นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เอนฟาสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนไปจนถึง 2 ปี หรือนานกว่าตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

ลูก 3 ขวบยังไม่เลิกขวดทำไงดี แนะวิธีเลิกขวดนมที่แม่ต้องรู้

Enfa สรุปให้

  • ลูก 3 ขวบยังไม่เลิกขวด ผลกระทบต่อสุขภาพ และพฤติกรรมของลูกมากกว่าที่คิด ทั้งทำให้เกิดโรคฟันผุจากขวดนม ปัญหาการยื่นของฟันที่ยื่นออกไปแบบผิดปกติ ส่งผลต่อการพูด และความมั่นใจ
  • ลูกควรเลิกขวดตอนกี่ขวบ มักกลายเป็นปัญหาคาใจคุณแม่ โดยคำแนะนำทางการแพทย์ระบุว่า ควรฝึกให้ลูกใช้แก้วแทนการใช้ขวดนมก่อนอายุ 18 เดือน (ขวบครึ่ง) แต่ไม่แนะนำให้เกิน 3 ขวบ เพราะเด็กจะมีพฤติกรรมติดขวดจนเลิกยาก
  • ลูก 5 ขวบยังไม่เลิกขวด อาจถือเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นผลต่อสุขภาพช่องปาก ทักษะการกิน และพัฒนาการทางสังคมของเด็ก ฟันผุและการเรียงตัวของฟันผิดปกติ การพูดไม่ชัด พฤติกรรมติดขวด และการปรับตัวกับสภาพสังคมใหม่ๆ 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

เมื่อถึงเวลาที่ลูกน้อยต้องบ๊ายบายขวดนม การหาวิธีเลิกขวดนมให้กับลูก มักกลายเป็นเรื่องหนักใจที่คุณแม่หลายบ้านกำลังเจออยู่ “ลูก 3 ขวบยังไม่เลิกขวด” “ลูกควรเลิกขวดตอนกี่ขวบ” หรือแม้แต่ “ลูก 5 ขวบยังไม่เลิกขวด”  ล้วนเป็นคำถามที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนรู้สึกหนักใจ แต่อย่าเพิ่งกังวลไปนะคะ เพราะจริง ๆ แล้วนี่เป็นเรื่องธรรมดาที่พบได้บ่อยในบ้านที่มีเด็กเล็ก

ใช่ค่ะ ขวดนมมักเป็นของที่เด็กหลายคนรักและผูกพัน ตั้งแต่ใช้ปลอบใจยามง่วงนอน ไปจนถึงทำให้การกินนมกลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับทั้งคุณแม่และลูก แต่ในขณะเดียวกัน หากปล่อยให้ติดขวดไปจนถึง 3 ขวบ หรือแม้แต่ 5 ขวบ อาจเริ่มมีผลกระทบที่เราไม่ทันคิด ทั้งสุขภาพช่องปาก พฤติกรรมการกิน และพัฒนาการพูด

ไม่ต้องห่วงค่ะ การเลิกขวดไม่ได้ยากหรือดราม่าเสมอไป ขึ้นอยู่กับวิธีการและจังหวะเวลาที่เหมาะสม แต่ละบ้านอาจมีสูตรสำเร็จที่แตกต่างกัน บทความนี้ จะมาช่วยคุณแม่คลายทุกความกังวลใจเกี่ยวกับการติดขวดนมของลูกน้อย พร้อมทั้งแนะนำเทคนิคเลิกขวดง่ายๆ รวมถึงวิธีจัดการเมื่อเลิกขวดแล้วน้ำหนักลูกลด หรือเลือกโภชนาการที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้ลูกเติบโตสมวัย

 

ลูกควรเลิกขวดตอนกี่ขวบ

บ้างก็ว่าให้เลิกขวดก่อนอายุ 1 ขวบ บ้างว่า 2 ขวบ หรือ 3 ขวบก็ยังไม่สาย สรุปแล้วลูกควรเลิกขวดตอนกี่ขวบถึงจะดีเมื่อการกินที่ดีส่งผลต่อการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ ของลูก

ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา แนะนำให้ควรฝึกให้ลูกใช้แก้วแทนการใช้ขวดนมก่อนอายุ 18 เดือน (ขวบครึ่ง) เนื่องจากพบว่าการดูดนมจากขวดนมหลังอายุ 18 เดือน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ‘สุขภาพในช่องปาก’ ตามมาโดยเฉพาะเรื่อง ‘ฟันผุ’ บางสถาบันอาจอนุโลมให้ได้ถึง 2 ขวบครึ่ง แต่ไม่แนะนำให้เกิน 3 ขวบ เพราะเด็กจะมีพฤติกรรมติดขวดจนเลิกยาก และส่งผลเสียระยะยาว 

โดยผลการศึกษาพบว่า หากไม่เลิกขวดนมหลังอายุ 2 ปีนั้น อาจจะส่งผลให้เกิดโรคซีดจากการขาดธาตุเหล็ก (Iron Deficiency Anemia) อีกด้วย เนื่องจาก เด็กที่มีอายุ 1 ขวบขึ้นไป ควรรับประทานอาหารมื้อหลัก 3 มื้อซึ่งประกอบด้วย สารอาหารหลักอย่างโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน รวมถึงสารอาหารรองอย่างวิตามินและแร่ธาตุ โดยมี ‘นม’ เป็นอาหารที่เสริมจากอาหารมื้อหลัก โดยเฉพาะนมแม่ที่มีประโยชน์ในแง่ของสารอาหารที่ดีต่อร่างกาย ภูมิคุ้มกันและสมอง

เด็กที่ไม่ยอมเลิกขวดนมนั้นมักมีแนวโน้มจะดื่มนมในปริมาณที่มากต่อวันจนกระทบต่อการรับประทานอาหารมื้อหลัก เป็นเหตุให้ได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ และปลูกฝังพฤติกรรมการกินที่ไม่ดีให้แก่เด็กอีกด้วย เราจึงพบทั้งเด็กไม่เลิกขวดนมที่มีน้ำหนักส่วนสูงตกเกณฑ์ และเกินเกณฑ์จนเป็น ‘โรคอ้วน’ ได้

เด็กในวัย 1-2 ปี เป็นช่วงที่มีพัฒนาการด้านการเคี้ยวและดูดที่พร้อมจะใช้แก้วหรือหลอดได้แล้ว หากช้าเกินไป เด็กอาจเกิดพฤติกรรมติดขวด เช่น ติดขวดเวลานอน ต้องถือขวดเข้าเตียง ทำให้เสี่ยงฟันผุจากนมที่ตกค้าง หรือดื่มนมมากจนไม่สนใจอาหารหลัก อีกทั้งยังเป็นวัยที่เด็กกำลังฝึกทักษะการใช้มือและการควบคุมกล้ามเนื้อเล็ก การได้จับแก้วหรือหลอดจะช่วยฝึกทักษะเหล่านี้ได้เช่นกัน

แน่นอนว่า เด็กแต่ละคนมีจังหวะพัฒนาการไม่เท่ากัน บางคนอาจเลิกขวดได้ง่ายในวัย 1 ขวบครึ่ง บางคนอาจต้องใช้เวลาถึง 2 ขวบกว่า หรือแม้กระทั่ง 3 ขวบ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพแวดล้อมในบ้าน การสนับสนุนจากผู้ใหญ่ หรือการได้เห็นพี่ๆ หรือเพื่อนๆ ดื่มนมจากแก้ว ก็มีส่วนกระตุ้นให้เด็กอยากทำตาม

อย่างไรก็ตาม คุณแม่ควรเริ่มถอนขวด ได้ตั้งแต่ลูกอายุประมาณ 1 ขวบ หรืออย่างช้าควรเลิกก่อน 2 ขวบ เพื่อพัฒนานิสัยการกินที่ดี แต่ถ้าลูกยังเลิกขวดไม่สำเร็จภายในช่วงเวลาดังกล่าว อาจต้องใช้เทคนิคอื่น ๆ หรือความพยายามเพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันผลเสียระยะยาว

 

