นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เอนฟาสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนไปจนถึง 2 ปี หรือนานกว่าตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

ลูกร้องเหมือนจะขาดใจ ลูกร้องแล้วเกร็ง อันตรายไหม

Enfa สรุปให้

  • ลูกร้องเหมือนจะขาดใจ ลูกร้องแล้วเกร็ง หรือเรียกว่าลูกร้องกลั้น มักจะไม่เป็นอันตรายและเกิดขึ้นในระหว่างการพัฒนาการทางร่างกายและอารมณ์ของทารก ซึ่งเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ และหายไปเองเมื่อทารกโตขึ้น
  • ลูก 1 เดือนร้องกลั้น มักเกิดจากการตอบสนองทางอารมณ์ เช่น การหงุดหงิด ความกลัว หรือความไม่สบายตัว ซึ่งโดยทั่วไปไม่เป็นอันตรายหากดูแลอย่างเหมาะสม
  • เมื่อลูกร้องเหมือนจะขาดใจ ลูกร้องแล้วเกร็ง หรือลูก 1 เดือนร้องกลั้น สิ่งแรกที่พ่อแม่ควรทำคือตั้งสติ อย่าตกใจ และค่อย ๆ กอดและปลอบโยนลูกให้สงบลง

เลือกอ่านตามหัวข้อ

การที่ลูกร้องไห้เป็นเรื่องปกติที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนพบเจออยู่บ่อยครั้ง แต่เมื่อไรที่ลูกร้องเหมือนจะขาดใจ ลูกร้องแล้วเกร็ง หรือมีอาการร้องกลั้น อาจไม่ใช่เรื่องปกติและอาจทำให้วิตกกังวลว่าลูกเป็นอะไร โดยเฉพาะในทารกที่ยังไม่สามารถสื่อสารได้ดีนัก

บทความนี้ Enfa จะพามาหาคำตอบเกี่ยวกับการร้องไห้ของลูก ลูกร้องเหมือนจะขาดใจเป็นอย่างไร ลูกร้องแล้วเกร็งควรดูแลอย่างไร เด็กร้องกลั้นหรือลูก 1 เดือนร้องกลั้นต้องทำยังไง พร้อมคำแนะนำในการดูแลลูกในช่วงเวลาดังกล่าว

ทารกร้องกลั้น อันตรายไหม

ทารกร้องกลั้น ลูกร้องเหมือนจะขาดใจ คือ การที่ทารกพยายามหายใจหรือตะโกนในขณะร้องไห้จนเสียงไม่ออกหรือดูเหมือนจะหยุดหายใจชั่วขณะ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี ทำให้มีอาการใบหน้าเขียว ทำให้คุณพ่อคุณแม่ตกใจได้ไม่น้อย

เด็กร้องกลั้นอันตรายไหม การที่ทารกร้องกลั้นในบางครั้งอาจทำให้ทารกรู้สึกเหนื่อยหรือเกิดความเครียด หรือความรู้สึกบางอย่าง เช่น ความหิว ความเจ็บปวด หรือความตกใจ แต่โดยปกติแล้วจะไม่ทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงและจะหายไปเองเมื่อทารกเติบโตขึ้นและสามารถควบคุมการหายใจได้ดีขึ้น 

ในบางกรณีที่ทารกร้องกลั้นบ่อย ๆ หรือใช้เวลานานเกินไป อาจทำให้เกิดอาการช็อกเล็กน้อยหรือใบหน้าเขียว เนื่องจากการขาดออกซิเจนชั่วคราว แต่จะไม่ทำให้เกิดความเสียหายถาวร ดังนั้นจึงไม่ต้องตกใจ สามารถใช้การปลอบประโลมให้ลูกสบายใจขึ้นได้

ลูกร้องกลั้น เกิดจากอะไร

คุณพ่อคุณแม่อาจพบว่าลูกชอบร้องกลั้น หรือมีอาการร้องกลั้นบ่อย ๆ  ซึ่งเป็นเรื่องปกติของทารก เนื่องจากยังไม่สามารถสื่อสารความต้องการด้วยวิธีอื่นได้ ทำให้ทุก ๆ อารมณ์ความรู้สึกของทารกแสดงออกผ่านการร้องไห้ คุณพ่อคุณแม่จึงควรสังเกตการร้องไห้ของลูกเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และแก้ปัญหาหรือรับมือได้ถูกวิธี

