อให้สามารถเข้าถึงนักเรียนได้ทุกคนอย่างใกล้ชิด

          • ไม่เน้นระบบการประเมินศักยภาพด้วยการสอบหรือการให้เกรด

          • ส่งเสริมให้เด็กเติบโตอย่างบูรณาการ ไม่เน้นวิชาการเพียงอย่างเดียว แต่เน้นให้เด็กเติบโตควบคู่ไปกับพัฒนาการทางสังคม อารมณ์ สติปัญญา และร่างกาย

ของเล่นมอนเตสซอรี่ เป็นแบบไหน เลือกยังไงดี


ของเล่นมอนเตสซอรี่นั้น จะเน้นเป็นกลุ่มของเล่นเพื่อการศึกษาที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับวัยของเด็ก เพื่อช่วยให้เด็กได้พัฒนาทักษะที่สำคัญ เช่น สมาธิ ความเป็นอิสระ การแก้ปัญหาผ่านการเล่นและการสำรวจ

ตัวอย่างของของเล่นมอนเตสซอรี่ได้แก่:

          • บล็อกไม้หรือของเล่นที่ต้องนำมาเรียงซ้อนกัน
          • ของเล่นแบบที่ต้องคัดแยกหรือจำแนกออกตามประเภท เช่น แสตกแอนด์ซอร์ทบอร์ด
          • ตัวต่อปริศนา หรือของเล่นจำพวกที่ต้องนำมาเรียงลำดับรูปร่าง
          • ของเล่นเสริมประสาทสัมผัส เช่น ทราย น้ำ และแป้งโดว์
          • ของเล่นเสริมทักษะศิลปะ เช่น สี ดินสอสี และปากกามาร์คเกอร์
          • ของเล่นเสริมทักษะการแต่งกาย ฝึกให้เด็กได้รู้จักหัดผูกโบว์ ติดกระดุม รูดซิปเสื้อผ้า
          • ของเล่นหรือสื่อกิจกรรมการสำรวจธรรมชาติ เช่น เครื่องดูแมลง แว่นขยาย และคู่มือสำรวจภาคสนามสำหรับเด็ก
          • เครื่องดนตรี เช่น กลอง เชกเกอร์ และไซโลโฟน
          • อุปกรณ์ครัวสำหรับเด็ก เช่น มีด ตะหลิว และเขียง
          • เกมกระดานหรือเกมไพ่เพื่อส่งเสรริมทักษะการคิดในเชิงกลยุทธ์ การรู้จักวางแผน

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากจะเสริมให้ลูกมีทักษะการเรียนรู้แบบมอนเตสซอรี่ ยังมีของเล่นและวัสดุประเภทอื่นๆ อีกมากมายที่ใช้ในห้องเรียนมอนเตสซอรี่

สิ่งสำคัญคือคุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตว่าไม่ใช่ของเล่นทุกชิ้นที่เป็นของเล่นของมอนเตสซอรี่ และวัสดุของมอนเตสซอรี่ได้รับการคัดเลือกและออกแบบอย่างระมัดระวังเพื่อส่งเสริมทักษะพัฒนาการและวัตถุประสงค์การเรียนรู้ที่เฉพาะเจาะจง

และเพื่อให้ลูกได้มีการฝึกฝนทักษะอย่างเต็มที่ เวลาที่จะเลือกซื้อของเล่นมอนเตสซอรี่ให้ลูก จึงควรเลือกอย่างพิถีพิถัน ดังนี้

          • มองหาของเล่นปลายเปิดที่ช่วยให้เด็กได้เล่นและสำรวจอย่างสร้างสรรค์ โดยไม่ถูกจำกัดการเรียนรู้และการเล่น

          • หากเป็นไปได้ควรเลือกของเล่นที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ โลหะ และผ้า หลีกเลี่ยงของเล่นพลาสติกที่อาจมีสีสันสดใสหรือมีเสียงรบกวนหรือมีไฟกระพริบ

          • พิจารณาอายุและระยะพัฒนาการของลูกด้วยว่าอยู่ในช่วงวัยใด เหมาะกับของเล่นแบบไหน เพราะของเล่นมอนเตสซอรี่จะได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งเสริมทักษะเฉพาะด้าน และอาจกำหนดช่วงอายุที่เฉพาะเจาะจงเอาไว้ ดังนั้น หากซื้อของเล่นผิดช่วงอายุ ก็อาจจะไม่ได้ช่วยส่งเสริมทักษะให้ลูกอย่างที่ควรจะเป็น

          • คำนึงถึงคุณภาพและความทนทานของของเล่น ของเล่นมอนเตสซอรี่มักได้รับการออกแบบมาให้มีอายุการใช้งานหลายปีและยังสามารถส่งต่อไปยังเด็กคนอื่น ๆ ได้ในภายหลังอีกด้วย

          • มองหาของเล่นที่สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายและกระตุ้นให้เด็กใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ได้ใช้ทักษะควบคู่กันหลาย ๆ ด้าน

กิจกรรมมอนเตสซอรี่ ที่คุณพ่อคุณแม่เริ่มได้ที่บ้าน


การเรียนรู้แบบมอนเตสซอรี่นั้น ไม่จำเป็นต้องเริ่มที่โรงเรียนเสมอไป เพราะคุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มฝึกลูกน้อยได้ตั้งแต่ที่บ้าน ผ่านกิจกรรมมอนเตสซอรี่ง่าย ๆ ดังนี้

          • ทักษะชีวิตที่ใช้ได้จริง: ส่งเสริมทักษะชีวิตง่าย ๆ ให้เด็ก ๆ ผ่านการช่วยเหลืองานบ้านประจำวัน เช่น ทำอาหาร ทำความสะอาดบ้าน ล้างจาน รดน้ำต้นไม้ ดูแลสวน หรือแม้แต่กิจกรรมง่าย ๆ อย่างการสอนให้เด็กอาบน้ำด้วยตัวเอง หรือใส่เสื้อผ้าเอง

          • ทักษะด้านประสาทสัมผัส: เปิดโอกาสให้ลูกได้สำรวจพื้นผิว สี และกลิ่นต่างๆ ผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การช่วยกันแยกขยะ การเล่นน้ำ หรือแม้แต่การเดินชมธรรมชาติในบ้าน หรือในละแวกที่อยู่อาศัย

          • ทักษะด้านการเคลื่อนไหว: จัดหาวัสดุต่างๆ เช่น การร้อยลูกปัดหรือร้อยกระดุม เพื่อช่วยให้ลูกได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหวที่ดี ควบคู่ไปกับการประสานงานระหว่างมือและตา

          • ทักษะด้านภาษา: การอ่านหนังสือให้ลูกฟังเป็นประจำและจัดหาสื่อต่าง ๆ เช่น หนังสือ การ์ดจับคู่ภาพ-คำ และตัวอักษรที่ขยับได้ ก็สามารถช่วยพัฒนาทักษะทางภาษาของลูกได้เป็นอย่างดี

          • ทักษะด้านคณิตศาสตร์: จัดหาอุปกรณ์ต่างๆ เช่น การนับลูกปัด การใช้ลูกคิด แท่งตัวเลข และรูปทรงเรขาคณิต เพื่อช่วยให้ลูกได้ฝึกนเรียนรู้แนวคิดทางคณิตศาสตร์ผ่านกิจกรรมง่าย ๆ

          • ทักษะศิลปะและความคิดสร้างสรรค์: จัดเตรียมวัสดุต่างๆ เช่น สี ปากกามาร์คเกอร์ และดินน้ำมัน เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการแสดงออกทางศิลปะของลูก และยังได้ใช้เวลาร่วมกันด้วย

กิจกรรมมอนเตสซอรี่นั้น คุณพ่อคุณแม่สามารถพลิกแพลงและเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับลูก หรือกิจกรรมที่สามารถทำพร้อมกันได้ในครอบครัว ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่สมบูรณ์และสมวัยให้กับเด็กได้เป็นอย่างดี



บทความแนะนำสำหรับพัฒนาการลูกน้อย

บทความที่แนะนำ

ทักษะ EF ทักษะสมองที่ต้องฝึกฝน
Resilience Skill สอนลูกให้รู้จักยืดหยุ่น ล้มเป็น ลุกไว
EFB banner
Mobile efb banner
EFB banner

Leaving page banner

 

Leaving page banner