
Enfa สรุปให้
- อาการท้องเสียขณะตั้งครรภ์ เป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ และไม่ส่งผลเสียต่อการตั้งครรภ์แต่อย่างใด หากไม่ได้มีภาวะขาดน้ำรุนแรง
- คนท้องท้องเสียควรจิบเกลือแร่บ่อย ๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานและสารอาหาร ทดแทนการสูญเสียน้ำของร่างกาย ลดความเสี่ยงของภาวะขาดน้ำ
- เกลือแร่ที่คนท้องควรกินคือเกลือแร่สำหรับอาการท้องเสีย หรือเกลือแร่ ORS ไม่ใช่เกลือแร่สำหรับนักกีฬาหรือเกลือแร่สำหรับผู้เสียเหงื่อ
เลือกอ่านตามหัวข้อ
เกลือแร่มีส่วนช่วยทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปในขณะที่ท้องเสีย คนที่มีอาการท้องเสียจึงควรจิบเกลือแร่สำหรับอาการท้องเสีย เพื่อรักษาความสมดุลของน้ำในร่างกายเอาไว้ แล้วถ้าหากคนท้องท้องเสียขึ้นมาล่ะ คนท้องกินเกลือแร่ได้ไหมนะ กินเกลือแร่ตอนท้องจะอันตรายหรือเปล่า?
คนท้องกินเกลือแร่ได้ไหม
คนท้องกินเกลือแร่ได้ไหม? คนท้องสามารถกินเกลือแร่ได้ค่ะ เกลือแร่ไม่ได้ส่งผลเสียรุนแรงต่อสุขภาพการตั้งครรภ์แต่อย่างใด ทั้งยังมีส่วนช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำในกรณีที่มีอาการท้องเสียรุนแรงอีกด้วย
แต่...เกลือแร่ที่ว่านี้ ควรจะต้องเป็นเกลือแร่สำหรับอาการท้องเสียนะคะ ไม่ใช่เกลือแร่สำหรับผู้ที่เสียเหงื่อจากการออกกำลังกาย เพราะเกลือแร่สำหรับออกกำลังกาย หากดื่มเข้าไปมาก ๆ อาจทำให้อาการท้องเสียแย่ลงได้ค่ะ
เกลือแร่คืออะไร? ทำไมจึงแนะนำให้คนท้องระวังการกินเกลือแร่
อาการท้องเสียในคนท้อง ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรง อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เกิดจากอาหารการกิน หรือเกิดจากการติดเชื้อไวรัสก็ได้เช่นกัน ซึ่งสิ่งที่จะช่วยให้อาการท้องเสียของคุณแม่ดีขึ้นก็คือการจิบเกลือแร่บ่อย ๆ นั่นเอง
เกลือแร่ คือ แร่ธาตุที่ช่วยเพิ่มพลังงาน แร่ธาตุ และสารอาหารในน้ำ ช่วยทดแทนการสูญเสียน้ำของร่างกายในช่วงที่มีอาการท้องเสียหรือท้องเสียรุนแรง
หากคุณแม่ที่กำลังตั้งท้องมีอาการท้องเสีย คนท้องกินเกลือแร่ได้ค่ะ แต่....ต้องระวังความสับสนของเกลือแร่ให้ดี เพราะเกลือแร่ที่แนะนำสำหรับอาการท้องเสีย คือเกลือแร่แก้ท้องเสีย ไม่ใช่เกลือแร่สำหรับผู้เสียเหงื่อจากการออกกำลังกาย ซึ่งเกลือแร่สำหรับทดแทนการเสียเหงื่อนั้น อาจกระตุ้นให้เกิดการท้องเสียได้ค่ะ
คนท้องกินสปอนเซอร์ได้ไหม? แล้วเกลือแร่ที่คนท้องทานได้มีอะไรบ้าง?
