Enfa สรุปให้
- คนท้องสามารถกินไฟเบอร์ได้ “ไฟเบอร์” หรือใยอาหารจำเป็นต่อร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์ ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย ลดอาการท้องผูก ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคนท้อง และยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอีกด้วย
- คนท้องสามารถกินไฟเบอร์ผงได้ แต่ควรปรึกษาคุณหมอก่อน เพราะไฟเบอร์ผงหรืออาหารเสริมไฟเบอร์แต่ละยี่ห้อมีส่วนผสมต่างกัน ส่วนผสมบางชนิดอาจไม่เหมาะกับคนท้อง
- คนท้องควรได้รับไฟเบอร์ 25-30 กรัมต่อวัน โดยแนะนำให้เลือกไฟเบอร์ที่มาจากผัก ผลไม้สด ธัญพืชเต็มเมล็ด ถั่วเมล็ดแห้ง และอาจเสริมด้วยไฟเบอร์ผง (ภายใต้คำแนะนำแพทย์)

เลือกอ่านตามหัวข้อ

คนท้องกินไฟเบอร์ได้ไหม
คนท้องสามารถกินไฟเบอร์ได้ค่ะ “ไฟเบอร์” หรือใยอาหาร จำเป็นต่อร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์อย่างมาก เพราะช่วงตั้งครรภ์ ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนมักทำให้ลำไส้บีบตัวช้าลง คุณแม่หลายคนจึงมีอาการท้องผูก บางรายอาจมีอาการท้องผูกเรื้อรังจนทำให้ต้องเบ่งถ่ายอุจจาระบ่อยๆ และเกิดริดสีดวงทวารในคนท้อง
นอกจากช่วยเรื่องระบบขับถ่ายของคนท้องแล้ว ไฟเบอร์ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และทำให้ตุณแม่อิ่มนานขึ้นด้วยค่ะ
อย่างไรก็ตาม แม้คนท้องจะกินไฟเบอร์ได้ แต่ก็แนะนำให้เลือกรับประทานไฟเบอร์จากแหล่งธรรมชาติโดยตรง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด หากคุณแม่ต้องการรับประทานอาหารเสริมไฟเบอร์ ควรปรึกษาคุณหมอก่อน เพื่อให้คุณหมอแนะนำอาหารเสริมที่คนท้องกินได้ เพราะในอาหารเสริมไฟเบอร์บางชนิดอาจจะมีการเสริมสารอื่นๆ ที่อาจไม่เหมาะสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ค่ะ
คนท้องกินไฟเบอร์ผงได้ไหม
คนท้องสามารถกินไฟเบอร์ผงได้ จริงๆ แล้วไฟเบอร์ผงถือว่าตอบโจทย์คุณแม่ที่กินผักผลไม้ได้ไม่เพียงพอ แต่คุณแม่ควรปรึกษาคุณหมอก่อนเสมอ เพราะไฟเบอร์ผงแต่ละยี่ห้อมีส่วนผสมต่างกัน บางชนิดอาจไม่เหมาะกับคนท้อง หรือบางชนิดอาจมีน้ำตาลมาก ไม่เหมาะกับคุณแม่ท้องที่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เป็นต้น
นอกจากนี้ คุณแม่ควรดื่มน้ำมากๆ เพราะถ้ากินไฟเบอร์ผงแล้วไม่ดื่มน้ำเพียงพอ อาจทำให้คนท้องท้องอืด หรือท้องผูกหนักขึ้นกว่าเดิมได้ อีกทั้งควรกินไฟเบอร์ผงในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ไปรบกวนการดูดซึมแร่ธาตุสำคัญ เช่น ธาตุเหล็ก และแคลเซียม
ไฟเบอร์คนท้อง สำคัญอย่างไร
- ลดอาการท้องผูก เพราะไฟเบอร์ช่วยเพิ่มกากใยอาหาร ทำให้อุจจาระอ่อนนุ่ม ขับถ่ายได้ง่าย
ลดความเสี่ยงริดสีดวงทวาร ถ้ารับไฟเบอร์เพียงพอ จะช่วยลดการเบ่งถ่ายซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนท้องเป็นริดสีดวง