ลูก 3 ขวบยังไม่เลิกขวด ได้ไหม

หลายบ้านอาจตกอยู่ในสถานการณ์ ลูก 3 ขวบยังไม่เลิกขวด แถมลูกติดขวดเวลานอนอีกด้วย เรื่องนี้ยิ่งกลายเป็นความกังวลมากขึ้นเมื่อคนรอบข้างเริ่มทักเรื่องสุขอนามัยในช่องปาก รวมทั้งนิสัยติดขวดไปจนโต ถ้าอย่างนั้น ลูก 3 ขวบยังไม่เลิกขวด ได้ไหม และจะจัดการอย่างไรให้ลูกเลิกขวดนมดี 
การติดขวดนมของเด็กจนถึงอายุ 3 ขวบ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และพฤติกรรมของลูกมากกว่าที่คิด ดังนี้ 

ผลกระทบต่อสุขภาพฟัน

  • การดื่มนมจากขวดโดยเฉพาะก่อนนอน ทำให้นมตกค้างในปากนานกว่าการใช้แก้ว หากไม่มีการแปรงฟันหรือบ้วนปากอย่างเหมาะสม อาจส่งผลให้เกิดโรคฟันผุจากขวดนม (Baby Bottle Tooth Decay: BBTD) ส่วนใหญ่เกิดกับเด็กอายุระห่าง 1-2 ปีที่ ไม่ยอมเลิกขวดนมตอนกลางคืน
  • นอกจากนี้ การดูดขวดเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เด็กกัดฟันในรูปแบบที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากทำให้เกิดการยื่นตัวของขากรรไกร เมื่อฟันขึ้นจะประสบกับปัญหาการยื่นของฟันที่ยื่นออกไปแบบผิดปกติ มักจะมีปัญหาเรื่องของความสวยงามและการพูดไม่ชัด เสียบุคลิกและความมั่นใจ

พฤติกรรมการกินและโภชนาการ

  • การดูดนมจากขวด ทำให้เด็กไม่ต้องออกแรงดูด จึงเป็นเรื่องง่ายและสบายสำหรับเด็ก ทำให้อาจมีปัญหากล้ามเนื้อไม่แข็งแรง และเด็กจะไม่พยายามออกแรงในการดูดหลอด หรือการต้องเคี้ยวอาหารจนติดเป็นนิสัย จนการดูดนมจากขวดกลายเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการตอบสนองต่อความหิว 
  • เด็กที่ติดขวดบางคนจะดื่มนมเป็นปริมาณมากจนไม่อยากกินข้าวหรืออาหารหลัก ทำให้สารอาหารที่ได้รับไม่หลากหลาย อาจขาดวิตามิน และเกลือแร่บางชนิดที่ต้องได้รับจากอาหาร
  • ปัญหาท้องผูก เกิดจากเด็กดูดนมจากขวดปริมาณมาก เลยไม่ได้รับอาหารจำพวกที่มีกากใย

ทักษะและพัฒนาการ

  • การที่ยังใช้ขวดอยู่ ทำให้เด็กไม่ได้ฝึกทักษะการใช้แก้วหรือหลอด ส่งผลต่อพัฒนาการด้านการเคี้ยว การกลืน และอาจปรับตัวได้ยากเมื่อต้องไปโรงเรียน
  • เด็กที่ถือขวดนมติดตัวทำให้ขาดการทำกิจกรรมที่ใช้มือ และมือ 2 ข้างประสานกันน้อยลง ทำให้กล้ามเนื้อไม่ได้พัฒนาเท่าที่ควร
  • เด็กที่ดูดขวดนมบ่อยๆ จะมีปัญหาการใช้ภาษา เพราะขาดการสื่อสาร ที่สำคัญ เด็กจะยึดติดขวดนมเป็นสิ่งปลอบโยน หรือช่วยลดความหงุดหงิดคับข้องใจ แทนการใช้การพูดหรือการแสดงอารมณ์

 

ลูก 5 ขวบยังไม่เลิกขวด ได้ไหม

หากลูก 5 ขวบแล้วยังต้องดูดขวดนม เรียกได้ว่าเกินวัยที่ควรเลิกมานานแล้ว (เพราะทั่วไปควรเลิกก่อน 2-3 ขวบ) ในกรณีนี้อาจถือเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นผลต่อสุขภาพช่องปาก ทักษะการกิน และพัฒนาการทางสังคมของเด็ก

ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหากลูก 5 ขวบยังไม่เลิกขวด

  1. ฟันผุและการเรียงตัวของฟันผิดปกติ: ยิ่งเด็กอายุมาก การดูดขวดต่อไปนาน ๆ เสี่ยงที่ฟันจะยื่น หรือมีปัญหาการกัดฟันผิดปกติ
  2. การพูดไม่ชัด: การใช้ขวดนานอาจส่งผลกระทบต่อการวางลิ้น การออกเสียง และการพัฒนาทักษะการพูด ซึ่งส่งผลต่อการสื่อสารและความมั่นใจของเด็ก
  3. พฤติกรรมติดขวด: ลูกอาจรู้สึกว่าขวดเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางอารมณ์ ทำให้เลิกได้ยาก อาจร้องไห้งอแงรุนแรงถ้าไม่มีขวด
  4. การปรับตัวกับสภาพสังคม: เมื่อเข้าสู่วัยอนุบาล เด็กคนอื่นอาจเลิกขวดกันหมดแล้ว ลูกเราอาจรู้สึกแปลกแยกหรืออายได้

แนวทางแก้ไขเมื่ออายุ 5 ขวบ

  • ปรึกษานักพฤติกรรมบำบัดหรือนักจิตวิทยาเด็ก: หากลูกมีปัญหาทางอารมณ์หรือกังวลมาก แนะนำให้ขอคำปรึกษาเพื่อหาวิธีเลิกขวดที่เหมาะสม
  • เพิ่มความเข้าใจว่าตัวเองโตแล้ว: เน้นการชื่นชมเมื่อเด็กทำกิจกรรมที่บ่งบอกความเป็นเด็กโต เช่น กินข้าวเอง, แต่งตัวเอง, เข้าห้องน้ำเอง ฯลฯ เพื่อให้เขาภูมิใจ ไม่อยากกลับไปใช้ขวดที่ถูกมองว่า “เป็นเบบี๋”
  • อาจต้องเลิกขวดแบบหักดิบ: ในวัยนี้ บางครั้งการค่อยเป็นค่อยไปอาจใช้เวลาและไม่เห็นผลเพราะเด็กติดแน่นมาก ถ้าเลือกหักดิบ คุณพ่อคุณแม่ต้องเตรียมรับมือกับการร้องไห้งอแง แต่ควรให้เวลา 2-3 วัน แล้วเด็กมักจะปรับตัวได้

ปรึกษาทันตแพทย์

หากลูกมีปัญหาฟันที่เริ่มผุหรือกัดฟันผิดปกติ ควรพาไปพบทันตแพทย์สำหรับเด็ก (Pedodontist) เพื่อประเมินสภาพฟัน และรับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพในช่องปาก บางครั้งอาจต้องมีการปรับโครงสร้างฟัน หรือเรียนรู้วิธีป้องกันการเคี้ยวข้างเดียว 

ลูก 5 ขวบยังไม่เลิกขวด ถือว่าล่าช้ามาก ควรรีบแก้ไขก่อนจะเข้าสู่วัยเรียน เพราะนอกจากปัญหาฟันแล้ว ยังเสี่ยงต่อความมั่นใจและพฤติกรรมติดขวดที่ยากจะแก้ในอนาคต

 

วิธีเลิกขวดนม

วิธีเลิกขวดนม เป็นเรื่องสำคัญที่คุณแม่หลายคนอยากรู้ว่า มีวิธีให้ลูกเลิกขวดนมอย่างไรให้ได้ผล โดยเฉพาะ วิธีเลิกขวดมื้อดึก ซึ่งเป็นมื้อที่ลูกมักติดขวดมากที่สุดเพราะช่วยให้หลับง่าย ลองมาดูเทคนิคที่ใช้กันบ่อย และสามารถปรับให้เหมาะกับลูกได้กันค่ะ

