ช่วง 3 ขวบปีแรกเป็นช่วงเวลาสำคัญของพัฒนาการเด็ก เพราะเป็นช่วงวัยที่สมองมีการพัฒนาสูงสุด การเรียนรู้จดจำ และทักษะชีวิตจำเป็นที่จะต้องติดตัวเด็กคนหนึ่งไปจนโต ต้องส่งเสริมอย่างตรงจุดตั้งแต่ช่วงวัย 0-3 ปี โดยเฉพาะทักษะการคิดเป็น คิดดี ทำดี สามารถพึ่งพาตัวเองเป็น และเอาตัวรอดในสังคมได้อย่างมีความสุข
สิ่งสำคัญคือการเข้าใจพัฒนาการตามวัยและพื้นอารมณ์ที่ติดตัวลูกมาตั้งแต่แรกเกิด เมื่อพ่อแม่เข้าใจและปรับวิธีการเลี้ยงดูอย่างเหมาะสมในทุกด้าน ทั้งอาหารที่ครบถ้วนโภชนาการ ส่งเสริมพัฒนาการตามวัย ให้ความรักและผูกพัน ให้ลูกรู้สึกว่า ‘แม่มีอยู่จริง’ ก็เท่ากับได้สร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้ลูก แม้ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงใดในอนาคตลูกเราก็สามารถรับมือและอยู่รอดได้ทุกสถานการณ์
วัยป่วนเด็ก 2-3 ขวบ
วัย 2-3 ขวบเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะปลูกฝังรากฐานที่แข็งแรงให้ลูกในทุกด้าน โดยเฉพาะสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม คือ การกระตุ้น ส่งเสริม และช่วยฝึกฝนพัฒนาการในแต่ละช่วงวัยของลูกอย่างถูกต้องเหมาะสม เพราะการที่จะให้ลูกเราเติบโตเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น เรียนรู้ที่จะเข้าสังคม สามารถเริ่มฝึกและสร้างได้ตั้งแต่วัยนี้
พัฒนาการลูก 2-3 ขวบ : นักตั้งคำถาม ชอบท้าท้าย
-
วิ่งได้คล่อง
-
ชี้อวัยวะของร่างกายได้
-
มือและนิ้วมือทำงานประสานกันได้ดี
-
ชอบวิ่ง กระโดด ปีนป่าย
-
โยนและเตะลูกบอลได้
-
สามารถเริ่มบอกรูปร่างและสีของสิ่งของได้
-
เรียนรู้ผ่านการตั้งคำถามบ่อยๆ
-
ชอบท้าท้ายความสามารถของตัวเอง
วัยป่วน Terrible Two แม่รับมือได้
เมื่อเข้าสู่วัย 2-3 ขวบ เจ้าหนูวัยป่วนจะอยากแสดงตัวตน ทดสอบความสามารถที่ตัวเองทำได้ และชอบท้าท้ายคำสั่ง ในช่วงวัยนี้การฝึกให้ลูกรู้จักควบคุมตัวเองอย่างเหมาะสมจึงสำคัญไม่แพ้การส่งเสริมพัฒนาการต่างๆ
สังเกตเมื่อเข้าลูกวัย Terrible Two
-
มักจะเดินหนี ชอบทำอะไรด้วยตัวเอง เพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นอิสระจากพ่อแม่
-
แสดงความไม่พอใจเมื่อถูกบังคับ
-
ช่างเลือก ไม่พอใจอะไรง่ายๆ
-
เริ่มมีความรู้สึกเป็นเจ้าของ เช่น หวงของ หรือแย่งของ
-
เรียกร้องและหวังผลต่อการตอบสนอง
-
ร้องกรี๊ด แสดงอาการเอาแต่ใจตัวเอง
-
ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เช่น ขว้างปาสิ่งของเมื่อเกิดอารมณ์โกรธ
5 วิธีรับมือ Terrible two อย่างได้ผล
-
1. เข้าใจที่มาของการปฏิเสธและสอนด้วยเหตุผล
หากลูกงอแง แม่ไม่ควรใช้อารมณ์ สอนด้วยเหตุผลควบคู่กับการตอบสนองต่อพฤติกรรมของลูกอย่างเหมาะสม เมื่อลูกเรียนรู้ว่าวิธีนี้ไม่ได้ผล เขาก็จะค่อยๆ เปลี่ยนพฤติกรรม
-
2. สะท้อนอารมณ์ลูก
แม่ต้องแสดงออกให้รู้ว่ายอมรับและเข้าใจอารมณ์ของลูก และสอนให้เขาเรียนรู้ว่า หนูกำลังรู้สึกอะไร เช่น โกรธ โมโห จากนั้นบอกวิธีการและขอบเขตที่สามารถแสดงออกได้ เช่น โกรธ โมโหได้ แต่ตีคนอื่นไม่ได้ เป็นต้น
-
3. ไม่เอาแต่ห้ามอย่างเดียว
ไม่เอาแต่ห้ามอย่างเดียว หากแน่ใจว่าสิ่งที่ลูกทำไม่มีอันตราย คุณแม่สามารถเปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้ได้ลองผิดลองถูก สร้างประสบการณ์ด้วยตัวเองบ้าง
-
4. เรียนรู้เรื่องความเป็นเจ้าของ
เช่น ของเล่นชิ้นไหนเป็นของใคร อยากเล่นต้องทำอย่างไร หรือสร้างกฎกติกาที่ตกลงร่วมกัน ให้เขามีส่วนร่วม เขาก็จะค่อยๆ เข้าใจและเรียนรู้ที่จะทำตามได้มากขึ้น