- ควบคุมความหิว ไฟเบอร์ช่วยให้อิ่มนาน ลดอาการคนท้องหิวบ่อยกินจุกจิก ช่วยให้คุณแม่ควบคุมน้ำหนักระหว่างตั้งครรภ์ไม่ให้ขึ้นเร็วเกินไป
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลช้าลง ช่วยลดความเสี่ยงเบาหวานขณะตั้งครรภ์
- ส่งเสริมสุขภาพลำไส้ ไฟเบอร์เป็นอาหารของจุลินทรีย์ดีในลำไส้ ทำให้ระบบย่อยและภูมิคุ้มกันของคุณแม่แข็งแรง
- ลดความเสี่ยงความดันโลหิตสูง งานวิจัยบางชิ้นที่พบว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ได้รับไฟเบอร์อย่างพอเหมาะ มีโอกาสเป็นครรภ์เป็นพิษต่ำกว่าคนที่ได้รับน้อย
ไฟเบอร์คนท้องกินได้ ปริมาณเท่าไหร่ต่อวัน
คนท้องควรได้รับไฟเบอร์ 25-30 กรัมต่อวัน โดยแนะนำให้เลือกไฟเบอร์ที่มาจากผัก ผลไม้สด ธัญพืชเต็มเมล็ด ถั่วเมล็ดแห้ง และอาจเสริมด้วยไฟเบอร์ผง (ภายใต้คำแนะนำแพทย์)
ไฟเบอร์สำหรับคนท้อง ควรเลือกอย่างไร
- เน้นไฟเบอร์จากแหล่งธรรมชาติเป็นหลัก เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด ถั่วเมล็ดแห้ง เพราะนอกจากไฟเบอร์แล้ว ยังได้วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ควรเพิ่มไฟเบอร์จากแหล่งธรรมชาติให้เป็นส่วนหนึ่งของตารางอาหารคนท้องในแต่ละวัน ไม่ควรพึ่งอาหารเสริมไฟเบอร์เพียงอย่างเดียว
- ถ้าเลือกไฟเบอร์ผง หรือ อาหารเสริมไฟเบอร์ ควรเลือก
- ผลิตภัณฑ์ได้มาตรฐาน มีอย.
- มีส่วนประกอบเป็นไฟเบอร์เป็นหลัก (เช่น Psyllium husk, Inulin, Oat fiber เป็นต้น)
- ไม่มีน้ำตาลและสารให้พลังงานสูง เพื่อลดความเสี่ยงเบาหวานขณะตั้งครรภ์
- ไม่มีสารกระตุ้นการขับถ่ายแรงๆ เช่น ยาถ่าย หรือสมุนไพรบางชนิด ที่อาจทำให้มดลูกบีบตัวได้
- เลือกยี่ห้อที่มีทั้งไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้และไม่ละลายน้ำเสริมกัน เพราะไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ (เช่น Inulin, Psyllium husk) จะช่วยควบคุมน้ำตาลและไขมันในเลือด ส่วนไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายน้ำ (เช่น Wheat bran) จะช่วยเพิ่มกากใยให้อุจจาระอ่อนนุ่ม ขับถ่ายง่าย
ไฟเบอร์คนท้อง 7-11
คุณแม่หลายคนสงสัยว่า ไฟเบอร์ 7-11 คนท้องกินได้ไหม ต้องบอกว่าใน 7-11 และร้านสะดวกซื้ออื่นๆ ในปัจจุบันมีทางเลือกไฟเบอร์ให้คุณแม่อย่างหลากหลายค่ะ เช่น
- ผักผลไม้พร้อมทาน เช่น สลัดผักพร้อมน้ำสลัด (แนะนำเลือกแบบน้ำสลัดใส/น้ำสลัดงาซีอิ๊วญี่ปุ่น) หรือผลไม้ที่คนท้องควรกิน เช่น แอปเปิ้ล ฝรั่ง สาลี่ เป็นต้น
- ขนมปังและธัญพืช เช่น ขนมปังโฮลวีต ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ถั่วและธัญพืชอบกรอบ
-
เครื่องดื่มคนท้องในเซเว่นและอาหารว่างสำหรับคนท้องอื่นๆ เช่น น้ำลูกพรุนแก้ท้องผูก โอ๊ตมีล หรือโยเกิร์ตพร้อมซีเรียลหรือกราโนล่าที่สามารถเพิ่มผลไม้ลงไปได้ด้วย ทั้งนี้ ควรเลี่ยงน้ำผลไม้ที่น้ำตาลสูงหากคุณแม่มีความเสี่ยงเบาหวานขณะตั้งครรภ์นะคะ
- อาหารเสริมไฟเบอร์ อาจมีขายในบางสาขา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเรื่องก่อนเลือกซื้อ
