ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
pregnancy-test-traditional-method

วิธีตรวจครรภ์แบบโบราณ คนสมัยก่อนเขาตรวจครรภ์กันยังไงนะ

Enfa สรุปให้

  • ในสมัยโบราณนั้น การตรวจครรภ์จะทำกันแบบไม่ได้มีหลักการและเหตุผลในปัจจุบัน เช่น การปัสสาวะรดเมล็ดข้าว การดูสีปัสสาวะ
  • ก่อนที่จะมีการประดิษฐ์ชุดตรวจครรภ์เกิดขึ้น ได้มีการศึกษาเรื่องฮอร์โมนตั้งครรภ์ โดยใช้สัตว์ทดลองเป็นกบ หนู กระต่าย เพื่อดูว่าถ้าฉีดปัสสาวะคนท้องเข้าไป สัตว์ทดลองจะมีปฏิกิริยาแบบใด
  • กระทั่งปี 1990 โลกจึงประสบความสำเร็จในการผลิตชุดตรวจครรภ์สำหรับใช้ที่บ้านในแบบที่เราคุ้นเคยกันทุกวันนี้

เลือกอ่านตามหัวข้อ

     • ความเป็นมาของที่ตรวจครรภ์ในอดีตจนถึงปัจจุบัน
     • วิธีตรวจครรภ์แบบโบราณของไทย
     • วิธีตรวจครรภ์แบบโบราณ มีอะไรบ้าง

สมัยนี้หากอยากรู้ว่าตั้งครรภ์ไหม แค่ซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ ก็รู้ผลภายในเวลาไม่กี่นาที ง่าย สะดวก และยังได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำอีกด้วย แต่...รู้ไหมว่า กว่าจะมีที่ตรวจครรภ์ให้เราใช้กันทุกวันนี้ คนในสมัยก่อน เขาตรวจครรภ์กันยังไง? เขาใช้อุปกรณ์อะไรในการบอกว่าท้องหรือไม่ท้อง? หรือคนในสมัยโบราณจะมีอุปกรณ์เฉพาะสำหรับตรวจครรภ์บ้างไหมนะ 

ความเป็นมาของที่ตรวจครรภ์ในอดีตจนถึงปัจจุบัน


คนในสมัยก่อนนั้น มีหลากหลายวิธีเลยทีเดียวค่ะที่จะใช้ในการตรวจครรภ์ ซึ่งต้องบอกไว้ก่อนนะคะว่าจะเอาเลนส์ของคนในสมัยนี้ไปตัดสินคนในสมัยก่อนไม่ได้ เพราะในสมัยนั้นไม่ได้มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเทียบเท่ากับในยุคเรา ดังนั้น วิธีการตรวจครรภ์ในยุคก่อน จึงอาจจะเรียกได้ว่าเป็นวิธีแบบตามมี ตามเกิด ตามความเข้าใจและบริบทของสังคมในสมัยนั้นค่ะ  

  • ย้อนกลับไปไกลหน่อย คือในสมัยอียุปต์โบราณมีการตรวจครรภ์โดยการปัสสาวะค่ะ ฟังดูเหมือนกับการตรวจครรภ์ในปัจจุบันเลยใช่ไหมคะ แต่สมัยก่อนมันล้ำกว่านั้นค่ะ เพราะผู้หญิงอียิปต์โบราณจะต้องปัสสาวะรดเมล็ดข้าวสาลีและเมล็ดข้าวบาร์เลย์ที่วางบนกระดาษปาปิรุส หากเมล็ดข้าวสาลีงอก แปลว่าได้ลูกสาว ถ้าเมล็ดข้าวบาร์เลย์งอก แปลว่าได้ลูกชาย แต่ถ้าไม่มีเมล็ดไหนงอกออกมาเลย แปลว่าไม่ได้ท้อง ให้ลองปั๊มลูกกันใหม่อีกที 
  • พอมาถึงยุคกลาง ก็ยังคงมีการใช้ปัสสาวะในการตรวจครรภ์เหมือนกันค่ะ แต่ไม่ต้องไปปัสสาวะรดเมล็ดข้าวกันแล้ว เพราะคนในสมัยยุคกลางล้ำกว่านั้น ด้วยการสังเกตเอาจากสีของปัสสาวะค่ะ โดยจะดูว่าตัวอย่างปัสสาวะนั้นสีเป็นอย่างไร หากมีสีซีดจาง ๆ คล้ายเลม่อน และมีก้อนขุ่น ๆ คล้ายเมฆลอยอยู่ด้านบน แปลว่าตั้งครรภ์ 
  • ในยุคศตวรรษที่ 19 ว่ากันว่าหากปัสสาวะมีการตกผลึกเป็นก้อน ก็แปลว่าตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงในยุคนี้มักจะเชื่อในสัญชาตญาณมากกว่า หากสังเกตว่าเริ่มมีอาการแปลกไป หรือมีอาการคล้ายแพ้ท้อง ก็แปลว่าโป๊ะเชะเข้าแล้ว 
  • ยุคปี 1890 ยังไม่มีที่ตรวจครรภ์เกิดขึ้น แต่โลกได้รู้จักกับ ฮอร์โมน เป็นครั้งแรก จาก เออร์เนสต์ สตาร์ลิ่ง ผู้เรียกสารเคมีี้ในร่างกายว่า “ฮอร์โมน” 
  • ระหว่างปี 1900-1970 หลังจากที่แวดวงวิทยาศาสตร์และการแพทย์รู้จักกับฮอร์โมนในร่างกาย ช่วงระหว่างนี้ก็เป็นเวลาที่เริ่มมีการค้นคว้าเกี่ยวกับฮอร์โมนมากขึ้น จนค้นพบการมีอยู่ของฮอร์โมนการตั้งครรภ์ หรือ HCG เป็นช่วงเวลาที่หนูและกระต่ายบนโลกต้องสูญเสียชีวิตไปกับการทดลองฉีดฮอร์โมนตั้งครรภ์เข้าสู่ร่างกายจำนวนมาก 
  • ปี 1970 หลังจากการสละชีวิตของหนูและกระต่ายแบบไม่เต็มใจและไม่รู้อิโหน่อิเหน่ โลกก็มีชุดตรวจครรภ์เกิดขึ้น โดยจะให้ผลลัพธ์ใน 2 ชั่วโมง ซึ่งจะทำการตรวจกันเฉพาะแค่ในห้องแล็บเท่านั้น 
  • ปี 1977 ชุดตรวจครรภ์แบบตรวจได้เองที่บ้านก็เริ่มออกวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา แต่รูปลักษณ์ของมันยังดูเหมือนกับอุปกรณ์ที่ใช้ในห้องแล็บอยู่ค่ะ เพียงแต่สามารถใช้งานที่บ้านได้อย่างสะดวก และเป็นส่วนตัวมากขึ้น 
  • จนกระทั่งในปี 1990 หลังจากคิดค้นและวิจัยกันอยู่นาน ก็มีการผลิตชุดตรวจครรภ์ที่มีลักษณะเป็นแท่งหน้าตาคล้ายกับที่เราใช้กันในปัจจุบันเกิดขึ้น มีแถบสีบอกชัดเจนว่าขีดแบบไหนท้อง ขีดแบบไหนไม่ท้อง 
  • ปี 2003 เป็นครั้งแรกที่มีที่ตรวจครรภ์แบบดิจิทัลเกิดขึ้น ซึ่งใช้งานง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้นไปอีก 

เรียกได้ว่า กว่าจะมาเป็นที่ตรวจครรภ์แบบที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ เราต้องสูญเสียเมล็ดข้าวสาลี เมล็ดข้าวบาร์เลย์ หนู กระต่าย และสัตว์ทดลองอีกหลายหมื่นชีวิตที่ต้องสูญเสียไปจนกระทั่งมนุษย์ได้ค้นพบ ค้นคว้า และสร้างที่ตรวจครรภ์ขึ้นมาจนสำเร็จ 

วิธีตรวจครรภ์แบบโบราณในตำราการผดุงครรภ์ของไทย 


สำหรับคนไทยเอง ก็มีวิวัฒนาการการตรวจครรภ์เช่นเดียวกันค่ะ โดยในสมัยโบราณนั้นจะมีตำราที่ใช้ในการผดุงครรภ์ เรียกว่า คัมภีร์ปฐมจินดา ที่ว่าด้วยโรคที่เกี่ยวกับสตรี มารดาและทารก หญิงมีครรภ์ก่อนคลอด  

อย่างในระยะเริ่มต้นนั้น การจะดูว่าใครท้องหรือไม่ท้อง จะมีการสังเกตดูว่า หญิงคนใดที่มีเส้นเอ็นสีเขียวปรากฎขึ้นที่หน้าอกอย่างชัดเจน หัวนมสีดำคล้ำขึ้น และมีเม็ดขึ้นรอบ ๆ หัวนม ก็ฟันธงได้เลยว่ากำลังตั้งท้อง 

หรือการจะดูว่าใครจะเสี่ยงแท้งบุตรหรือไม่แท้ง เช่น 

  • หญิงที่มักมากในกามราคะ จะแท้งบุตรเพราะธาตุไฟกำเริบ 
  • หญิงที่กินของเผ็ดร้อน หรือของแสลงที่ทำให้เกิดอาการลงท้องบ่อย ๆ จะทำให้แท้งได้เนื่องจากธาตุน้ำกำเริบ 
  • หญิงที่โมโหร้าย ชอบก่นด่า ทำร้ายร่างกายคนอื่น ทำร้ายตัวเอง จะทำให้ตกลูก เพราะถูกผู้อื่นกระทำรุนแรงกลับ 
  • หญิงที่ตั้งครรภ์แล้วจู่ ๆ ก็แท้งไป กล่าวกันว่าอาจเกิดจากแรงกระทำของภูติผีปีศาจ หรือถูกคุณไสย 

