นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เอนฟาสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนไปจนถึง 2 ปี หรือนานกว่าตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

อารมณ์คนท้องขึ้นๆ ลงๆ อารมณ์คนท้องระยะแรก รับมือยังไงดี

Enfa สรุปให้

  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายขณะตั้งครรภ์ ส่งผลต่ออารมณ์คนท้อง ทำให้คนท้องมีอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า เสียใจ ร้องไห้

  • การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ขนาดครรภ์ที่ใหญ่ขึ้น ส่งผลต่อสภาพจิตใจของคุณแม่ ทำให้รู้สึกขาดความมั่นใจ

  • คนท้องจำเป็นต้องดูแลสภาพจิตใจอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าในขณะตั้งครรภ์

เลือกอ่านตามหัวข้อ

การตั้งครรภ์ไม่ได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายเท่านั้น แต่อารมณ์ของคนท้องก็เปลี่ยนไปด้วย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ตลอดการตั้งครรภ์นั้นจำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแลและประคับประคองทั้งจากสามี คนรอบข้าง และตัวของคุณแม่เองก็ต้องพร้อมที่จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ของตนเอง เพื่อให้สามารถก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยดี

 

อารมณ์คนท้อง

การตั้งครรภ์ไม่เพียงทำให้ร่างกายเปลี่ยนแปลง แต่อารมณ์ของคนท้องก็เปลี่ยนไปด้วย คุณแม่อาจรู้สึกหงุดหงิดง่าย อ่อนไหวง่าย วิตกกังวล หรือร้องไห้บ่อย ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนคนท้อง สภาพร่างกาย และความกดดันทางอารมณ์ จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลทั้งจากตัวคุณแม่เอง คนรอบข้าง และโดยเฉพาะจากสามี เพื่อให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้อย่างราบรื่น

 

คนท้องอารมณ์แปรปรวน เพราะอะไร

อารมณ์คนท้องที่แปรปรวนพบได้บ่อยมาก โดยมีสาเหตุหลักจาก ฮอร์โมนที่แปรผัน ซึ่งส่งผลต่อความรู้สึกอย่างชัดเจน ทำให้เศร้า หงุดหงิด หรือคนท้องร้องไห้บ่อยได้ง่ายขึ้น
ปัจจัยอื่นที่มีผลต่ออารมณ์ ได้แก่

  • ร่างกายเปลี่ยนแปลง เช่น ครรภ์ใหญ่ขึ้น น้ำหนักขึ้น รอยแตกลาย
  • นอนไม่หลับ–อ่อนเพลีย จากอาการแพ้ท้องหรืออึดอัด
  • ความวิตกกังวลเรื่องอนาคต เช่น การเงิน การงาน การเลี้ยงลูก
  • การตั้งครรภ์แบบไม่พร้อม ที่อาจทำให้เครียดมากขึ้น

คุณแม่ไม่ควรโทษตัวเอง เพราะอารมณ์แปรปรวนนั้นเกิดจากธรรมชาติของการตั้งครรภ์และเป็นหนึ่งในอาการคนท้องที่พบได้ทั่วไป

 

อารมณ์คนท้องระยะแรก

ช่วงสัปดาห์แรกจนถึงประมาณ 12 สัปดาห์ เป็นช่วงที่ร่างกายปรับฮอร์โมนอย่างรวดเร็ว จึงทำให้อารมณ์คนท้องค่อนข้างแกว่งง่าย

อารมณ์ที่พบบ่อยในระยะแรก

  • น้ำตาไหลง่ายหรือร้องไห้โดยไม่ทราบสาเหตุ
  • หงุดหงิดง่ายเพราะเหนื่อย อ่อนล้า หรือแพ้ท้อง
  • รู้สึกกลัว ไม่มั่นคง หรือกังวลเกินปกติ
  • ดีใจกับการตั้งครรภ์ แต่ก็วิตกกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น

สาเหตุหลักของอารมณ์ช่วงนี้

  • ฮอร์โมน HCG, Estrogen, Progesterone พุ่งสูง
  • ร่างกายยังไม่ชินกับการเปลี่ยนแปลง
  • ความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของลูกและการแท้งในช่วงต้น
  • ความไม่พร้อมในหลายด้าน เช่น การเงิน งาน หรือครอบครัว

ระยะนี้ถือเป็นช่วงที่คุณแม่ต้องการความเข้าใจและการดูแลมากเป็นพิเศษค่ะ

 

อารมณ์คนท้องไตรมาส 1

ไตรมาสแรก (0–12 สัปดาห์) เป็นช่วงที่อารมณ์แปรปรวนมากที่สุด เพราะทั้งฮอร์โมนและร่างกายกำลังเริ่มสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับทารก จึงเป็นช่วงที่มีทั้งอาการแพ้ท้อง และความอ่อนไหวทางอารมณ์มากกว่าปกติ