ค่อยเป็นค่อยไป

  1. ลดจำนวนมื้อขวด: ค่อย ๆ ลดมื้อที่ไม่สำคัญ เช่น มื้อกลางวัน หรือมื้อดึกหลังเที่ยงคืน หรืองดการดื่มนมหลังจากที่แปรงฟันแล้ว หรือจากที่เคยให้ขวด 4-5 มื้อต่อวัน อาจลดเหลือ 2-3 มื้อ โดยลดปริมาณนมและให้เวลาต่อมื้อสั้นลง และเปลี่ยนเป็นแก้วหรือหลอดแทนในบางมื้อ
  2. เปลี่ยนเวลาดื่ม: หากลูกติดขวดเวลานอน ลองเปลี่ยนให้ดื่มนมจากแก้วสักครึ่งชั่วโมงก่อนนอน และอาจให้จิบน้ำจากแก้วเมื่อก่อนเข้านอนแทนการดูดขวด
  3. เตรียมตัวเลิกขวดนม: มีการบอกลูกเพื่อให้เตรียมพร้อมสำหรับเลิกขวดนม
  4. ให้ลูกเลือกแก้วเอง: พาไปเลือกแก้วสวย ๆ สีสันสดใส หรือลายการ์ตูนที่ชื่นชอบ ลูกจะสนุกกับการลองดื่มจากแก้วของตัวเอง

วิธีเลิกขวดมื้อดึก

  • ถ้าเคยให้ลูกดูดนมตอน 2-3 ทุ่มบนเตียง แล้วหลับคาขวด ลองปรับมาดื่มก่อนเวลาเข้านอน เช่น 1 ชั่วโมงก่อนนอน แล้วค่อยพาลูกไปแปรงฟันและเล่านิทาน แทนการใช้ขวดเป็นตัวช่วยหลับ
  • อาจให้จิบน้ำเล็กน้อยจากแก้วถ้าลูกกระหายกลางดึก แต่หลีกเลี่ยงนมเพื่อไม่ให้ลูกติดขวดไปตลอดคืน

วิธีสร้างแรงจูงใจ

  • ชมเชยเมื่อใช้แก้วได้: ทุกครั้งที่ลูกยอมดื่มนมหรือดื่มน้ำจากแก้วแทนขวด ให้คำชม เช่น “เก่งมากเลย หนูโตขึ้นแล้วนะ” ทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจ
  • เล่าเรื่อง “เจ้าขวดบินหนี”: บางบ้านใช้เทคนิคเล่าเรื่องว่าขวดนมเป็นของเด็กเล็กมาก ๆ แล้วตอนนี้ลูกโตแล้ว ขวดนมจึงจะ “บินไปหาเด็กคนอื่น” ลูกจะได้ช่วยลาหรือบริจาคขวด มีความรู้สึกว่าเขาเป็นเด็กโตกว่า หรือดึงดูดความสนใจของเด็กให้ห่างขวดนม ด้วยงานศิลปะ หรือ งานปั้น และเก็บขวดนมไม่ไห้เห็น
  • รางวัลเล็กๆ: ตั้งเป้าเช่น “ถ้าวันนี้ดื่มจากแก้วได้ทั้งวัน ไม่มีขวดเลย แม่จะให้สติกเกอร์ดาวนะ” สะสมดาวครบ 5 วันอาจมีรางวัลพิเศษ แต่ไม่ควรให้เป็นของหวานมากเกินไป
  • ในกรณีลูกติดขวดหนักมาก สิ่งสำคัญสำหรับคุณแม่ ก็คือ ต้องใจแข็ง เมื่อลูกถึงวัยที่ควรเลิ

ขวดนม อาจต้อง “เลิกขวดหักดิบ” หรือปรึกษานักพฤติกรรมบำบัดเด็ก หากลูกมีปัญหาด้านอารมณ์ ร้องไห้โวยวายรุนแรงเมื่อลองค่อย ๆ ลดก็ยังไม่ได้ผล

จะเห็นได้ว่า วิธีให้ลูกเลิกขวดมีหลายแนวทาง แต่หัวใจคือ ความสม่ำเสมอ ความอดทน และการไม่ให้ลูกกลับไปใช้ขวดเมื่อร้องไห้งอแง คุณแม่ต้องยืนหยัดตามข้อตกลงเสมอ เพื่อให้ลูกปรับตัวได้อย่างต่อเนื่อง และเลิกขวดนมได้ในที่สุด

 

เลิกขวดหักดิบ ดีไหม

การเลือกใช้วิธี เลิกขวดหักดิบ หรือ การหยุดใช้ขวดทันทีในวันใดวันหนึ่งของคุณพ่อคุณแม่ อาจเป็นเพราะลูกอายุเยอะแล้ว (เช่น 4-5 ขวบ) หรือต้องการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว  

ข้อดีของเลิกขวดหักดิบ

  • ตัดปัญหาแบบตรงจุด: ถ้าลูกเอาแต่เรียกร้องขวดตลอดเวลา การเก็บขวดให้หมดอาจทำให้เด็กไม่มีโอกาสใช้ จนต้องปรับตัวเองให้เข้ากับสภาพแวดล้อม หรือพฤติกรรมใหม่ๆ ในที่สุด
  • มักใช้ได้ผลกับเด็กโต: ในช่วงวัยที่เด็กเริ่มเข้าใจคำอธิบายได้ว่า “หนูโตแล้ว ไม่มีขวดในบ้านแล้วนะ” เด็กบางคนจะร้องไห้อยู่ในช่วงแรก แล้วจึงค่อยๆ ปรับตัว

ข้อเสียของเลิกขวดหักดิบ

  • อาจสร้างความเครียดให้แก่ลูกสูง: เด็กบางคนติดขวดมาก ใช้ขวดเป็นเครื่องปลอบใจ อาจร้องไห้หนักหรือปฏิเสธอาหารไปหลายวัน
  • ต้องเตรียมการล่วงหน้า: พ่อแม่ต้องเตรียมตัว และใจให้พร้อมที่จะไม่ทำตามเมื่อเห็นลูกร้องไห้ อีกทั้ง ควรดูช่วงเวลาที่เหมาะสม เช่น ไม่ใช่ช่วงที่เด็กป่วย หรือมีการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ (เช่น ย้ายบ้าน เป็นต้น)

เคล็ดลับหากเลือกหักดิบ

  • ชี้แจงให้ลูกเข้าใจ: คุยกับลูกก่อนวันจริงว่า “เราจะไม่ใช้ขวดนมอีกแล้วนะ เพราะหนูโตแล้ว” อาจกำหนดวัน D-Day ให้ชัดเจน
  • เก็บขวดไปให้พ้นสายตา: ไม่ควรให้เด็กเห็นขวดแอบอยู่ในบ้าน เพราะจะเกิดอารมณ์อยากได้ หรือร้องหาอีก
  • เตรียมทางเลือกอื่น: ให้แก้วหรือหลอดน่ารักๆ , จัดเมนูอาหารอร่อย หรือของว่างที่ลูกชอบ หรือกิจกรรมอื่นๆ เพื่อช่วยดึงความสนใจจากขวด
  • อดทนกับอารมณ์ลูก: อาจร้องไห้งอแง 1-3 วันแรก คุณแม่ต้องให้ความรัก ปลอบโยน แต่ไม่ควรกลับไปหยิบขวดมาอีก

เลิกขวดหักดิบอาจได้ผลไว แต่ต้องเตรียมทั้งด้านจิตใจและสภาพแวดล้อม หากคุณแม่ไม่พร้อมรับมือความวุ่นวายในช่วงแรก อาจเลือกวิธีลดขวดแบบค่อยเป็นค่อยไปก็ได้

 

ลูกเลิกขวด น้ำหนักลด ทำไงดี

คุณแม่บางคนพบว่าพอ ลูกเลิกขวด น้ำหนักลด ทำไงดี นี่เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย เพราะเด็กคุ้นชินกับการดูดนมขวดปริมาณมากมานาน พอเปลี่ยนมาเป็นแก้วหรือหลอด อาจกินได้น้อยลงชั่วคราว
สาเหตุที่ลูกน้ำหนักลดหลังเลิกขวดนมนั้นเป็นไปได้หลายเหตุผล คือ 

  1. ลูกไม่คุ้นเคยกับการดื่มแบบใหม่: การใช้แก้วหรือหลอดกินนม อาจทำให้เด็กต้องใช้ทักษะใหม่ อาจหกเลอะเทอะ หรือกินได้น้อยลงในช่วงแรก
  2. พฤติกรรมต่อต้าน: เด็กที่ติดขวดมาก พอโดนบังคับเลิกขวด อาจดื้อไม่อยากกินแม้แต่ในแก้ว เพื่อประท้วงหรือเรียกร้องความสนใจ
  3. ปริมาณอาหารหลักไม่เพียงพอ: เมื่อลูกเคยอิ่มจากนม ตอนนี้ดื่มนมน้อยลง แต่ก็ไม่ยอมกินอาหารหลักเพิ่มขึ้นเพราะไม่คุ้นเคยรสชาติ