นอกจากนี้ยังอธิบายถึงการดูลักษณะของหญิงคนใดที่มีน้ำนมดี หรือน้ำนมไม่ดี มีการดูลักษณะของหญิงที่แท้งบุตร และกำลังทำแท้งบุตร รวมถึงมีหลักในการดูด้วยว่าหญิงคนใดที่มีน้ำนมดี และสามารถเป็นแม่นมได้ เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกจักรวาลการผดุงครรภ์เลยทีเดียวค่ะ 

ซึ่งตำรานี้ก็การมาเป็นหลักในการผดุงครรภ์แพทย์แผนไทย ที่จะต้องมีการอยู่ไฟหลังคลอด เพื่อให้มดลูกเข้าอู่ และบรรเทาอาการปวดมดลูก และยังมีการใช้สมุนำพรต่าง ๆ เพื่อช่วยให้แม่หลังคลอดฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย 

วิธีตรวจครรภ์แบบโบราณ ในอดีตมีวิธีไหนบ้าง


ในสมัยก่อนโน้น เนิ่นนานหลายร้อยหลายพันปี มนุษย์มีวิธีการตรวจครรภ์ที่แตกต่างกันไปหลายวิธีค่ะ ไม่ว่าจะเป็น 

  • ปัสสาวะรดเมล็ดข้าวที่อยู่บนกระดาษปาปิรุสของชาวอียิปต์โบราณ หากเมล็ดข้าวสาลีงอก แปลว่าได้ลูกสาว เมล็ดข้าวบลาร์เลย์งอก แปลว่าได้ลูกชาย แต่ถ้าไม่งอกเลยสักเมล็ด ก็แปลว่ายังไม่ท้อง 
  • ในยุคกลาง ผู้หญิงใช้บริการนักดูฉี่ โดยจะปัสสาวะแล้วส่งไปตรวจว่าปัสสาวะมีสีคล้ายเปลือกเลม่อน และมีก้อนขุ่น ๆ ลอยอยู่ด้านบนหรือไม่ ถ้าใช่แปลว่าท้อง 
  • นำหอมใหญ่ใส่ไว้ในช่องคลอด ถ้าเช้าวันต่อมามีกลิ่นลมหายใจเป็นกลิ่นหอม แปลว่าไม่ท้อง เพราะถ้าตั้งครรภ์จะต้องไม่มีกลิ่นหอมออกมา เนื่องจากทารกในครรภ์ได้บดบังไม่ให้กลิ่นเดินทางไปถึงลมหายใจที่จะออกทางปากได้ 
  • ตรวจโดยการฉีดปัสสาวะเข้าไปในหนู กระต่าย เพื่อดูปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไป หากสัตว์ทดลองมีอาการหื่นเกิดขึ้น แปลว่าปัสสาวะนั้นเป็นของหญิงตั้งครรภ์ 
  • ฉีดปัสสาวะคนท้องเข้าไปในกบ หากมีฮอร์โมนคนท้องในปัสสาวะนั้น กบก็จะวางไข่ 

ซึ่งแน่นอนว่าวิธีเหล่านี้ มนุษย์เราก็ลองผิดลองถูกนั่นแหละค่ะ เพราะแหล่งความรู้ของมนุษย์ในสมัยก่อนนั้นค่อนข้างจำกัด เนื่องจากไม่ได้มีเทคโนโลยีที่เอื้อต่อการศึกษาและค้นคว้าแบบในสมัยปัจจุบัน ก็คลำทางกันมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเราสามารถผลิตชุดตรวจครรภ์ออกมาวางขายอย่างที่เห็นกันทุกวันนี้ 

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่จะทำการตรวจครรภ์ด้วยวิธีเหล่านั้นหรอกค่ะ เพราะผู้หญิงเองก็มีสัญชาติญาณของผู้หญิง นั่นคือสังเกตจากประจำเดือนว่ามาปกติไหมหรือขาดไปกี่เดือน เริ่มมีอาการแปลก ๆ คล้ายกับอาการแพ้ท้องเกิดขึ้นไหม เพื่อสันนิษฐานการตั้งครรภ์

และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันนี้ที่วิธีเหล่านี้ไม่ได้มีความจำเป็นแล้ว เพราะที่ตรวจครรภ์นั้นสามารถเข้าถึงได้ง่าย ในราคาที่ไม่แพง และให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำมากกว่าการใช้วิธีแบบโบราณค่ะ



บทความแนะนำสำหรับการตรวจครรภ์

บทความที่แนะนำ

อาหารแก้แพ้ท้อง เลือกแบบไหนให้คลื่นไส้ อาเจียนลดลง
EFB banner
Mobile efb banner
EFB banner

Leaving page banner

 

Leaving page banner