Enfa สรุปให้
เด็กทารกอายุ 8 เดือน สามารถรับประทานอาหารเสริมตามวัยเด็กทารกได้ ซึ่งให้ควบคู่ไปกับการให้นมตามปกติ โดยเฉลี่ยการให้นมอยู่ที่ 4 – 6 ครั้ง/วัน และให้อาหารเสริมตามวัย 1 – 2 มื้อ/วัน
ในช่วงอายุ 8 เดือน คุณแม่สามารถปรับเปลี่ยนการปรุงอาหารให้มีลักษณะเนื้อสัมผัสเป็นเนื้อหยาบได้ เพื่อให้ลูกน้อยได้ลองฝึกเคี้ยวอาหาร จากที่ก่อนหน้า ให้อาหารที่มีเนื้อสัมผัสออกไปทางเหลว หรือข้น
ถึงแม้ในช่วงอายุนี้ จะเป็นช่วงที่เริ่มให้อาหารตามวัยเด็กทารก แต่ยังคงให้นมแม่ตามปกติเหมือนช่วงเวลาก่อนหน้านี้ รวมทั้งให้ตามความต้องการของลูกน้อย
เลือกอ่านตามหัวข้อ
อย่างที่คุณแม่ทราบกันดีว่า เมื่อลูกน้อยเข้าสู่อายุ 6 เดือน ก็จะเริ่มสามารถรับประทานอาหารเสริมตามวัยเด็กทารก (Solid Foods) ได้ การแนะนำอาหารชนิดใหม่ ๆ ให้กับลูกน้อยได้ลองลิ้มรสและสัมผัสอาหารนั้น ๆ จึงเป็นเรื่องใหม่สำหรับลูกน้อย และเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับคุณแม่ที่ต้องเลือกสรรอาหารเช่นกัน
รูปแบบและชนิดของอาหารเสริมตามวัยเด็กทารก จะปรับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามช่วงวัย เมื่อลูกน้อยเข้าสู่อายุ 8 เดือน การกินอาหารเสริมตามวัยควรมีความหลากหลาย ทั้งในแง่ของโภชนาการและประเภทของอาหาร
ในช่วงอายุ 8 เดือน ลูกน้อยจะสามารถรับประทานอาหารเสริมตามวัยเด็กทารกได้หลากหลายกว่าเดิมมากขึ้น คุณแม่จึงสามารถเลือกอาหารสำหรับเด็ก 8 เดือน ให้มีความหลากหลายจากเดิมได้ โดยเด็กทารกในช่วงอายุนี้ จะต้องการพลังงานประมาณ 750 – 900 กิโลแคลอรี/วัน ซึ่งแบ่งเป็นพลังงานจากการกินนมแม่ประมาณ 400 – 500 กิโลแคลอรี/วัน และพลังงานที่เหลือจะได้จากการกินอาหารเสริมตามวัยเด็กทารก
ในช่วงอายุ 8 เดือน ลูกน้อยสามารถรับประทานอาหารได้หลากหลายชนิด เช่น เนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ ธัญพืชชนิดต่าง ๆ ผลิตภัณฑ์จากนมอย่าง ชีส หรือโยเกิร์ต ไข่แดง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังสามารถเริ่มรับประทานอาหารที่มีเนื้อสัมผัสในลักษณะหยาบได้ เพื่อฝึกทักษะการเคี้ยว หลังจากที่ช่วงก่อนหน้าเน้นอาหารที่มีเนื้อสัมผัสออกไปทางค่อนข้างเหลว
สำหรับการให้อาหารเสริมตามวัยเด็กทารก ควรเป็นอาหารที่เตรียมเองในครอบครัวและสามารถหาวัตถุดิบได้ในพื้นที่ หรือท้องถิ่นนั้น ๆ เพื่อให้ได้อาหารที่สดใหม่ มีคุณค่าทางโภชนาการที่เพียงพอ ประเภทอาหารที่สามารถรับประทานได้ มีดังนี้
• ไข่: สามารถรับประทานได้ทั้งไข่ไก่และไข่เป็ด แต่ควรทำให้สุก ไม่ควรเป็นยางมะตูม หรือไข่ลวก สำหรับเด็กทารกวัย 8 เดือนขึ้นไป สามารถเริ่มรับประทานไข่ขาวได้แล้ว
• ตับ: รับประทานได้ทั้งตับไก่และตับหมู เน้นปรุงอาหารที่สุกก่อนให้ลูกน้อย
• เนื้อสัตว์ต่าง ๆ: สามารรับประทานเนื้อสัตว์ชนิดต่าง ๆ ได้ เช่น เนื้อไก่ เนื้อหมู ปลา เป็นต้น เนื้อสัตว์ที่ให้ลูกน้อยรับประทาน ต้องผ่านการปรุงแบบสุกทั้งหมด ไม่ควรปรุงแบบสุก ๆ ดิบ ๆ
• ถั่วและธัญพืช: หากให้เด็กทารกรับประทานถั่ว หรือธัญพืช ควรต้มให้สุกและบดให้ละเอียด เพื่อย่อยง่ายและไม่ทำให้ท้องอืด นอกจากนี้ยังสามารถให้ลูกน้อยรับประทานผลิตภัณฑ์แปรรูปจากถั่วได้เช่นกัน เช่น เต้าหู้ เป็นต้น
• ผักต่าง ๆ: เลือกผักที่หาได้ง่ายตามท้องที่ หรือตลาด เน้นผักหลากหลายชนิด โดยเฉพาะผักใบเขียวและผักสีส้ม เช่น ผักบุ้ง ตำลึง ฟักทอง แครอท ผักโขม เป็นต้น เน้นปรุงให้สุก
• ผลไม้: นอกจากผักแล้ว ควรให้ลูกน้อยได้กินผลไม้ร่วมด้วย โดยสามารถเป็นอาหารว่างวันละครั้ง ผลไม้แนะนำ เช่น มะละกอสุก มะม่วงสุก ส้มเขียวหวาน กล้วยน้ำว้า เป็นต้น
คุณแม่อาจจะสงสัยว่าเด็ก 8 เดือนกินข้าวกี่มื้อ ถึงแม้ว่าลูกน้อยจะเริ่มเปลี่ยนไปกินอาหารเสริมตามวัยเด็กทารก (Solids Foods) แล้ว แต่ปริมาณการให้นมกับลูกน้อยยังคงเป็นตามเดิมและตามความต้องการของลูกน้อย โดยเด็กทารกในช่วงอายุ 8 เดือน ต้องการกินนมประมาณ 24 – 36 ออนซ์/วัน หรือประมาณ 4 – 6 ครั้ง/วัน
สำหรับปริมาณอาหารเสริมตามวัยเด็กทารกในช่วงอายุ 8 เดือนนี้ ลูกน้อยจะต้องการอาหารในปริมาณ 4 – 6 ช้อนโต๊ะ/มื้อ ซึ่งควรให้อาหารเสริมตามวัยเด็กทารกประมาณวันละ 1 – 2 มื้อ ควบคู่ไปกับการให้นมแม่ตามปกติ
เพื่อให้ลูกน้อยได้รับพลังงานที่เพียงพอจากอาหารเสริมตามวัยเด็กทารก ปริมาณมื้อที่เด็กทารกวัย 8 เดือน ต้องการ จะอยู่ที่ 1 – 2 มื้อ/วัน และอาหารที่ได้รับควรมีความเข้มข้นของพลังงานประมาณ 0.92 กิโลแคลอรี/กรัม ในกรณีที่ให้อาหารเสริมตามวัยเด็กทารกวันละมื้อ แต่หากให้อาหารเสริมตามวัยเด็กทารกวันละ 2 มื้อ ประมาณความเข้มข้นของพลังงานจากอาหารที่ต้องได้รับ จะอยู่ที่ 0.46 กิโลแคลอรี/กรัม
เราสามารถคำนวณปริมาณพลังงานที่ลูกน้อยต้องจากอาหารเสริมเพิ่มเติมตามวัยเด็กทารกได้ ด้วยการคำนวณจากความจุของกระเพาะอาหารของเด็กทารก ซึ่งโดยปกติแล้ว กระเพาะอาหารของทารกจะมีความจุอย่างน้อย 30 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กก. สามารถคำนวณและดูผลค่าเฉลี่ยความจุของกระเพาะอาหารได้ ดังนี้
น้ำหนักเด็กทารก x 30 = ความจุของกระเพาะอาหาร (กรัม)
อายุ (เดือน) |
น้ำหนักเฉลี่ยของทารก (กก.) |
ความจุของกระเพาะอาหาร (กรัม) |
พลังงานที่ต้องการจากอาหาร (กิโลแคลอรี/วัน) |
6 – 8 |
7.9 |
237 |
219 |
9 – 11 |
8.8 |
264 |
323 |
12 – 17 |
9.8 |
294 |
451 |
18 – 23 |
11.1 |
333 |
556 |
เมื่อได้ปริมาณความจุของกระเพาะอาหารลูกน้อยแล้ว เรายังสามารถหาค่าพลังงานที่ลูกน้อยต้องการในแต่ละวันได้อีกด้วย โดยสามารถหาได้ ดังนี้
ผลความจุของกระเพาะอาหาร x ความเข้มข้นของพลังงานอาหารตามช่วงอายุ = พลังงานที่ต้องการจากอาหาร (กิโลแคลอรี)
สำหรับความเข้มข้นของพลังงานอาหารจะมีความแตกต่างกันไปตามช่วงอายุของเด็กทารก และยังขึ้นอยู่กับจำนวนมื้ออาหารที่ให้กับลูกน้อยอีกด้วย โดยสามารถดูได้ตามตารางด้างล่าง
จำนวนมื้อ/วัน |
ความเข้มข้นของพลังงาน (กิโลแคลอรี/กรัม) ตามอายุของเด็ก |
|||
6 – 8 เดิอน |
9 – 11 เดือน |
12 – 17 เดือน |
18 – 23 เดือน |
|
1 |
0.92 |
- |
- |
- |
2 |
0.46 |
0.61 |
0.77 |
0.83 |
3 |
- |
0.41 |
0.51 |
0.56 |
ทั้งนี้ อาจจะดูเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก หากคุณแม่จะต้องคำนวณประมาณอาหารที่พอดีกับความจุของกระเพาะของเด็กทารก อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงความเข้มข้นของพลังงานที่เด็กทารกต้องการ แต่การประมาณการค่าเหล่านี้ จะช่วยให้ลูกน้อยได้รับอาหารที่เพียงพอกับความต้องการในแต่ละช่วงวัย
การให้อาหารเด็กทารกวัย 8 เดือน ยังคงเน้นการให้นมแม่เป็นหลัก โดยจะให้นมประมาณ 4 – 6 ครั้ง/วัน หรือตามความต้องการของลูกน้อย ประกอบกับการเสริมด้วยอาหารเสริมตามวัยเด็กทารก 1 – 2 มื้อต่อวัน โดยคุณแม่สามารถแบ่งช่วงเวลาให้นมและอาหารในแต่ละวันได้ดังตารางตัวอย่าง
มื้ออาหาร |
ประเภทอาหารที่ให้ |
มื้อเช้า |
- นมแม่ - ข้าวบดหรือข้าวโอ๊ตตุ๋นผสมกับไข่บด |
มื้อเสริม หรือมื้อเบรค |
- นมแม่ - มันต้มญี่ปุ่นหั่นลูกเต๋าหรือบด หรือซุปผักตุ๋น |
มื้อเที่ยง |
- นมแม่ - ข้าวบดหรือข้าวตุ๋นผสมกับเนื้อสัตว์ หรือถั่ว และผัก |
มื้อเสริม หรือมื้อเบรค |
- น้ำเปล่า - ผลไม้บด หรือหั่นเต๋า |
มื้อเย็น |
- นมแม่ - ข้าวบดหรือข้าวตุ๋นผสมกับเนื้อสัตว์ หรือถั่ว และผัก - ผลไม้บด หรือหั่นเต๋า |
ก่อนนอน |
- นมแม่ หรือน้ำเปล่า |
ตามตารางข้างต้น คุณแม่สามารถปรับเปลี่ยนการให้นมและอาหารเสริมตามวัยเด็กทารก (Solids Foods) ตามความเหมาะสม และความต้องการของลูกน้อยได้ เช่น อาจจะไม่ให้อาหารเสริมตามวัยในช่วงมื้อเช้า แต่ให้ในมื้ออื่น ๆ แทน รวมถึงการให้นมลูก ยังขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกน้อยอีกด้วยเช่นกัน
การป้อนอาหารเสริมตามวัยเด็กทารกให้กับลูกน้อยในบ้างครั้ง อาจจะดูเป็นเรื่องที่ลูกน้อยไม่ค่อยชอบ บางครั้งถึงกับคายออกมา ทำให้คุณแม่คิดว่าอาหารที่ทำให้กินอาจจะไม่อร่อย แต่ในความเป็นจริงแล้ว การปรับเปลี่ยนอาหารจากนมแม่สู่อาหารตามวัยเด็กทารก ยังคงเป็นเรื่องใหม่สำหรับลูกน้อย ทั้งสัมผัสและรสชาติของอาหารที่ยังไม่คุ้นเคย
เพื่อสร้างความหลากหลายทั้งในแง่ของรสชาติ ความแปลกใหม่ และโภชนาการที่ลูกน้อยวัย 8 เดือนควรได้รับ คุณแม่ควรคัดสรรเมนูอาหารเด็ก 8 เดือน ให้มีความหลากหลาย มีโภชนาการตามที่ลูกน้อยในวัยนี้ต้องการ ซึ่งยังช่วยให้ลูกน้อยมีน้ำหนักตามเกณฑ์ จนไม่ต้องกังวลว่าจะหาเมนูเพิ่มน้ำหนักลูก 8 เดือนแบบไหนดี โดยสามารถใช้หลักการในการในการปรุงอาหารตามวัยเด็กทารกอายุ 8 เดือนได้ ดังนี้
• ใช้ข้าวสวย 4 ช้อนโต๊ะ หรือประมาณ 2 ช้อนพูน ต้มกับน้ำซุปหรือน้ำแกงจืดประมาณครึ่งถ้วย
• สามารถใช้ข้าวตุ๋นข้นปลานกลางแทนข้าวสวยได้ โดยใช้ประมาณ 4 ช้อนโต๊ะ ต้มกับน้ำแกงจืดหรือน้ำซุป 8 ช้อนโต๊ะ
• หากใช้ปลายข้าว ให้ใช้ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ต้มกับน้ำซุปหรือน้ำแกงจืดประมาณ 10 เท่า
• ใส่ผักใบเขียวหรือเหลืองที่อ่อนนุ่ม กินไม่แรง ประมาณ 1 – 2 ช้อนโต๊ะ
• เติมโปรตีนและสารอาหารอื่น ๆ ที่อ่อนนุ่ม บดได้ง่าย เช่น ไข่แดง ตับไก่ เต้าหู้อ่อน เป็นต้น
• เหยาะน้ำมันพืชประมาณครึ่งช้อนชาหลังปรุงอาหารเสร็จ เพื่อช่วยในการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมันและเพิ่มความเข้มข้นของพลังงานในอาหาร
ข้าวบดไข่แดง – ตำลึง
ส่วนประกอบ:
- ข้าวสวยหรือข้าวตุ๋น 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำซุปหรือน้ำแกงจืด 10 ช้อนโต๊ะ
- ไข่แดง ½ ฟอง
- ตำลึง 1 ½ ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช ½ ช้อนชา
วิธีทำ: นำข้าวสวยหรือข้าวตุ๋นต้มกับน้ำซุป สามารถเติมหรือลดน้ำซุปลงได้หากเหลวหรือข้นเกินไป คนให้เข้ากัน หลังจากนั้นใส่ไข่แดง บี้ให้เข้าเนื้อ และใส่ตำลึงบดลงไป คนให้เข้ากัน เมื่อทุกอย่างสุกและเข้าที่แล้ว ตักใส่ชาม เหยาะน้ำมันพืชปิดท้าย
ข้าวบดตับไก่ เต้าหู้ และผักหวาน
ส่วนประกอบ:
- ข้าวสวยหรือข้าวตุ๋น 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำซุป 10 ช้อนโต๊ะ
- ตับไก่ ¼ ช้อนโต๊ะ
- เต้าหู้หลอดไข่ไก่ 2 ช้อนโต๊ะ
- ผักหวาน 1 ½ ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช ½ ช้อนชา
วิธีทำ: ต้มน้ำซุปให้เดือด ใส่ข้าวลงไป คนให้เข้ากัน จากนั้นนำตับไก่ที่ลวกสุกแล้ว บดให้หยาบ ใส่ลงไปต้มกับข้าว และตามด้วยเต้าหู้หลลอดไข่ไก่ บดให้เข้ากับส่วนผสมอื่น ๆ ในหม้อ จากนั้นตามด้วยผักหวานต้มสุกบด คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ตักขึ้นพัก เหยาะน้ำมันพืชตบท้าย