-
5. ทำซ้ำๆ และสม่ำเสมอ
ความสม่ำเสมอจะช่วยทำให้เกิดเป็นพฤติกรรมที่เคยชิน จนติดเป็นนิสัย สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น และมีพัฒนาการตามวัยที่ดีขึ้น
Tips เตรียมลูกพร้อมเข้าอนุบาล
เมื่อถึงวัยที่ลูกต้องไปโรงเรียนอนุบาล เรื่องสำคัญไม่ใช่แค่การเลือกโรงเรียนเท่านั้น แต่ต้องเตรียมลูกให้พร้อมทั้งกายและใจ ที่สำคัญพร้อมที่จะปรับตัวกับสังคมใหม่และเพื่อนใหม่เป็นครั้งแรกด้วย
-
ร่างกายต้องพร้อม
กินอาหารที่มีประโยชน์ ได้สารอาหารครบถ้วน นอนหลับพักผ่อนเพียงพอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย พร้อมต่อการเรียนรู้ที่โรงเรียน
-
ฝึกให้ลูกช่วยเหลือตัวเอง
เช่น กินข้าวได้ด้วยตนเอง บอกว่าปวดปัสสาวะหรืออุจจาระกับคุณครูได้
-
ฝึกให้รู้จักอดทนรอคอย
เพราะเวลาที่ลูกอยู่โรงเรียน อาจลูกจะไม่ได้รับการตอบสนองความต้องการทันทีเหมือนตอนอยู่บ้าน
-
ส่งเสริมทักษะการเข้าสังคม
เน้นการเปิดโอกาสให้ลูกมีโอกาสทำอะไรด้วยตัวเอง หรือได้เล่นกับเพื่อนที่หลากหลาย เรียนรู้การเล่นด้วยกัน เช่น แบ่งของเล่นให้เพื่อน เคารพกติกาที่มีร่วมกัน
10 กิจกรรมแสนง่ายๆ แต่ดีต่อพัฒนาการรอบด้าน
ลูกวัย 2-3 ขวบ นอกจากการส่งเสริมกิจกรรมที่พัฒนาทักษะทางด้านร่างกาย และการอยู่ร่วมกับคนอื่นแล้ว เรื่องของสมาธิจดจ่อ การสื่อสารที่ชัดเจน การช่วยเหลือผู้อื่น รวมถึงทักษะความคิดสร้างสรรค์ เพื่อทำไปใช้แก้ปัญหาในอนาคต ทักษะเหล่านี้จะติดตัวลูกไปจนโต หากเริ่มฝึกกันตั้งแต่ตอนนี้
-
เล่นกีฬา = พัฒนาการกล้ามเนื้อมัดใหญ่
-
ปีนป่าย ห้อยโหน ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ (โดยมีพ่อแม่ดูแลเรื่องความปลอดภัย)
-
ไถหรือปั่นจักรยานสามล้อ ได้ทั้งการทรงตัว สมาธิ และความแข็งแรงของแขนขา
-
-
ทำงานศิลปะ = ฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก เสริมความคิดสร้างสรรค์
-
แปะงานศิลปะ พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก ควบคู่กับการใช้มือสัมผัสทำประสานกัน
-
ช่วยพ่อแม่ประดิษฐ์ตุ๊กตาหุ่นมือ หุ่นนิ้วมือ ได้จินตนาการ และกล้ามเนื้อมัดเล็ก
-
-
คำถาม คำตอบ = รู้จักตัวตนและเข้าใจผู้อื่น
-
ชวนลูกตั้งถามและตอบทุกคำถามของลูก ต่อยอดทักษะการคิดและการสื่อสาร
-
บทบาทสมมติ เรียนรู้การแสดงอารมณ์และค้นหาตัวตน
-
-
สนุกเรียนรู้ = พัฒนาทักษะชีวิต
-
งานบ้านเรื่องสนุก ได้พัฒนาการรอบได้
-
เล่นดิน เล่นทราย (Free Play)
-
-
พบปะและมีกิจกรรมร่วมกับผู้คน =พัฒนาการด้านสังคม
-
การได้พบปะผู้คน หรือมีกิจกรรมร่วมกับผู้คน โดยพ่อแม่เป็นแบบอย่างในการปฏิบัติตัว
-
เรียนรู้ขอบเขตที่เหมาะสม
-
กิจกรรมที่ส่งเสริม 4 ทักษะพื้นฐานจำเป็นให้ลูก
-
เล่นเกมหาของ
ใช้ของเล่น หรือของใช้ที่ลูกคุ้นเคยมาใส่กล่อง แล้วกำหนดโจทย์ให้ลูกหาของตามภาพ หรือ ตามสีที่กำหนด แม่ลูกสามารถสลับกันเล่นและสลับกันตั้งโจทย์ได้
-
วาดรูปจากนิทาน
ระหว่างเล่านิทานให้ลูกฟัง ชวนให้ลูกตั้งคำถามและฟังนิทานด้วยความจดจ่อมากขึ้น และให้ชี้รูปสิ่งที่ชอบมากที่สุดในเรื่อง โดยไม่ต้องชี้นำลูก ช่วยฝึกให้ลูกมีความคิดสร้างสรรค์ ใช้จินตนาการอย่างอิสระ
ตรวจสอบข้อมูลโดย : รศ.นพ.พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์
กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการและพฤติกรรม
รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช