ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก
เสียงไดร์เป่าผม

เสียงไดร์เป่าผม ช่วยให้ลูกหลับง่าย หลับนาน จริงหรือ?

Enfa สรุปให้

  • เสียงไดร์เป่าผม จัดว่าเป็น White Noise หรือ เสียง (บำบัด) สีขาว ที่ช่วยให้ผู้ฟังรู้สึกผ่อนคลาย สงบ สบาย หลับง่ายขึ้น เด็กหลายคนจึงชอบที่จะได้ฟังเสียงไดร์เป่าผม
  • แม้ว่าเสียงไดร์เป่าผมจะมีประโยชน์ช่วยให้เด็กผ่อนคลาย หยุดร้องไห้ แต่ก็ใช้ไม่ได้ผลกับเด็กทุกคน เพราะเด็กแต่ละคนก็มีเสียงที่ชอบแตกต่างกันออกไป
  • หากเปิดเสียงไดร์เป่าผมให้ทารกฟัง ระวังอย่าให้ดังเกิน 50 เดซิเบล เพราะถ้าดังเกินกว่านี้จะส่งผลให้ประสาทการได้ยินทารกถูกทำลาย มีปัญหาพัฒนาการล่าช้าตามมาได้

เลือกอ่านตามหัวข้อ

     • เสียงไดร์เป่าผม ช่วยให้ทารกหยุดร้องไห้ได้จริงไหม
     • White Noise คืออะไร ดีต่อทารกยังไง
     • ข้อควรรู้ก่อนเปิดไดร์เป่าผมกล่อมลูก

คุณพ่อคุณแม่รู้ไหมว่าทารกแต่ละคน มีเสียงโปรดเป็นของตัวเองด้วยนะ ซึ่งเสียงนั้นไม่ได้จำกัดแค่เพียงเสียงเพลงเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเสียงอะไรก็ได้ที่ทารกฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจ นอนหลับง่าย ถ้าร้องไห้ก็จะหยุดทันที โดยอาจจะเป็นเสียงที่เกิดจากเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างไดร์เป่าผมก็ได้ หรือจะเป็นเสียงเครื่องดูดฝุ่นก็มีเหมือนกัน 

เสียงไดร์เป่าผม ช่วยให้ทารกหยุดร้องไห้ได้จริงไหม


เสียงไดร์เป่าผม ช่วยให้ทารกหยุดร้องไห้ได้จริงค่ะ แต่...ใช้ไม่ได้กับเด็กทุกคน แต่เด็กบางคนที่ชอบฟังเสียงไดร์เป่าผม หากได้ยินก็จะรู้สึกผ่อนคลาย อบอุ่น สบายใจ หากได้ยินเสียงไดร์เป่าผมตอนกำลังร้องไห้อยู่ ก็อาจจะสะดุดหู แล้วฟัง และหยุดร้องไห้ได้ 

เมื่อได้ยินเสียงไดร์เป่าผม ทารก จะมีปฏิกิริยายังไงบ้าง 

เด็กแต่ละคนมีปฏิกิริยาต่อเสียงไดร์เป่าผมที่แตกต่างกันออกไป บางคนอาจจะตกใจ บางคนชอบใจ เพราะเด็กแต่ละคนชอบไม่เหมือนกันค่ะ แต่โดยมากแล้ว เด็กส่วนใหญ่จะมีปฏิกิริยาที่ผ่อนคลายลงเมื่อได้ยินเสียงไดร์เป่าผม

เนื่องจากเสียงไดร์เป่าผมจัดว่าเป็นหนึ่งใน White Noise หรือ เสียง (บำบัด) สีขาว ที่ช่วยให้เด็กรู้สึกสงบลงได้ค่ะ ทั้งยังมี่ส่วนช่วยให้ทารกเข้านอนได้ง่ายขึ้น หลับง่ายขึ้น และหลับได้นานขึ้นด้วยค่ะ

รู้จักกับ White Noise ที่มาของการใช้เสียงไดร์เป่าผมกล่อมทารก


จริง ๆ แล้วทารกไม่ได้เพิ่งจะมาเริ่มได้ยินเสียงต่าง ๆ ตอนคลอด แต่ทารกในครรภ์ได้ยินเสียงมาตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่ค่ะ ทั้งเสียงหัวใจแม่เต้น เสียงเลือดไหลเวียนในร่างกายแม่ รวมถึงเสียงต่าง ๆ ที่อยู่ภายนอก ทารกก็ได้ยินด้วย ทั้งเสียงอ่านหนังสือ เสียงพ่อแม่คุยกัน เสียงเพลง รวมไปถึงเสียงไดร์เป่าผมที่คุณแม่ใช้ด้วย 

White Noise หรือ เสียง (บำบัด) สีขาว จึงเป็นเสียงที่ช่วยให้ทารกรู้สึกเหมือนกับว่ายังอยู่ในท้องของแม่ ซึ่งเป็นสภาวะแวดล้อมที่สบาย อบอุ่น และปลอดภัย จึงทำให้เด็กรู้สึกผ่อนคลายลง สงบ หยุดร้องไห้ หรือนอนหลับได้ง่ายขึ้น 

เสียงไดร์เป่าผมทําให้หลับ ได้ผลกับผู้ใหญ่ด้วยหรือไม่ 

คนเราตอบสนองต่อเสียงแตกต่างกันไป เสียงไดร์เป่าผมที่ฟังแล้วหลับง่าย ผ่อนคลาย จึงอาจใช้ได้กับผู้ใหญ่บางคน แต่ก็ใช้ไม่ได้กับทุกคน เหมือนกับที่บางคนฟังเสียงฝนตกแล้วรู้สึกผ่อนคลาย หลับง่าย แต่บางคนฟังแล้วก็ไม่รู้สึกอะไร 

ก่อนใช้เสียงไดร์เป่าผมกล่อมลูก คุณพ่อคุณแม่ควรรู้อะไรบ้าง


เสียงไดร์เป่าผม สามารถช่วยให้ทารกผ่อนคลาย และหลับได้ง่ายก็จริง แต่ก็มีสิ่งที่ควรจะต้องรู้ก่อนที่จะนำเสียงไดร์เป่าผมมาใช้กล่อมลูก ไม่ว่าจะเป็น

  • เสียงไดร์เป่าผมในปัจจุบัน สามารถพบได้ในแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้ง Youtube หรือแม้แต่แอปพลิเคชันสำหรับเด็กก็มีเสียงไดร์เป่าผมให้โหลดมาเปิดฟัง คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเสียเวลาเปิดไดร์เป่าผมจริง ๆ นะคะ 
  • เสียงไดร์เป่าผมที่เปิดให้ทารกฟัง ไม่ควรจะดังเกินกว่า 50 เดซิเบล หากดังเกินกว่านั้น เสี่ยงที่จะทำลายประสาทการได้ยินของทารก และมีผลต่อพัฒนาการล่าช้าได้ 
  • ไม่ควรฝากชีวิตไว้กับเสียงไดร์เป่าผมเพียงอย่างเดียว ควรใช้วิธีอื่น ๆ ร่วมด้วย หรือพยายามพาลูกเข้านอนให้เป็นเวลา เพื่อให้ร่างกายจดจำเวลาการเข้านอนตามธรรมชาติ ซึ่งดีกว่าการที่ต้องเปิดเสียไดร์เป่าผมเพียงอย่างเดียว อาจทำให้เด็กติดจนกลายเป็นนิสัย และมีปัญหาการนอนหลับภายหลังได้หากไม่ได้ยินเสียงไดร์เป่าผม 
  • เสียงไดร์เป่าผม ใช้ไม่ได้กับเด็กทุกคน ดังนั้น ถ้าลองแล้วไม่ได้ผล ก็ไม่ต้องฝืนค่ะ หาเสียงใหม่ ๆ มาให้ลูกฟัง หรือใช้วิธีอื่น ๆ แทนได้ค่ะ 

1,000 วันแรกของชีวิตคือช่วงเวลาที่สมองลูกเติบโตสูงสุด

ช่วงเวลา 1,000 วันแรกของชีวิตลูกนั้น ถือว่าเป็นห้วงเวลาที่สำคัญมาก เนื่องจากเป็นช่วงที่สมองของลูกจะมีพัฒนาการสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเซลล์สมอง และการเชื่อมโยงระหว่างเซลล์สมอง ก่อให้เกิดโครงข่ายเส้นใยประสาทนับล้าน ที่ทำให้ลูกน้อยมีพัฒนาการด้านการเรียนรู้ และจดจำ 

หากคุณพ่อคุณแม่เริ่มดูแลลูกน้อยมาตั้งแต่วันแรก ก็จะเป็นการปูพื้นฐานความพร้อมเพื่อให้เด็กเติบโตและมีพัฒนาการที่สมวัยได้ โดยหนึ่งในพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยบำรุงสมองลูกน้อยให้พร้อมสำหรับการเติบโตและการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ก็คือโภชนาการที่เรียกว่า นมแม่ นั่นเองค่ะ 

เด็กควรจะต้องได้กินนมแม่เพียงอย่างเดียวต่อเนื่องอย่างน้อย 0-6 เดือนแรกของชีวิต เพราะในนมแม่มีทั้งสารอาหารและสารภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของทารก 

มากไปกว่านั้น ในนมแม่ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่าง MFGM มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างเส้นใยประสาท (Myelin Sheath) และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งสัญญาณประสาทเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง ช่วยให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเรียนรู้และจดจำได้ดียิ่งขึ้น



บทความแนะนำสำหรับคุณแม่ดูแลทารก

บทความที่แนะนำ

เช็กเลย! สีอุจจาระทารกแบบไหนปกติ และแบบไหนที่ผิดปกติ
how-to-clean-babys-belly-button
การเลี้ยงทารกแรกเกิด 1 เดือน พ่อแม่มือใหม่รับมือยังไงดี
EFB banner
Mobile efb banner
EFB banner

Leaving page banner

 

Leaving page banner