Enfa สรุปให้
เลือกอ่านตามหัวข้อ
เมนส์ไม่มากี่วันถึงท้อง? คำถามยอดฮิตที่ถามกันบ่อย ๆ เพราะอาการประจำเดือนขาด เป็นหนึ่งในสัญญาณสำคัญในระยะแรก ๆ ที่บอกว่าคุณแม่อาจจะกำลังตั้งครรภ์ แต่ประจำเดือนต้องไม่มากี่วัน ถึงจะสันนิษฐานได้ว่ามีการตั้งท้องเกิดขึ้น เรามาหาคำตอบกันค่ะ
เมนส์ไม่มากี่วันถึงท้อง ประจำเดือนขาดกี่วันท้อง คำตอบนั้นไม่สามารถฟันธงได้ในทันที แม้ค่อนข้างจะชัดเจนว่า อาการขาดประจำเดือน หรือประจำเดือนไม่มาหลังจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่คุมกำเนิดนั้น เป็นสัญญาณแรกสุดของการตั้งครรภ์ก็ตาม
และนอกจากนี้คุณแม่ก็อาจจะสงสัยต่อไปอีกว่า แล้วประจําเดือนไม่มากี่วันท้อง? ซึ่งจริง ๆ แล้วสิ่งนี้ก็ไม่สามารถฟันธงได้อีกเช่นกันว่าต้องขาดประจำเดือนกี่วันจึงจะท้อง
เนื่องจากผู้หญิงแต่ละคนมีรอบเดือนที่แตกต่างกัน บางคนมีรอบเดือนมาตรงกันอย่างสม่ำเสมอ ขาดเหลือไม่เกิน 2-3 วัน ขณะที่บางคนประจำเดือนมาไม่ปกติอยู่ตลอด ดังนั้น ระยะเวลาที่เมนส์ไม่มาแล้วรู้ตัวว่าท้องของแต่ละคนจึงไม่เหมือนกันค่ะ
อย่างไรก็ตาม หากพ้นไปจากกำหนดของการมีรอบเดือนตามปกติ หรือพ้นไปจากวันที่คาดว่ารอบเดือนจะมาช้าตามปกติแล้วประมาณ 2-3 วัน และประจำเดือนยังไม่มา ก็อาจเป็นไปได้ว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น ควรทดสอบด้วยการใช้ที่ตรวจครรภ์เพื่อตรวจเช็กดูว่ามีการตั้งครรภ์จริงหรือไม่
โดยทั่วไปแล้ว รอบเดือนของผู้หญิงจะอยู่ระหว่าง 21–35 วันค่ะ หากประจำเดือนหรือเมนส์จะมาช้าสุดกว่าปกติประมาณ 7 วัน (เช่น จากรอบปกติ 28 วัน เป็น 35 วัน) ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่จำเป็นต้องกังวลมากนัก แต่ถ้าเกิน 7 วันขึ้นไป หรือขาดไปทั้งเดือนโดยไม่มีสาเหตุชัดเจน อย่าง ความเครียดหรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุเพิ่มเติม เพราะอาจเกี่ยวข้องกับภาวะฮอร์โมนผิดปกติก็สามารถเกิดขึ้นได้ค่ะ
ความเครียดสามารถส่งผลต่อระบบฮอร์โมนในร่างกายได้ค่ะ โดยความเครียดของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน ร่างกายคนเราก็แตกต่างกัน ดังนั้น ระยะเวลาที่ประจำเดือนจะเลื่อนอันมีสาเหตุมาจากความเครียดนั้นจึงแตกต่างกัน อาจเป็น 2-3 วัน หรือ 1 สัปดาห์ก็ได้
การตรวจครรภ์ด้วยชุดตรวจปัสสาวะสามารถให้ผลลัพธ์ได้ตั้งแต่วันแรกที่ประจำเดือนขาดค่ะ แต่ความแม่นยำจะสูงขึ้นหากรอประมาณ 5–7 วันหลังจากขาดประจำเดือน เพราะระดับฮอร์โมน hCG จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หากเกิดการตั้งครรภ์จริง ดังนั้น หากตรวจหลังขาดไป 2 วันแล้วขึ้น 1 ขีด อาจยังเร็วเกินไป ควรตรวจซ้ำอีกครั้งในอีก 2–3 วันเพื่อความแน่ใจ
ประจำเดือนขาดไป 3 วัน แล้วชุดตรวจครรภ์ขึ้น 2 ขีด แสดงว่ามีโอกาสสูงมากที่จะตั้งครรภ์ เพราะฮอร์โมน hCG ที่ตรวจพบในปัสสาวะจะเริ่มปรากฏหลังจากไข่ที่ปฏิสนธิฝังตัวในมดลูกแล้วประมาณ 6–12 วัน ซึ่งมักจะตรงกับช่วงที่ประจำเดือนควรมา หากต้องการความแน่ใจ ควรไปพบแพทย์เพื่ออัลตราซาวด์หรือเจาะเลือดตรวจ hCG
มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ หากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงไข่ตกก่อนหน้านั้น โดยเฉพาะถ้าเป็นคนที่มีรอบเดือนสม่ำเสมอ การขาดประจำเดือน 5 วันอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ แต่ก็อาจเกิดจากปัจจัยอื่น เช่น ความเครียด การเปลี่ยนแปลงน้ำหนัก หรือการออกกำลังกายหนักเกินไป การตรวจครรภ์จะช่วยให้ทราบได้ชัดเจนมากขึ้น
หากตรวจครรภ์แล้วไม่พบการตั้งครรภ์หลังจากขาดประจำเดือนไป 7 วัน อาจหมายถึงร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนชั่วคราว หรือมีปัจจัยอื่นที่ทำให้รอบเดือนเลื่อน เช่น ความเครียด การอดอาหาร หรือการเปลี่ยนแปลงของกิจวัตรประจำวัน อย่างไรก็ตาม หากยังไม่มาในอีก 1–2 สัปดาห์ ควรตรวจซ้ำหรือปรึกษาแพทย์
การขาดประจำเดือนนานถึง 15 วันโดยไม่พบการตั้งครรภ์ อาจเป็นสัญญาณของภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ เช่น ภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (PCOS) หรือปัญหาต่อมไทรอยด์ ควรพบแพทย์เพื่อทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือดหรืออัลตราซาวด์ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง
หากประจำเดือนไม่มานานถึง 20 วัน และมีเพศสัมพันธ์ในช่วงก่อนหน้านั้น โอกาสตั้งครรภ์ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะถ้ายังไม่ได้ตรวจครรภ์ หรือเคยตรวจแล้วแต่เร็วเกินไป การตรวจซ้ำด้วยชุดตรวจครรภ์ หรือไปพบแพทย์เพื่อเจาะเลือดตรวจฮอร์โมน hCG จะให้ผลแม่นยำมากกว่า
คำถามยอดฮิตอย่าง ประจำเดือนไม่มา 1 เดือน จะท้องไหม หรือหลังมีเมนส์กี่วันถึงท้อง ปกติแล้วไม่จำเป็นต้องรอถึง 1 เดือน คุณแม่ก็น่าจะทราบว่าอาจมีการตั้งท้องเกิดขึ้นตั้งแต่ 2-3 วัน หรือช้าสุดคือ 7 วัน หลังจากวันที่ประจำเดือนควรจะมาตามกำหนด
อย่างไรก็ตาม คุณแม่หลาย ๆ คนมีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ส่วนนี้อาจจะรอสังเกตอาการขาดประจำเดือนเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องสังเกตอาการคนท้องอื่น ๆ ด้วย เช่น มีอาการแพ้ท้องหรือไม่ เพื่อสันนิษฐานในเบื้องต้นว่าอาจจะกำลังตั้งครรภ์
มากไปกว่านั้น หากคุณแม่กำลังสงสัยว่า ฉันกำลังตั้งครรภ์รึเปล่านะ หรือมีอาการอื่น ๆ ควบคู่ไปกับอาการขาดประจำเดือน ก็สามารถที่จะทำการตรวจครรภ์ได้เลย เพื่อทำการยืนยันว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นหรือไม่
ลักษณะของการมีประจำเดือน 2 ครั้งใน 1 เดือนนี้ เป็นไปได้ทั้ง 2 กรณี คือตั้งท้อง และไม่ตั้งท้อง
ก่อนที่เราจะคำนวนคร่าว ๆ ว่ารอบเดือนขาดกี่วันถึงท้อง คุณแม่ต้องเข้าใจวิธีการรนับรอบเดือนของตัวเองก่อน
