
Enfa สรุปให้
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายขณะตั้งครรภ์ ส่งผลต่ออารมณ์คนท้อง ทำให้คนท้องมีอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า เสียใจ ร้องไห้
การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ขนาดครรภ์ที่ใหญ่ขึ้น ส่งผลต่อสภาพจิตใจของคุณแม่ ทำให้รู้สึกขาดความมั่นใจ
คนท้องจำเป็นต้องดูแลสภาพจิตใจอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าในขณะตั้งครรภ์

เลือกอ่านตามหัวข้อ
การตั้งครรภ์ไม่ได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายเท่านั้น แต่อารมณ์ของคนท้องก็เปลี่ยนไปด้วย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ตลอดการตั้งครรภ์นั้นจำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแลและประคับประคองทั้งจากสามี คนรอบข้าง และตัวของคุณแม่เองก็ต้องพร้อมที่จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ของตนเอง เพื่อให้สามารถก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ด้วยดี
การตั้งครรภ์ไม่เพียงทำให้ร่างกายเปลี่ยนแปลง แต่อารมณ์ของคนท้องก็เปลี่ยนไปด้วย คุณแม่อาจรู้สึกหงุดหงิดง่าย อ่อนไหวง่าย วิตกกังวล หรือร้องไห้บ่อย ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนคนท้อง สภาพร่างกาย และความกดดันทางอารมณ์ จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลทั้งจากตัวคุณแม่เอง คนรอบข้าง และโดยเฉพาะจากสามี เพื่อให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้อย่างราบรื่น
อารมณ์คนท้องที่แปรปรวนพบได้บ่อยมาก โดยมีสาเหตุหลักจาก ฮอร์โมนที่แปรผัน ซึ่งส่งผลต่อความรู้สึกอย่างชัดเจน ทำให้เศร้า หงุดหงิด หรือคนท้องร้องไห้บ่อยได้ง่ายขึ้น
ปัจจัยอื่นที่มีผลต่ออารมณ์ ได้แก่
คุณแม่ไม่ควรโทษตัวเอง เพราะอารมณ์แปรปรวนนั้นเกิดจากธรรมชาติของการตั้งครรภ์และเป็นหนึ่งในอาการคนท้องที่พบได้ทั่วไป
ช่วงสัปดาห์แรกจนถึงประมาณ 12 สัปดาห์ เป็นช่วงที่ร่างกายปรับฮอร์โมนอย่างรวดเร็ว จึงทำให้อารมณ์คนท้องค่อนข้างแกว่งง่าย
ระยะนี้ถือเป็นช่วงที่คุณแม่ต้องการความเข้าใจและการดูแลมากเป็นพิเศษค่ะ
ไตรมาสแรก (0–12 สัปดาห์) เป็นช่วงที่อารมณ์แปรปรวนมากที่สุด เพราะทั้งฮอร์โมนและร่างกายกำลังเริ่มสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับทารก จึงเป็นช่วงที่มีทั้งอาการแพ้ท้อง และความอ่อนไหวทางอารมณ์มากกว่าปกติ
ไตรมาสที่สองมักเรียกว่า “ช่วงฮันนีมูนของคนท้อง” เพราะอาการแพ้ท้องเริ่มลดลง คุณแม่จึงอารมณ์ดีขึ้น แต่ก็ยังมีความกังวลบางอย่างตามมา
เมื่อใกล้คลอด ร่างกายจะอุ้ยอ้ายและเหนื่อยง่าย ทำให้อารมณ์ไม่มั่นคงที่สุดในช่วงนี้ หลายคนอาจมีภาวะคนท้องนอนไม่หลับบ่อยขึ้นเพราะอาการอึดอัดและปัสสาวะบ่อย
ความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์เป็นเรื่องปกติ เพราะร่างกายและฮอร์โมนคนท้องกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงอารมณ์แปรปรวนที่เชื่อมโยงกับข้อห้ามคนท้องบางอย่าง เช่น อาหารที่แม่ท้องห้ามกิน แม่ท้องห้ามทำกิจกรรมบางอย่าง เป็นต้น ที่ทำให้คุณแม่กังวลเพิ่มขึ้น
อารมณ์ของแม่ไม่ส่งผลโดยตรงทันทีต่อลูก แต่ความเครียดเรื้อรังอาจทำให้คุณแม่กินได้น้อย นอนไม่พอ น้ำหนักลดหรือสุขภาพแย่ลง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต่างหากที่มีผลต่อพัฒนาการของลูกในครรภ์
การตั้งครรภ์เป็นเรื่องของทั้งคุณพ่อและคุณแม่ ความเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของคุณแม่เกิดจากฮอร์โมนและความไม่สบายตัว ไม่ใช่ความตั้งใจ คุณพ่อจึงควรเข้าใจ แบ่งเบาภาระ และเปิดใจสื่อสารกับคุณแม่ เพื่อให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นและลดความเครียดร่วมกัน