เกลือแร่สำหรับนักกีฬา (Oral Rehydration Therapy) หรือ ORT นั้น คนท้องไม่ควรดื่ม โดยเกลือแร่ที่คนท้องกินได้ คือเกลือแร่แก้ท้องเสีย (Oral Rehydration Salt) หรือ ORS มีสรรพคุณช่วยทดแทนการสูญเสียน้ำของร่างกายเนื่องจากอาการท้องเสีย ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะขาดน้ำได้
แม่ตั้งครรภ์ ท้องเสีย กินยาอะไรได้บ้าง
โดยมากแล้วอาการท้องเสียทั่วไปแพทย์จะไม่จ่ายยาให้ หากไม่ใช่กรณีที่มีอาการท้องเสียจากการติดเชื้อรุนแรง เพราะการขับถ่ายก็ถือเป็นการรักษาอาการท้องเสียตามธรรมชาติ การจิบน้ำและเกลือแร่บ่อย ๆ ก็ช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำได้
ส่วนในกรณีที่คุณแม่มีอาการติดเชื้อจนทำให้ท้องเสีย แพทย์อาจวินิจฉัยให้กินยาฆ่าเชื้อ หรือยาปฏิชีวนะในบางกรณี ซึ่งยาแก้ท้องเสียนั้นควรสั่งจ่ายโดยแพทย์ คุณแม่ไม่ควรกินยาหยุดถ่ายใด ๆ ด้วยตัวเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์นะคะ อาจเสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพได้
คนท้องท้องเสีย กินเกลือแร่ได้ไหม
คนท้องท้องเสียสามารถกินเกลือแร่ได้เลย พยายามจิบบ่อย ๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ แต่เกลือแร่ที่คนท้องทานได้นั้น คือ เกลือแร่แก้ท้องเสีย (Oral Rehydration Salt) หรือ ORS ไม่ใช่เกลือแร่สำหรับนักกีฬา (Oral Rehydration Therapy) หรือ ORT
คนท้องกินคาร์บอนได้ไหม
ยาคาร์บอน คนท้องกินได้ไหม? คนท้องสามารถกินยาผงถ่าน หรือผงคาร์บอนได้ค่ะ เนื่องจากตัวยาเหล่านี้จะไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย แต่สามารถดูดซับพิษในทางเดินอาหารได้ ช่วยให้อาการท้องอืด ท้องเสียดีขึ้นได้
คำแนะนำในสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์การรับประทานเกลือแร่
คุณแม่ที่มีอาการท้องเสียขณะตั้งครรภ์ สามารถดื่มเกลือแร่ได้ง่าย ๆ ดังนี้
- เทผงเกลือแร่ทั้งซิอง ละลายในน้ำสะอาดหรือน้ำต้มสุก 1 แก้ว
- ดื่มโดยการจิบทีละนิด ไม่ดื่มรวดเดียวหมด
- หลังจากละลายเกลือแร่แล้ว จะต้องดื่มให้หมดภายใน 24 ชั่วโมง หากเกินกว่านั้นไม่แนะนำให้ดื่มต่อ
- เกลือแร่ที่ใช้ดื่มจะต้องเป็นเกลือแร่สำหรับแก้อาการท้องเสีย หรือ เกลือแร่ ORS เท่านั้น ห้ามดื่มเกลือแร่สำหรับนักกีฬาโดยเด็ดขาด
- เกลือแร่ควรละลายกับน้ำเปล่า ไม่ควรละลายใส่น้ำผลไม้หรือนม
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจหรือไตทำงานปกติ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้เกลือแร่แก้ท้องเสีย
หากคุณแม่มีอาการท้องเสียรุนแรงที่เสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ หรือมีอาการของภาวะขาดน้ำ ให้รีบน้ำส่งโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์ทันที
อนาคตที่ดีที่สุดของลูก เริ่มต้นด้วยโภชนาการผ่านคุณแม่
เด็กจะเติบโตมาแข็งแรง มีสุขภาพดี ฉลาด มีไอคิวที่สมวัยได้ พื้นฐานต้องเริ่มมาจากอาหารการกินของคุณแม่ค่ะ
โดยกลุ่มสารอาหารสำคัญที่คุณแม่จะต้องได้รับอย่างเพียงพอตลอดการตั้งครรภ์ ได้แก่
- ดีเอชเอ ช่วยพัฒนาทางสมอง ดวงตา และระบบประสาท นอกจากนี้ยังอาจช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์บางอย่าง
- โปรตีน ดีต่อการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ ของทารกในครรภ์ อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างน้ำนมให้กับคุณแม่
- ธาตุเหล็ก ช่วยป้องกันภาวะโลหิตจางระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งถือเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของการคลอดทารกที่มีน้ำหนักแรกเกิดน้อยกว่าเกณฑ์ปกติ
- กรดโฟลิก หรือโฟเลต มีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาของระบบประสาทและสมอง หากคุณแม่ได้รับโฟเลตไม่เพียงพอ ก็อาจส่งผลให้ลูกน้อยเกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทได้
- แคลเซียม มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ป้องกันภาวะกระดูกพรุนทั้งแม่และทารก
- ไอโอดีน ป้องกันภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ในร่างกายผิดปกติ และนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เช่น โรคไทรอยด์ระหว่างตั้งครรภ์
- โคลีน มีส่วนสำคัญในการบำรุงระบบประสาทและสมอง ช่วยพัฒนาสมองของทารกในครรภ์ ลดความเสี่ยงของภาวะความบกพร่องที่ระบบท่อประสาทของทารกในครรภ์
- โอเมก้า 3 ช่วยเสริมสร้างและดูแลสุขภาพหัวใจ ระบบภูมิคุ้มกัน สมอง และดวงตา ลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าหลังคลอด และลดความเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนดและน้ำหนักแรกเกิดต่ำอีกด้วย
จะเห็นได้ว่าโภชนาการสำหรับแม่ตั้งครรภ์นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย เพราะถ้าหากได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ อาจเพิ่มความเสี่ยงที่อันตรายต่อทารกได้ตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่
อย่างไรก็ตาม หากคุณแม่ใส่ใจเรื่องอาหารการกินเป็นประจำทุกมื้อ ก็จะเป็นการปูพื้นฐานการมีสุขภาพดี มีสมองที่ดี ส่งเสริมให้ลูกพร้อมที่จะเติบโตอย่างสมวัย และก้าวไกลไปสู่อนาคตที่ดีอย่างมีคุณภาพได้ค่ะ