โดยปกติแล้วผู้หญิงจะมีรอบเดือนทุก ๆ 28-29 วัน เวลาที่เราคำนวณหารอบเดือนครั้งถัดไป เราก็จะเริ่มนับจากวันแรกที่มีประจำเดือนเป็นวันที่ 1 และนับต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งประจำเดือนครั้งถัดไปมา
จากนั้นจึงเริ่มนับวันแรกของประจำเดือนรอบถัดไปที่มา เป็นวันที่ 1 อีกครั้ง และนับเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ในทุก ๆ เดือน
อย่างไรก็ตาม ร่างกายของผู้หญิงแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจเริ่มนับ 1 ใหม่ในทุก ๆ 28-29 วัน แต่บางคนอาจจะต้องนับ 1 ใหม่ ในทุก ๆ 35-40 วัน
ซึ่งหากพ้นไปจากกำหนดของการมีรอบเดือนตามปกติ หรือพ้นไปจากวันที่รอบเดือนจะมาช้าตามปกติแล้วประมาณ 2-3 วัน และประจำเดือนยังไม่มา ก็อาจเป็นไปได้ว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น ให้ลองทำการตรวจด้วยที่ตรวจครรภ์ หรือไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาการตั้งครรภ์
คุณแม่สามารถสังเกตอาการคนท้องอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น คัดตึงเต้านม อ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ ตกขาวมากกว่าปกติ ปัสสาวะบ่อย หรือมีอาการแพ้ท้อง ควบคู่ไปกับการขาดประจำเดือน หากมีอาการต่าง ๆ ร่วมด้วย ก็อาจเป็นไปได้ว่ากำลังตั้งครรภ์
แต่วิธีที่ดีที่สุดที่จะบอกได้ว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ ก็คือการตรวจครรภ์ ซึ่งหากพ้นไปจากกำหนดของการมีรอบเดือนตามปกติ หรือพ้นไปจากวันที่รอบเดือนจะมาช้าตามปกติแล้วประมาณ 2-3 วัน และประจำเดือนยังไม่มา คุณแม่ก็สามารถทำการตรวจครรภ์ได้เลยว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นหรือไม่
หากคุณแม่มีประจำเดือนมาตรงกันในทุก ๆ เดือนเป็นปกติอยู่แล้ว หากพ้นไปจากกำหนดของการมีรอบเดือนตามปกติ หรือพ้นไปจากวันที่รอบเดือนจะมาช้าตามปกติแล้วประมาณ 2-3 วัน และประจำเดือนยังไม่มา คุณแม่ก็สามารถทำการตรวจครรภ์ได้เลยว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นหรือไม่
ส่วนคุณแม่ที่ประจำเดือนมาไม่ค่อยปกติ 2-3 เดือนถึงจะมา อาจจะสงสัยว่า กรณีแบบนี้ควรตรวจครรภ์หลังประจําเดือนขาดกี่วัน ซึ่งแน่นอนว่า คนที่ประจำเดือนมาไม่ปกตินั้น เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่ามีการตั้งครรภ์เพียงใช้การสังเกตจากอาการขาดประจำเดือน
สำหรับกรณีนี้ คุณแม่อาจจะต้องอาศัยการสังเกตอาการคนท้องอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีอาการแพ้ท้องหรือไม่ ตกขาวมากกว่าปกติไหม ช่วงนี้อ่อนเพลียแปลก ๆ หรือเปล่า
อย่างไรก็ตาม วิธีที่น่าจะดีที่สุดสำหรับคุณแม่ที่ประจำเดือนไม่ค่อยรักดี ประจำเดือนมาไม่ค่อยปกติ ให้คุณแม่นับไปจากวันที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการคุมกำเนิดในวันที่คาดว่าจะมีการตกไข่ ไปประมาณ 10-14 วัน แล้วจึงทำการตรวจครรภ์