สิ่งหนึ่งที่คุณพ่อควรจะต้องทำความเข้าใจและเปิดใจให้มากเลยก็คือ การตั้งครรภ์ครั้งนี้เราต่างก็ทำให้เกิดขึ้นมาทั้งคู่ จึงจำเป็นที่จะต้องดูแลและประคับประคองกันและกันเป็นอย่างดี ไม่ใช่ว่าท้องแล้วเอะอะปล่อยให้คุณแม่มาดูแลตัวเองให้ดี แต่สามีเองก็ต้องพร้อมที่จะดูแลภรรยาให้ดีด้วยเช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องอารมณ์คนท้องที่เปลี่ยนแปลงไป อาจทำให้มีปากเสียงหรือทะเลาะกันในบางครั้ง แต่...คุณสามีก็ต้องเข้าใจด้วยว่า ไม่มีใครอยากเป็นคนอารมณ์ไม่ดี การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย รูปร่างที่เปลี่ยนไป ความวิตกกังวลกับการตั้งครรภ์ ส่งผลต่ออารมณ์ของคุณแม่
ดังนั้น เพื่อให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น ใกล้ชิดกันมากขึ้น ไม่พังทลายลงไปเสียก่อน ทั้งคุณพ่อและคุณแม่จำเป็นจะต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ดังนี้
คุณแม่ควรจะต้องรู้สภาวะอารมณ์ของตัวเองและต้องยอมรับให้ได้ก่อนเลยค่ะว่าขณะนี้อารมณ์ของคุณแม่ไม่ปกตินะ คุณแม่เริ่มรู้สึกแย่ เริ่มรู้สึกไม่ดี วิตกกังวล หวาดกลัว เสียใจ หากเริ่มรู้ทันความรู้สึกตนเอง ให้หาเวลาไปพบแพทย์ค่ะ หรือถ้าหากลองระบายหรือพูดกับคนรอบข้างแล้วยังไม่ดีขึ้น ก็ควรหาเวลาไปพบแพทย์
หรือถ้าหากอารมณ์แปรปรวนเริ่มส่งผลต่อการใช้ชีวิตควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะถ้าหากปล่อยไว้จนสุขภาพของคุณแม่ทรุดโทรมลง เมื่อนั้นก็จะเสี่ยงอันตรายต่อลูกในท้องได้ค่ะ โดยเฉพาะกรณีที่
นอนไม่หลับเรื้อรัง
การพบแพทย์จะช่วยป้องกันภาวะซึมเศร้าหลังคลอด และเหมาะมากสำหรับคนท้องร้องไห้บ่อย ที่เริ่มมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันค่ะ
สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ควรเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์และควรทานให้ครบทุกหมู่เป็นประจำวันทุกวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน เนื่องจากโภชนาการที่ดีที่คุณแม่กินเข้าไปตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์มาจนถึงในขณะตั้งครรภ์ ถือว่าเป็นด่านสำคัญที่จะปูทางให้ลูกน้อยมีสุขภาพดี แข็งแรง และเติบโตขึ้นมามีพัฒนาการที่สมวัย นอกจากนี้ คุณแม่ตั้งครรภ์ยังสามารถเสริมสร้างโภชนาการเพิ่มเติมจากการดื่มนมเอนฟามาม่า เอพลัส วันละ 2 แก้ว เพื่อให้ร่างกายได้รับแคลเซียมและโคลีนตามความต้องการของคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตรในแต่ละวัน (THAI DRI) เพื่อให้ได้รับโภชนาการระหว่างตั้งครรภ์ที่ครบถ้วน
สุดท้ายนี้เมื่อพบว่าตั้งครรภ์ สิ่งสำคัญสำหรับว่าที่คุณแม่ที่จะต้องทำต่อไปคือการฝากครรภ์เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณแม่เองและทารกในครรภ์ นอกจากนี้แล้วอย่าลืมรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน เพื่อให้ลูกน้อยเติบโตมาอย่างแข็งแรง
บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
Enfa สรุปให้ ยาแก้ไอคนท้องที่ใช้ได้ เช่น ยากดอาการไอ (dextromethorphan) ยาละลายเสมหะ (acetylcys...
อ่านต่อ
Enfa สรุปให้ คนท้องไม่สบายกินยาอะไรได้บ้าง เมื่อคนท้องไม่สบาย ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาเองโดยไม่ปรึ...
อ่านต่อ
Enfa สรุปให้ ชีพจรคนท้องอ่อน หรือหัวใจเต้นช้ากว่า 60 ครั้งต่อนาที ถือว่ามีภาวะหัวใจเต้นช้ากว่าปก...
อ่านต่อ