คนท้องกินไฟเบอร์มะขามได้ไหม
คุณแม่ท้องหลายคนสงสัยว่า ไฟเบอร์มะขามคนท้องกินได้ไหม คำตอบคือ คนท้องกินไฟเบอร์มะขามได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์/เภสัชกรก่อน กินอย่างระมัดระวัง และดื่มน้ำตามมากๆ คุณแม่ควรเน้นไฟเบอร์จากผักผลไม้สดเป็นหลัก แล้วใช้ไฟเบอร์มะขามเป็นตัวเสริมเฉพาะเวลาท้องผูกจริงๆ ค่ะ
ไฟเบอร์มะนาวคนท้องกินได้ไหม
ไฟเบอร์มะนาว คนท้องกินได้ ถ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน มีอย. และไม่ผสมยาถ่ายหรือมีน้ำตาลสูง แนะนำว่าควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารเสริมทุกชนิดค่ะ
คนท้องกินยาระบายมะขามแขกได้ไหม
คนท้องไม่ควรกินยาระบายมะขามแขกโดยเด็ดขาด เพราะสาร Senna Glycosides ในมะขามแขก นอกจากจะออกฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้แล้ว ยังอาจกระตุ้นการบีบตัวของมดลูกได้ด้วย ทำให้เสี่ยงต่อการแท้งหรือคลอดก่อนกำหนด นอกจากนี้ยังทำให้คนท้องท้องเสีย ปวดบิด ถ่ายเหลว ขาดน้ำ และเสียสมดุลเกลือแร่ ซึ่งอันตรายต่อคุณแม่และลูกในครรภ์ค่ะ
อนาคตที่ดีที่สุดของลูกน้อย เริ่มต้นด้วยโภชนาการผ่านคุณแม่
คุณแม่น่าจะทราบกันแล้วว่า ในระหว่างตั้งครรภ์ คนท้องควรได้รับไฟเบอร์ 25-30 กรัมต่อวัน แต่นอกจากไฟเบอร์แล้ว คุณแม่ยังต้องการสารอาหารอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น
- ดีเอชเอ (DHA) คือกรดไขมันจำเป็นในตระกูลโอเมก้า 3 เป็นโครงสร้างพื้นฐานของเซลล์สมอง และจอประสาทตา โดย WHO แนะนำให้คุณแม่ตั้งครรภ์กิน DHA คนท้อง ในปริมาณ 200 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของสมองลูก
-
โฟเลต (Folate) ที่มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาของระบบประสาทและสมองของลูกน้อย โดยคุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับโฟเลตในปริมาณ 600-800 ไมโครกรัมต่อวัน
-
โคลีน (Choline) ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาระบบประสาทส่วนกลาง และ Cognitive Function ของทารก โดยปริมาณที่แนะนำคือ 450 มิลลิกรัมต่อวัน
- แคลเซียม (Calcium) เพื่อการเจริญของระบบกระดูกของทารก โดยปริมาณแคลเซียมคนท้องที่แนะนำคือ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
- เหล็ก (Iron) เพื่อการพัฒนาของตัวอ่อนและรก รวมถึงการเพิ่มปริมาณเม็ดเลือดแดงของคุณแม่ โดยคุณแม่ควรได้รับธาตุเหล็กในระหว่างการตั้งครรภ์ในปริมาณ 15-30 มิลลิกรัมต่อวันเพื่อป้องกันภาวะโลหิตจาง
และยังรวมถึงสารอาหารอื่นๆ อีกมากมายที่คุณแม่อาจจะไม่ได้กินอย่างครบถ้วนจากมื้ออาหารปกติ การดื่มนมบำรุงครรภ์จึงเป็นทางเลือกที่ดีอย่างยิ่งในการเสริมสารอาหารให้กับคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ และอย่าลืมเลือกนมที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ด้วยนะคะ