เพราะช่วงเวลาดังกล่าว เป็นจังหวะที่มีการปฏิสนธิเกิดขึ้น และมีการฝังตัวอ่อนลงในมดลูก และระยะเวลา 10-14 วันหลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่คุมกำเนิด ถือว่าเร็วที่สุดที่จะตรวจพบการตั้งครรภ์ได้
สุขภาพและพัฒนาการของลูกน้อยเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงที่อยู่ในครรภ์ การที่คุณแม่ได้รับสารอาหารครบถ้วนและเหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างสมอง ร่างกาย และภูมิคุ้มกันของลูกให้แข็งแรง การใส่ใจโภชนาการจึงเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตที่ดีที่สุดของลูก โดยในแต่ละวัน คุณแม่ควรเลือกอาหารที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งโปรตีน วิตามิน เกลือแร่ และกรดไขมันจำเป็น เช่น DHA โฟเลต และแคลเซียม ซึ่งล้วนมีบทบาทต่อการพัฒนาสมองและการเจริญเติบโตของทารก
ซึ่งนอกจากการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์เป็นประจำในทุกมื้อแล้ว คุณแม่ยังสามารถเสริมด้วยนมบำรุงครรภ์และให้นมบุตร เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ อาจเลือกดื่มนมเอนฟามาม่า เอพลัส วันละ 2 แก้ว เพื่อให้ร่างกายได้รับแคลเซียมและโคลีน ตามความต้องการของคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตรในแต่ละวัน (THAI DRI)
โภชนาการที่ดีไม่เพียงช่วยให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่แข็งแรง แต่ยังช่วยปกป้องคุณแม่จากภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เช่น โรคโลหิตจาง ความดันโลหิตสูง หรือเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เมื่อแม่สุขภาพดี ลูกก็จะได้รับการดูแลที่สมบูรณ์ไปพร้อมกัน ดังนั้น ทุกคำที่แม่เลือกกินในวันนี้ คือการวางรากฐานสู่อนาคตที่ดีที่สุดของลูกน้อยอย่างแท้จริง
โดยปกติทั่วไป หากตั้งครรภ์จริงชุดตรวจครรภ์จะขึ้น 2 ขีดหลังจาก ประจำเดือนขาดไปประมาณ 7 วันค่ะ เพราะฮอร์โมน hCG จะสูงพอให้ตรวจเจอได้ชัดเจนในช่วงนั้น หากตรวจแล้วไม่แน่ใจ ควรตรวจซ้ำในอีก 2–3 วัน เพื่อเช็คความแม่นยำอีกครั้ง
เป็นไปได้ทั้ง 2 กรณี คืออาจเป็นไปว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นจริง ๆ และก็อาจจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการตั้งครรภ์ แต่เป็นปัญหาสุขภาพมากกว่า ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดที่จะบอกได้ว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น ก็คือการตรวจครรภ์
บทความแนะนำสำหรับเตรียมพร้อมก่อนตั้งครรภ์
Enfa สรุปให้ ผู้หญิงอายุ 50 ปียังสามารถท้องได้ แต่โอกาสท้องเองตามธรรมชาติแทบจะน้อยมากแล้ว เพราะส...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ วิธีคุมกำเนิดแบบ “หน้า 7 หลัง 7” เป็นวิธีคุมกำเนิดแบบโบราณที่เกิดขึ้นมาก่อนจะมียาคุ...
อ่านต่อEnfa สรุปให้ ฉีดยาคุม 1 เดือน ท้องได้แต่มีโอกาสน้อยมาก หรือน้อยกว่า 1% โดยเฉพาะการฉีดยาตรงตามนั...
อ่านต่อ