อารมณ์ที่พบได้บ่อยในไตรมาส 1

  • อ่อนไหวมากเป็นพิเศษ
  • หงุดหงิดง่ายหรือโมโหเร็ว
  • เครียดหรือกังวลเรื่องสุขภาพของลูก
  • ดีใจที่ตั้งครรภ์สลับกับความกลัวเรื่องอนาคต


ปัจจัยกระตุ้นอารมณ์ช่วงนี้

  • อาการแพ้ท้อง เช่น อาเจียน กินได้น้อย ทำให้สุขภาพโดยรวมแย่ลง
  • กลัวแท้งในช่วงแรกของการตั้งครรภ์
  • ความเหนื่อยล้าเรื้อรัง
  • อารมณ์ไม่มั่นคงเพราะฮอร์โมนแกว่งเร็ว


สิ่งที่ช่วยรับมืออารมณ์คนท้องไตรมาส 1

  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • แบ่งมื้ออาหารเล็ก ๆ บ่อยครั้ง
  • หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้เครียด
  • เปิดใจคุยกับสามีหรือคนใกล้ชิด

 

อารมณ์คนท้องไตรมาส 2

ไตรมาสที่สองมักเรียกว่า “ช่วงฮันนีมูนของคนท้อง” เพราะอาการแพ้ท้องเริ่มลดลง คุณแม่จึงอารมณ์ดีขึ้น แต่ก็ยังมีความกังวลบางอย่างตามมา

อารมณ์ที่พบบ่อยในไตรมาส 2

  • อารมณ์โดยรวมดีขึ้น มั่นใจมากขึ้น
  • เริ่มผูกพันกับลูกเมื่อรู้สึกถึงการดิ้น
  • แต่บางคนอาจเริ่มวิตกกับรูปร่าง น้ำหนัก และรอยแตกลาย
  • มีความคาดหวังและความกดดันในการเป็นแม่เพิ่มขึ้น


ปัจจัยที่ส่งผลต่ออารมณ์ช่วงนี้

  • ฮอร์โมนยังคงเปลี่ยน แต่ไม่รุนแรงเท่าไตรมาสแรก
  • การเตรียมของใช้เด็ก ทำให้มีความกดดันเรื่องค่าใช้จ่าย
  • ความคาดหวังจากครอบครัวหรือสังคม
  • ความรู้สึกตื่นเต้นจากการได้ยินเสียงหัวใจลูกหรือเริ่มเห็นพัฒนาการจากการอัลตราซาวด์


การดูแลอารมณ์คนท้องไตรมาส 2

  • ทำกิจกรรมเบา ๆ เช่น เดิน ออกกำลังกายสำหรับคนท้อง
  • พูดคุยเรื่องการเตรียมตัวคลอดกับสามี
  • ทาครีมบำรุงผิวลดความกังวลเรื่องรอยแตก
  • นอนหลับให้เพียงพอเพื่อลดอารมณ์เหวี่ยง

 

อารมณ์คนท้องไตรมาส 3

เมื่อใกล้คลอด ร่างกายจะอุ้ยอ้ายและเหนื่อยง่าย ทำให้อารมณ์ไม่มั่นคงที่สุดในช่วงนี้ หลายคนอาจมีภาวะคนท้องนอนไม่หลับบ่อยขึ้นเพราะอาการอึดอัดและปัสสาวะบ่อย

อารมณ์ที่พบบ่อยในไตรมาส 3

  • วิตกกังวลเรื่องการคลอด
  • หงุดหงิดง่ายเพราะปวดหลัง ปวดขา อึดอัด นอนไม่หลับ
  • เครียดเรื่องค่าใช้จ่าย การเตรียมตัวเลี้ยงลูก
  • รู้สึกเหนื่อยจนอยากคลอดเร็ว ๆ
  • เบื่ออาหารหรือต้องการอาหารเฉพาะอย่าง


ปัจจัยกระตุ้นอารมณ์ในไตรมาสสุดท้าย

  • หน้าท้องใหญ่จนเคลื่อนไหวลำบาก
  • ปัสสาวะบ่อยทำให้นอนไม่พอ
  • น้ำหนักเพิ่มเร็ว
  • ความกลัวเกี่ยวกับการเจ็บครรภ์คลอด
  • ความคาดหวังจากครอบครัวและคนรอบข้าง