ข้าวบดปลาทูและฟักทอง
ส่วนประกอบ:
- ข้าวสวยหรือข้าวตุ๋น 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำซุป 10 ช้อนโต๊ะ
- เนื้อปลาทูนึ่งทอด 1 ½ ช้อนโต๊ะ
- ฟักทอง 1 ½ ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช ½ ช้อนชา
วิธีทำ: ตั้งน้ำซุปให้เดือด นำข้าวลงไปต้มให้เข้าที่ หลังจากนั้นใส่เนื้อปลาทูนึ่งทอดที่ยีเนื้อให้ละเอียดแล้ว ใส่ลงไปต้ม คนให้เข้ากัน และใส่เนื้อฟักทองนึ่งที่บี้แล้ว ผสมกับส่วนผสมอื่น ๆ ในหม้อ คนให้เข้ากัน เมื่อเข้าที่แล้ว ตักใส่ชาม ก่อนเหยาะน้ำมันพืชปิดท้าย
ข้าวตุ๋นแครอท ไก่ และมันหวาน
ส่วนประกอบ:
- ข้าวตุ๋น 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำซุป 8 – 10 ช้อนโต๊ะ
- อกไก่ต้ม 1 ½ ช้อนโต๊ะ
- แครอท 1 ½ ช้อนโต๊ะ
- มันหวาน 1 ½ ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช ½ ช้อนชา
วิธีทำ: นำข้าวตุ๋นข้นปลานกลางต้มกับน้ำซุป สามารถลดหรือเพิ่มน้ำซุปได้ตามความต้องการ จากนนั้นใส่อกไก่ต้มสุกที่ยีเป็นเส้นเล็ก ๆ แล้วลงไป ตามด้วยแครอทสุกบดและมันหวานสุกบด ตุ๋นให้เข้ากัน และเหยาะน้ำมันพืชปิดท้าย
โยเกิร์ต กล้วยบด และโอ๊ตมีล
ส่วนประกอบ:
- โอ๊ตมีลสุก 4 ช้อนโต๊ะ
- โยเกิร์ต 4 ช้อนโต๊ะ หรือครึ่งถ้วย
- กล้วยน้ำว้าสุก 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ: ปรุงโอ๊ตมีลให้สุก ก่อนจะตักผสมกับโยเกิร์ต และกล้วยน้ำว้าสุกบด ผสมให้เข้ากัน
สำหรับเด็กทารกวัย 8 เดือน สามารถรับประทานผักได้หลายชนิด เพื่อให้ลูกน้อยได้สัมผัสรสชาติที่หลากหลายของผักชนิดต่าง ๆ โดยเน้นที่ผักใบเขียวและผักสีส้ม เช่น ตำลึง ผักบุ้ง ฟักทอง แครอท มันหวาน มันฝรั่ง ผักโขม อโวคาโด ถั่ว เป็นต้น ควรล้างผักให้สะอาด และทำให้สุกก่อนให้ลูกน้อยรับประทาน
ผลไม้สำหรับเด็ก 8 เดือน ควรเลือกผลไม้ที่มีลักษณะที่นิ่ม เคี้ยวได้ง่าย หรือสามารถบดหรือบี้ได้ เพื่อสะดวกเวลารับประทาน ผลไม้ที่ควรรับประทาน เช่น กล้วย บลูเบอร์รี่ กีวี ส้ม แอปเปิ้ล มะม่วงสุก สตอเบอร์รี่ สับปะรด มะละกอสุก เมล่อน เป็นต้น ควรล้างให้สะอาด หั่นผลไม้ให้เป็นชิ้นเล็ก บด หรือบี้ ก่อนให้ลูกน้อยรับประทาน
Enfa สรุปให้ โจ๊กเด็ก เป็นอาหารเสริมยอดนิยมสำหรับทารก เพราะเนื้อเนียนนุ่ม กลืนง่าย ย่อยง่าย สามา...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ผลไม้เด็ก 6 เดือน ควรเริ่มจากผลไม้ที่เนื้อนิ่ม ย่อยง่าย และมีโอกาสแพ้ต่ำ เช่น กล้วย...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ เด็กกินข้าวกี่เดือนกันนะ? เด็กควรเริ่มกินอาหารตามวัยเมื่ออายุ 6 เดือนขึ้นไป เพื่อให...
อ่านต่อ