ถึงจะเตรียมใจมาดีแค่ไหน แต่เมื่อถึงช่วงที่รู้สึกมดลูกเริ่มบีบตัว ลูกน้อยจะออกมาจริงๆ แล้ว น้ําคร่ําไหล ออกมา สติที่เราคิดว่าจะมีก็ เริ่มคุมไม่อยู่ อาการเจ็บท้องหนักขึ้น เจ็บถี่มากขึ้น เป็นความรู้สึกเหมือน ช่วงเวลานี้จะอยู่กับเราตลอดไป แต่ถ้าฝึกหายใจเป็นจังหวะ นอกจากจะทําให้เรามีสติมากขึ้นยังช่วยให้เรา รับมือกับการคลอดได้ดีด้วย

สมัครเป็นสมาชิก Enfa Smart Club กับชมวันนี้ ลุ้นรับ MacBook Air

หญิงตั้งครรภ์หายใจออกกำลังกายใต้ต้นไม้

สูดออกซิเจนเพื่อผ่อนคลาย...

การหายใจเป็นจังหวะหรือเรียกว่า rhythmic breathing ช่วงที่กําลังจะ คลอดลูกช่วยให้ร่างกายคุณแม่ และเบบี่น้อยที่ยังไม่ออกมาได้รับ ออกซิเจนเพิ่มขึ้น และช่วยให้คุณแม่สงบนิ่งขึ้นมาได้บ้าง เพราะเป็น ธรรมดาที่พอเราอยู่ในภาวะเครียดและกลัว การหายใจจะถี่และหายใจ เร็วๆ เราจะห่อตัวยกไหล่ทําให้ปวด ตึงไปหมด แต่การหายใจแบบนี้ทําให้ ออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงไม่พอ ถ้าเป็นอย่างนี้นานๆ หลายชั่วโมงอาจรู้สึก เจ็บที่นิ้วเหมือนมีเข็มแทงและปากเริ่มชา

เวลาที่เราประหม่าตกใจเป็นปฏิกิริยาของร่างกายตอนเครียดจัดๆ แต่ตามธรรมชาติร่างกายไม่ได้พร้อมที่จะ อยู่ในสภาพแบบนี้นานๆ จะทําให้เพลีย จากนั้นคุณแม่ก็จะไม่มีแรงเบ่ง เพราะการเบ่งคลอดลูก ต้องใช้ พลังงานสูงมาก ดังนั้นเลยต้องฝึกการหายใจเอาไว้ให้เป็น สเต็ปตามนี้

  • ท่องคําว่า “ผ่อนคลาย”

    เลือกใช้คําที่มีสองพยางค์และบอกตัวเองไว้ในช่วงเวลาที่คิดอะไรไม่ออก หายใจเข้าก็ “ผ่อน” หายใจออกก็ "คลายยย” คล้ายๆ ตอนเรานั่งสมาธิแล้วท่อง "พุทโธ" เลย แต่ใช้ คําที่ช่วยเตือนตัวเองว่าอย่าเกร็งกล้ามเนื้อ อย่าสติแตก เดี๋ยวก็ผ่านไป แล้วเราจะโฟกัสกับการหายใจมากกว่าความเจ็บปวด

  • ใช้วิธีนับการหายใจ

    ถ้าไม่อยากทองคําไหน เวลาหายใจเข้า ให้นับ 1-3 ช้าๆ หายใจออกก็นับ 1-3 ช้า นอกจากทําให้เราหายใจช้าลง รับออกซิเจนเข้ามาแล้วยังทําให้ใจแน่วแน่อยู่ที่ตัวเลขแทน

  • หายใจเข้าทางจมูกแล้วหายใจออกทางปาก

    หายใจเข้าทางจมูกช้าๆ แล้วหายใจออกทางปาก ยาวๆ อาจจะออกเสียงช่วยออกมาเป็นเสียง “อู” หรือ “อา” เพราะช่วงเวลาก่อนคลอดของแต่ละ คนไม่เท่ากันอาจจะไม่นานหรืออาจนานหลายชั่วโมงก็ได้

เมื่อคุณแม่ใจนิ่งแล้วก็รอเวลาที่ปากมดลูกเปิดหมด รอทําตามคําแนะนําของคุณหมอและคุณพยาบาล ต่อไปในการคลอดได้เลย อดทนและ คิดไว้ว่าอีกไม่นานเราก็ได้พบกันแล้วนะลูกรัก!