วิธีแก้ปัญหาเมื่อลูกน้ำหนักลดหลังเลิกขวด สามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้ 

  • เพิ่มความน่าสนใจของอาหาร: คุณแม่สามารถจัดจานอาหารให้สวย มีสีสัน และหลากหลาย เน้นอาหารที่เคี้ยวง่ายแต่คุณค่าโภชนาการสูง เช่น ไข่ตุ๋นกับเนื้อปลา ผักต้มสุก
  • จัดตารางมื้ออาหารชัดเจน: ให้ลูกมี 3 มื้อหลัก และ 2 มื้อว่าง ไม่ปล่อยให้ลูกอดอาหารนานเกินไป เพราะเด็กอาจหิวแต่ไม่อยากกินเนื่องจากเบื่อหรือไม่คุ้นเคย
  • ให้ลูกมีส่วนร่วม: ชวนลูกไปเลือกเมนูหรือช่วยเตรียมอาหารเล็กน้อย เพื่อกระตุ้นให้เขามีส่วนร่วม และสนใจอยากกินอาหารมากขึ้น
  • กระตุ้นด้วยอาหารโปรตีนและไขมันดี: เพื่อช่วยเสริมสร้างน้ำหนักและกล้ามเนื้อ เช่น ไข่ต้ม เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน อะโวคาโด ถั่วต่างๆ
  • อย่าบังคับมากเกินไป: การบังคับอาจทำให้เด็กต่อต้าน ควรใช้วิธีชักชวน และสร้างบรรยากาศบวก ไม่บ่นว่า “ไม่กินแล้วจะผอมแห้ง!” เพราะเด็กอาจยิ่งเครียด

แต่ถ้าคุณแม่สังเกตแล้วว่า ลูกน้ำหนักลดมากเกิน หรือมีปัญหาเบื่ออาหารเรื้อรัง ควรปรึกษากุมารแพทย์หรือนักโภชนาการเด็ก ซึ่งอาจต้องตรวจสุขภาพโดยรวม หรือหาสาเหตุอื่นที่อาจทำให้ลูกกินได้น้อยควบคู่กันไปด้วย 

 

คำแนะนำสำหรับคุณพ่อคุณแม่เมื่อเลิกขวดวันแรก

เมื่อถึงวันแรกที่คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจว่า “ต้องเลิกขวดแล้ว” ไม่ว่าจะค่อยเป็นค่อยไป หรือหักดิบ อาจทำให้รู้สึกตื่นเต้น และกังวลมาก เรามีคำแนะนำเพื่อเตรียมตัวและจัดการกับอารมณ์ในวันแรกนี้

เตรียมลูกล่วงหน้า
คุยกับลูกก่อนวันจริงสัก 2-3 วัน บอกว่า “อีกไม่กี่วันหนูจะเป็นเด็กโตแล้ว เราจะไม่ได้ใช้ขวดนะ แต่จะใช้แก้วสวย ๆ ลายน่ารักแทน” หรืออาจจัดกิจกรรมเล็ก ๆ เช่น ให้ลูกวาดรูป “แก้วในฝัน” หรือเลือกแก้วที่อยากใช้ร่วมกัน

เตรียมอุปกรณ์
หากใช้วิธีค่อยเป็นค่อยไป สามารถวางแก้วหรือหลอดไว้ในจุดที่ลูกหยิบจับง่าย มีหลายอันเพื่อป้องกันทำหล่นแล้วเลอะ แต่ถ้าเป็นการหักดิบ ควรเก็บขวดทั้งหมดในที่ที่ลูกหาไม่เจอ แต่เตรียมของทดแทนเป็นแก้วลายการ์ตูน, ตุ๊กตาปลอบใจ ฯลฯ

สร้างบรรยากาศบวก
ในวันแรกของการเลิกขวดนม คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรแสดงสีหน้ากังวลหรือโกรธเมื่อเห็นลูกงอแง เพราะวันนี้เป็นวันที่ลูกต้องเจอความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ควรให้กำลังใจด้วยคำพูดอ่อนโยน หรือชมเชยลูกทันทีเมื่อเขาพยายามดื่มนมจากแก้วได้ แม้จะดื่มน้อยก็ตาม