เคล็ดลับช่วยจัดการอารมณ์คนท้องไตรมาส 3

  • ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับขั้นตอนการคลอดเพื่อลดความกลัว
  • เตรียมของใช้เด็กและกระเป๋าไปคลอดให้พร้อม
  • ทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง นวดสำหรับคนท้อง
  • ขอความช่วยเหลือจากสามีหรือครอบครัวเมื่อรู้สึกเหนื่อย

 

คนท้องหงุดหงิดง่าย

ความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์เป็นเรื่องปกติ เพราะร่างกายและฮอร์โมนคนท้องกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงอารมณ์แปรปรวนที่เชื่อมโยงกับข้อห้ามคนท้องบางอย่าง เช่น อาหารที่แม่ท้องห้ามกิน แม่ท้องห้ามทำกิจกรรมบางอย่าง เป็นต้น ที่ทำให้คุณแม่กังวลเพิ่มขึ้น

 

อารมณ์คนท้องจะส่งผลต่อลูกในครรภ์หรือไม่

อารมณ์ของแม่ไม่ส่งผลโดยตรงทันทีต่อลูก แต่ความเครียดเรื้อรังอาจทำให้คุณแม่กินได้น้อย นอนไม่พอ น้ำหนักลดหรือสุขภาพแย่ลง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต่างหากที่มีผลต่อพัฒนาการของลูกในครรภ์

 

อารมณ์คนท้อง สามีต้องเข้าใจ

การตั้งครรภ์เป็นเรื่องของทั้งคุณพ่อและคุณแม่ ความเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของคุณแม่เกิดจากฮอร์โมนและความไม่สบายตัว ไม่ใช่ความตั้งใจ คุณพ่อจึงควรเข้าใจ แบ่งเบาภาระ และเปิดใจสื่อสารกับคุณแม่ เพื่อให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นและลดความเครียดร่วมกัน

สิ่งหนึ่งที่คุณพ่อควรจะต้องทำความเข้าใจและเปิดใจให้มากเลยก็คือ การตั้งครรภ์ครั้งนี้เราต่างก็ทำให้เกิดขึ้นมาทั้งคู่ จึงจำเป็นที่จะต้องดูแลและประคับประคองกันและกันเป็นอย่างดี ไม่ใช่ว่าท้องแล้วเอะอะปล่อยให้คุณแม่มาดูแลตัวเองให้ดี แต่สามีเองก็ต้องพร้อมที่จะดูแลภรรยาให้ดีด้วยเช่นกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องอารมณ์คนท้องที่เปลี่ยนแปลงไป อาจทำให้มีปากเสียงหรือทะเลาะกันในบางครั้ง แต่...คุณสามีก็ต้องเข้าใจด้วยว่า ไม่มีใครอยากเป็นคนอารมณ์ไม่ดี การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย รูปร่างที่เปลี่ยนไป ความวิตกกังวลกับการตั้งครรภ์ ส่งผลต่ออารมณ์ของคุณแม่

ดังนั้น เพื่อให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น ใกล้ชิดกันมากขึ้น ไม่พังทลายลงไปเสียก่อน ทั้งคุณพ่อและคุณแม่จำเป็นจะต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ดังนี้

  • ไม่กล่าวโทษกัน แต่พูดความรู้สึกให้กันและกันเข้าใจ ทั้งสองคนจำเป็นที่จะต้องรู้ว่าขณะนั้นรู้สึกอย่างไร ต้องการอะไร การสื่อสารกันตรง ๆ ดีกว่าที่จะมาโทษกันว่าทำไมเธองี่เง่าจัง ทำไมเธอไม่สนใจฉันเลย
  • เข้าใจธรรมชาติของคนท้อง รูปร่างที่เปลี่ยนไป น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น อาหารที่ไม่ถูกปาก ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง สิ่งเหล่านี้มีผลต่อสภาวะทางอารมณ์และความรู้สึก คุณสามีควรปลงตกและทำความเข้าใจภรรยาหน่อยค่ะว่ามันเป็นเรื่องที่ยากจะควบคุม
  • แบ่งเบาภาระซึ่งกันและกัน กิจวัตรใด ๆ ที่เมื่อก่อนภรรยาเป็นผู้รับผิดชอบ คุณสามีควรจะยื่นมือเข้ามาแบ่งเบาช่วยเหลือบ้าง ไม่จำเป็นต้องช่วยเสียทุกเรื่อง แต่เรื่องไหนที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง การช่วยแบ่งเบาภาระของคนท้องลงบ้าง ก็ช่วยให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นได้นะคะ
  • ไปเข้าคอร์สพ่อแม่มือใหม่ด้วยกัน คนที่ไม่เคยท้องมาก่อน ยากค่ะที่จะเข้าใจว่าการตั้งท้องมันเป็นยังไง คุณแม่ก็อาจจะอธิบายออกมาไม่ตรงจุด เพราะก็เป็นการตั้งท้องครั้งแรกเหมือนกัน ดังนั้น การจูงมือกันไปเข้ารับข้อมูลความรู้และประสบการณ์ตรงในการเป็นพ่อแม่ด้วยกัน ก็จะช่วยให้เข้าใจกันและกันมากขึ้น
  • พูดเรื่องอนาคตร่วมกัน ทั้งเรื่องชื่อลูก การเลี้ยงดูลูก ของเตรียมคลอด จะคลอดที่ไหน เตรียมห้องลูกยังไง ฯลฯ ควรมีส่วนร่วมด้วยกัน พูดคุยกันให้มากขึ้น เพื่อเป็นการวางแผนอนาคตไปพร้อม ๆ กัน สิ่งนี้สามารถช่วยให้คุณแม่คลายความกังวลเรื่องอนาคตลงได้ 

 

อารมณ์คนท้อง ร้องไห้ แบบไหนควรไปพบแพทย์

คุณแม่ควรจะต้องรู้สภาวะอารมณ์ของตัวเองและต้องยอมรับให้ได้ก่อนเลยค่ะว่าขณะนี้อารมณ์ของคุณแม่ไม่ปกตินะ คุณแม่เริ่มรู้สึกแย่ เริ่มรู้สึกไม่ดี วิตกกังวล หวาดกลัว เสียใจ หากเริ่มรู้ทันความรู้สึกตนเอง ให้หาเวลาไปพบแพทย์ค่ะ หรือถ้าหากลองระบายหรือพูดกับคนรอบข้างแล้วยังไม่ดีขึ้น ก็ควรหาเวลาไปพบแพทย์

หรือถ้าหากอารมณ์แปรปรวนเริ่มส่งผลต่อการใช้ชีวิตควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะถ้าหากปล่อยไว้จนสุขภาพของคุณแม่ทรุดโทรมลง เมื่อนั้นก็จะเสี่ยงอันตรายต่อลูกในท้องได้ค่ะ  โดยเฉพาะกรณีที่
นอนไม่หลับเรื้อรัง

  • เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
  • เครียดจนไม่สามารถทำกิจวัตรได้
  • ใช้วิธีผ่อนคลายแล้วไม่ดีขึ้น
  • รู้สึกไม่มีแรงหรือสิ้นหวัง


การพบแพทย์จะช่วยป้องกันภาวะซึมเศร้าหลังคลอด และเหมาะมากสำหรับคนท้องร้องไห้บ่อย ที่เริ่มมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันค่ะ

 

อนาคตที่ดีที่สุดของลูกน้อย เริ่มต้นด้วยโภชนาการผ่านคุณแม่

 

นมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ควรเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์และควรทานให้ครบทุกหมู่เป็นประจำวันทุกวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน เนื่องจากโภชนาการที่ดีที่คุณแม่กินเข้าไปตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์มาจนถึงในขณะตั้งครรภ์ ถือว่าเป็นด่านสำคัญที่จะปูทางให้ลูกน้อยมีสุขภาพดี แข็งแรง และเติบโตขึ้นมามีพัฒนาการที่สมวัย นอกจากนี้ คุณแม่ตั้งครรภ์ยังสามารถเสริมสร้างโภชนาการเพิ่มเติมจากการดื่มนมเอนฟามาม่า เอพลัส วันละ 2 แก้ว เพื่อให้ร่างกายได้รับแคลเซียมและโคลีนตามความต้องการของคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตรในแต่ละวัน (THAI DRI) เพื่อให้ได้รับโภชนาการระหว่างตั้งครรภ์ที่ครบถ้วน

สุดท้ายนี้เมื่อพบว่าตั้งครรภ์ สิ่งสำคัญสำหรับว่าที่คุณแม่ที่จะต้องทำต่อไปคือการฝากครรภ์เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณแม่เองและทารกในครรภ์ นอกจากนี้แล้วอย่าลืมรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน เพื่อให้ลูกน้อยเติบโตมาอย่างแข็งแรง 

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

 

* นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก
Enfa Smart Club สนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่าง
เดียวอย่างน้อย 6 เดือนและให้นมแม่ควบคู่อาหารตามวัยอีก 2 ปี หรือนานกว่านั้น ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO)
Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

คุณกำลังเข้าถึงเนื้อหาจากผู้ให้บริการภายนอกเกี่ยวกับการซื้อหรือ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท มี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน (ประเทศไทย) จำกัด​

กรุณากดยืนยันเพื่อดำเนินการต่อ

Line TH
Cart TH Join Enfamama