ลูกร้องกลั้นเกิดจากหลายสาเหตุที่ทำให้ทารกเกิดความเครียดหรือไม่สบายใจ เช่น 

  • ความเครียดหรืออารมณ์โกรธ เมื่อทารกรู้สึกโกรธหรือหงุดหงิด เช่น เมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการ หรือเมื่อพยายามสื่อสารสิ่งที่ต้องการแต่ไม่สามารถทำได้
  • การงอแงหรือไม่พอใจ ทารกบางคนอาจร้องกลั้นเมื่อรู้สึกไม่พอใจหรือเมื่อได้รับการปฏิเสธจากพ่อแม่ เช่น เมื่อไม่สามารถเล่นสิ่งที่ชอบได้ หรือถูกปฏิเสธสิ่งของที่ต้องการ
  • ปวดท้องหรือไม่สบาย หากทารกมีอาการปวดท้อง ท้องอืด หรือป่วย อาจทำให้ทารกร้องกลั้นเนื่องจากรู้สึกไม่สบายหรือเจ็บปวด
  • ทารกต้องการความสนใจ บางครั้งทารกร้องกลั้นเพื่อเรียกร้องความสนใจจากพ่อแม่หรือผู้ดูแล เมื่อทารกต้องการการปลอบโยนหรือการดูแล
  • เกิดจากการพัฒนาเรื่องการควบคุมร่างกาย เนื่องจากในช่วงนี้ ทารกยังไม่ได้เรียนรู้วิธีควบคุมร่างกายและการหายใจอย่างเต็มที่ การร้องกลั้นอาจเกิดขึ้นเมื่อพยายามใช้แรงร้องไห้หรือไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้เช่นกัน

ลูกร้องกลั้น สังเกตอย่างไร

การร้องกลั้นคือการแสดงอารมณ์ของลูกแบบหนึ่ง เช่น เมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการ เมื่อต้องการให้พ่อแม่สนใจ โกรธหรือหงุดหงิด และบางครั้งมาจากอาการเจ็บป่วย เช่น ท้องอืด ปวดท้อง ดังนั้นการสังเกตอาการลูกร้องกลั้นควรสังเกตจากอาการและพฤติกรรมที่แสดงออกขณะร้องไห้ ดังนี้

  • หยุดหายใจชั่วขณะ เนื่องจากทารกร้องไห้และหายใจลำบาก หรือหยุดหายใจชั่วขณะในขณะที่ร้องไห้
  • ใบหน้าหรือผิวหนังเปลี่ยนสี โดยเมื่อทารกร้องกลั้นอาจเห็นว่าใบหน้าของทารกเปลี่ยนสีเป็นสีม่วงหรือเขียวเล็กน้อยจากการขาดออกซิเจนชั่วขณะ
  • มีการหายใจเร็วหรือหอบ หลังจากที่ทารกหยุดร้องกลั้นไปแล้ว มักจะมีการหายใจเร็วหรือหอบจนไม่สามารถหายใจได้ตามปกติ
  • การขยับปากและคอ หรือมีอาการเหมือนพยายามหายใจ ทำให้ดูเหมือนว่ามีความเครียดที่ใบหน้า
  • ร้องไห้เสียงเบา บางครั้งทารกอาจร้องไห้เสียงเบาหรือเหมือนจะหยุดร้องไปสักครู่ก่อนที่หายใจได้ตามปกติ

ลูกร้องกลั้นเหมือนไม่เป็นอันตรายอะไรนักและใช้เวลาสั้น ๆ ก่อนที่จะกลับมาเป็นปกติ แต่ทั้งนี้ มีสัญญาณที่ควรระวังเช่นกัน โดยคุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตความผิดปกติขณะลูกร้องกลั้น เช่น การหยุดหายใจเป็นเวลานาน

การเปลี่ยนสีของร่างกายมากเกินไป หรือดูซึม หายใจลำบากหลังจากร้องกลั้น ควรพบไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม

ลูกร้องแล้วเกร็ง คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลอย่างไร

เมื่อทารกร้องแล้วเกร็งหรือบางครั้งเรียกว่าร้องกลั้น คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องตกใจหรือกังวลใจมากเกินไป เพราะอาการนี้มักจะไม่เป็นอันตรายและเกิดขึ้นในระหว่างการพัฒนาการทางร่างกายและอารมณ์ของทารก ซึ่งเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ และจะหายไปเองเมื่อทารกโตขึ้น เมื่อเด็กร้องกลั้นต้องทำยังไงนั้น คุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลให้เหมาะสมได้ ดังนี้

  • ไม่ต้องตกใจ การร้องแล้วเกร็งเป็นอาการที่พบได้บ่อยในทารกและมักจะหายไปเมื่อพัฒนาการของทารกดีขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องไม่ตกใจและให้ความสงบเพื่อช่วยให้ทารกรู้สึกปลอดภัย
  • ปลอบโยนทารก โดยลองอุ้มทารกเบา ๆ หรือพูดปลอบเพื่อให้ทารกรู้สึกสงบ การสัมผัสอาจช่วยให้ทารกรู้สึกปลอดภัยและผ่อนคลายขึ้นได้
    คุณพ่อคุณแม่ควรหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อผ่อนคลายและไม่ให้ตกใจ อาการของทารกจะดีขึ้นได้เมื่อคุณพ่อคุณแม่มีความสงบ
  • ให้ความอบอุ่นด้วยการอุ้มหรือห่มผ้า หากลูกร้องแล้วเกร็งเนื่องจากรู้สึกไม่สบายหรือต้องการความอบอุ่น การอุ้มทารกหรือการห่มผ้าก็อาจช่วยให้ทารกรู้สึกดีขึ้นได้
  • หาสาเหตุที่ทารกร้อง บางครั้งการร้องอาจเกิดจากความหิว อ่อนเพลีย หรือไม่สบาย อาจลองตรวจสอบว่าทารกมีสาเหตุเหล่านี้หรือไม่ และให้การดูแลตามความเหมาะสม
  • ติดตามสังเกตอาการ หากทารกยังคงร้องแล้วเกร็ง ลูกร้องกลั้นตัวเขียว หรือมีอาการผิดปกติ เช่น สีผิวเปลี่ยนเป็นสีม่วงหรือเขียว ทารกหายใจลำบาก ควรรีบพาทารกไปพบแพทย์

การที่ลูกร้องเหมือนจะขาดใจหรือลูกร้องแล้วเกร็งเป็นพฤติกรรมที่มักจะไม่เป็นอันตรายและจะหายไปตามการพัฒนาการของทารกเอง คุณพ่อคุณแม่ควรใจเย็น ปลอบโยนทารก และสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากมีอาการผิดปกติที่ไม่หายไป ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง

@enfasmartclub ฟังเทคนิคดี ๆ จากคุณหมอถึงวิธีการรับมือ และสำหรับแม่ ๆ ที่สงสัยว่าทำไมลูกร้องไห้บ่อย มาฟังคำตอบในคลิปนี้ได้เลย 🔵 หากลูกร้องไห้บ่อยอาจส่งผลต่อพัฒนาการของลูกน้อยได้ สาเหตุหนึ่งของการร้องไห้อาจเกิดจากอาการไม่สบายท้อง คุณแม่ควรให้ความสำคัญกับโภชนาการของลูก เพราะระบบย่อยอาหารที่ดี จะช่วยให้เค้ามีพัฒนาการที่ก้าวล้ำ และเตรียมพร้อมสำหรับวัยเข้าเรียนและในอนาคต . #enfasmartclub #tiktokuni #เลี้ยงลูก #เริ่มต้นดีเริ่มที่1000วันแรกกับเอนฟา #MFGMเพื่อ5ปีที่เหนือกว่า ♬ เสียงต้นฉบับ - Enfagrow Thailand

 

 

ลูก 1 เดือนร้องกลั้น รับมืออย่างไร

ลูก 1 เดือนร้องกลั้น รับมืออย่างไร ไม่ใช่เรื่องยากค่ะ เพราะพฤติกรรมนี้มักเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการในช่วงวัยแรกเกิด โดยเกิดจากการตอบสนองทางอารมณ์ เช่น การหงุดหงิด ความกลัว หรือความไม่สบายตัว ซึ่งโดยทั่วไปไม่เป็นอันตรายหากดูแลอย่างเหมาะสม หากคุณพ่อคุณแม่มือใหม่เจออาการทารกร้องไห้กลั้น ควรตั้งสติและสงบอารมณ์ อย่าตื่นตกใจ แล้วปฏิบัติดังนี้

  1. สังเกตและปลอบโยนลูก โดยอุ้มลูกในท่าที่สบายทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัย และลูบหลังลูกเบา ๆ ช่วยให้ลูกผ่อนคลาย อาจพูดคุยหรือร้องเพลงปลอบโยนไปด้วย
  2. กระตุ้นให้ลูกกลับมาหายใจ เมื่อทารกร้องไห้กลั้นหายใจ ให้คุณพ่อคุณแม่เป่าลมเบา ๆ ที่ใบหน้าของลูก หรือแตะน้ำเย็นที่ปลายนิ้วเบา ๆ เพื่อกระตุ้นระบบประสาท ให้ลูกกลับมาหายใจปกติ
  3. ตรวจสอบสาเหตุ การที่ลูก 1 เดือนร้องกลั้น หรือลูกร้องเหมือนจะขาดใจนี้อาจเพราะความหิว ความง่วง หรือความไม่สบายตัว ให้ลองตรวจสอบว่า ผ้าอ้อมเปียกหรือไม่ อุณหภูมิห้องเหมาะสมหรือไม่ ลูกหิวหรืออยากนอน
  4. อย่าปล่อยให้ลูกร้องกลั้นบ่อย ควรหาสาเหตุที่แท้จริง เช่น ความเครียด หรือสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ไม่สบายใจ หมั่นสังเกตและบันทึกอาการเพื่อช่วยอธิบายให้แพทย์ฟังในกรณีที่จำเป็น

ทั้งนี้ หากพบว่าลูก 1 เดือนร้องกลั้นและหยุดหายใจนานเกิน 20 วินาที หรือเป็นบ่อย หรือสีผิวลูกเปลี่ยนเป็นม่วง น้ำเงิน หรือซีดเป็นเวลานาน ลูกมีอาการซึม หรือผิดปกติอื่น เช่น ไม่มีแรง ตัวอ่อนปวกเปียก ควรรีบพาไปพบแพทย์

นมแม่ที่มี MFGM เพื่อ IQ และทักษะสมองเพื่อความสำเร็จ EF ที่เหนือกว่าMFGM

คุณพ่อคุณแม่รู้ไหมคะว่า เด็กจะมีพัฒนาการ IQ และ EF ที่เหนือกว่าตั้งแต่ยังเล็กได้นั้น นอกจากการฝึกฝน เลี้ยงดู และอบรมสั่งสอนแล้ว การใส่ใจกับโภชนาการตั้งแต่ลูกยังเล็ก โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีแรกของชีวิตนั้น ถือว่าเป็นการปูพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งจะช่วยให้ลูกพร้อมเติบโตมาเป็นเด็กที่ทั้งฉลาดทางความคิดและฉลาดทางอารมณ์

โดยโภชนาการที่สำคัญที่ลูกน้อยควรได้รับก็คือนมแม่ เพราะในนมแม่มีสารอาหารอย่าง MFGM หนึ่งเดียวที่มีงานวิจัยรองรับว่า* ช่วยให้มี IQ และ EF ที่เหนือกว่าตั้งแต่ 5 ขวบปีแรก ให้ลูกพร้อมกว่าเมื่อถึงวัยเข้าเรียน โดย MFGM ในนมแม่ ประกอบไปด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิด เช่น สฟิงโกไมอีลิน ฟอสโฟลิปิด แกงกลิโอไซต์ ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีส่วนช่วยสำคัญต่อการเสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองและการเรียนรู้

*สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีและศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย. นมแม่กับการพัฒนาทักษะสมองส่วน Executive Function. 2561

 

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่และลูกน้อย

* นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก
Enfa Smart Club สนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่าง
เดียวอย่างน้อย 6 เดือนและให้นมแม่ควบคู่อาหารตามวัยอีก 2 ปี หรือนานกว่านั้น ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO)
Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

คุณกำลังเข้าถึงเนื้อหาจากผู้ให้บริการภายนอกเกี่ยวกับการซื้อหรือ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท มี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน (ประเทศไทย) จำกัด​

กรุณากดยืนยันเพื่อดำเนินการต่อ

Line TH
Cart TH Join Enfamama