ก่อนนอน คือ นาทีทอง
ในคืนแรกมักเป็นช่วงที่เด็กจะเรียกร้องขวดมากที่สุด คุณแม่อาจต้องใช้เทคนิคปลอบโยนอื่น เช่น กอด, ร้องเพลง, เล่านิทาน, ตบก้นเบา ๆ จนลูกเคลิ้มหลับ แต่ถ้าลูกร้องหนักมาก ควรใช้ท่าทีประนีประนอม เช่น “ถ้าหนูหิวนม เดี๋ยวแม่เทใส่แก้วเล็ก ๆ ให้ดื่มเนอะ”

ให้เวลาลูกปรับตัว
วันแรกอาจผ่านไปด้วยเสียงร้องไห้มาก ลูกอาจกินนมน้อยลงหรือไม่ยอมกินเลย คุณพ่อคุณแม่ต้องอย่าเพิ่งคืนขวดทันที ควรอดทนและลองต่ออีก 2-3 วันเพื่อให้เด็กเห็นว่าเราจริงจัง ถ้าเด็กยังไม่ปรับตัวจริง ๆ ค่อยประเมินว่าควรเปลี่ยนวิธีไปใช้วิธีไหนต่อไป 

 

นมแม่ที่มี MFGM เพื่อ IQ และทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ที่เหนือกว่า

ในช่วง 1,000 วันแรกของลูก เป็นช่วงเวลาสำคัญมากต่อพัฒนาการทางสมองและสติปัญญา โดย 80% ของสมอง จะเติบโตสูงสุดในช่วง 2 ขวบปีแรก และ 90% จะเติบโตสูงสุดในช่วง 5 ปีแรก ด้วยเหตุนี้ โภชนาการในช่วง 1,000 วันแรกของลูกน้อย จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

โภชนาการที่ดีจะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการสมองและการเรียนรู้ของลูกน้อย โดยคุณแม่สามารถเสริมสร้างโภชนาการที่ดีได้ด้วยการให้ลูกน้อยได้รับนมแม่ตั้งแต่ 6 เดือนแรก และให้นมแม่อย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับอาหารตามวัยจนอายุ 2 ปี

เพราะในนมแม่มี MFGM หนึ่งเดียวที่มีงานวิจัยรองรับว่า* ช่วยให้มี IQ และ EF ที่เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ขวบปีแรก ให้ลูกพร้อมกว่าเมื่อถึงวัยเข้าเรียน โดย MFGM ในนมแม่ เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างเส้นใยประสาท (Myelin Sheath) และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณประสาทเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง ทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเรียนรู้และจดจำได้ดียิ่งขึ้น

*สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีและศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย. นมแม่กับการพัฒนาทักษะสมองส่วน Executive Function. 2561


  • thaipbskids. "เลิกขวดนมเถอะ" หมอขอร้อง. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.thaipbskids.com/contents/6446352d193242440e7215c7. [25 มกราคม 2568]
  • patrangsit. เลิกขวดนม เทคนิคดีๆ ที่พ่อแม่ต้องอ่าน. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.patrangsit.com/เลิกขวดนม-เทคนิคดีๆ-ที่พ/. [25 มกราคม 2568]
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน. วิธีป้องกันฟันผุเพราะติดขวดนม. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://empowerliving.doctor.or.th/case/890. [25 มกราคม 2568]
  • thonglordentalhospital. How to การดูแลฟันเพื่อป้องกันการเกิดฟันเหยินในเด็ก. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://thonglordentalhospital.com/how-to-teeth-overbite-child/. [25 มกราคม 2568]
  • มหาวิทยาลัยมหิดล. เมื่อถึงเวลา…หนูน้อยต้องบอกลาขวดนม. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://pt.mahidol.ac.th/ptcenter/knowledge-article/เมื่อถึงเวลา-หนูน้อยต้/. [25 มกราคม 2568]
  • รพ.เด็กสินแพทย์. เจ้าตัวน้อยติดขวดทำไงดี. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.synphaet.co.th/children-ramintra/เจ้าตัวน้อยติดขวด-ทำไงด/  [25 มกราคม 2568]

 

โปรดอ่านข้อมูลเบื้องต้น และคลิก

“เข้าสู่เว็บไซต์”

เพื่อดำเนินการต่อ

Line TH
Shopee TH Lazada TH Join Enfamama