นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก เอนฟาสนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 6 เดือนไปจนถึง 2 ปี หรือนานกว่าตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

ลูกไอมีเสมหะ วิธีแก้ เมื่อลูกมีเสมหะ หายใจครืดคราด ไม่มีไข้

Enfa สรุปให้

  • ลูกมีเสมหะ หายใจครืดคราด ไม่มีไข้ อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น มีเสมหะค้างในลำคอหรือโพรงจมูกลูก ลูกเป็นภูมิแพ้หรือจมูกอักเสบ หรือลูกอาจติดเชื้อไวรัสเล็กน้อย
  • ทารกมีเสมหะ และหายใจครืดคราด ไม่ได้อันตรายเสมอไป หากลูกยังกินนมได้ปกติ ไม่มีไข้ ตัวไม่ร้อน ไม่หอบเหนื่อยหรือซึม สามารถดูแลที่บ้านได้
  • ลูกไอมีเสมหะ วิธีแก้คือช่วยล้างจมูกให้ลูกหายใจคล่องขึ้น ให้ลูกดื่มนมหรือน้ำบ่อยๆ เพื่อละลายเสมหะ จัดให้ให้ลูกนอนศีรษะสูงในห้องที่อากาศถ่ายเทดี และหลีกเลี่ยงฝุ่นควันต่างๆ

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

ลูกมีเสมหะ หายใจครืดคราด ไม่มีไข้ เกิดจากอะไร 

ลูกมีเสมหะ หายใจครืดคราด แต่ไม่มีไข้ อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

  • มีเสมหะค้างในลำคอหรือโพรงจมูก ลูกไอมีเสมหะ ไม่มีไข้ อาจเป็นเพราะทารกและเด็กเล็กยังไม่สามารถขากเสมหะออกได้เอง ทำให้คุณแม่อาจได้ยินทารกหายใจครืดคราด
  • ภูมิแพ้หรือจมูกอักเสบ ลูกน้อยอาจมีน้ำมูกหรือเสมหะจากการระคายเคือง เช่น ฝุ่น, อากาศแห้ง
  • ติดเชื้อไวรัสเล็กน้อย แม้ว่าลูกจะไม่มีไข้ แต่ร่างกายอาจผลิตเสมหะในทางเดินหายใจมากขึ้นได้

 

ทารกมีเสมหะ หายใจครืดคราด อันตรายไหม 

ทารกมีเสมหะ และหายใจครืดคราด ไม่ได้อันตรายเสมอไปค่ะ แต่เมื่อคุณแม่สังเกตเห็นทารกไอ มีเสมหะ ไม่มีไข้ ควรคอยดูอาการอย่างใกล้ชิด เพราะในเด็กเล็ก ระบบหายใจยังไม่ได้พัฒนาสมบูรณ์เท่าผู้ใหญ่ ทำให้สิ่งเล็กน้อยที่ผู้ใหญ่ทนได้ จะส่งผลมากกว่ากับเด็กค่ะ 

หากลูกน้อยหายใจมีเสียงครืดคราดจากเสมหะหรือน้ำมูกค้าง แต่ยังดูดนมได้ปกติ ไม่มีไข้ ตัวไม่ร้อน ไม่หอบเหนื่อยหรือซึม ถือเป็นอาการไม่รุนแรงและมักไม่อันตรายค่ะ

แต่หากทารกหายใจแรง หายใจเร็ว เห็นหน้าอกบุ๋มเวลาหายใจ ริมฝีปากหรือปลายมือปลายเท้าเขียว ดูดนมไม่ได้ สำลักนมบ่อย อาเจียนมาก หรือทารกซึม มีไข้สูง ไม่ค่อยตอบสนอง ถือเป็นสัญญาณของอาการที่รุนแรงขึ้น คุณพ่อคุณแม่ควรรีบพาลูกน้อยไปโรงพยาบาลทันทีค่ะ

 

ลูกมีเสมหะ หายใจครืดคราด อาการ

อาการที่มักพบเวลาลูกหายใจครืดคราด มีเสมหะ มีดังนี้ค่ะ

  • มีเสียงครืดคราดเวลาหายใจ โดยเฉพาะตอนนอนราบ
  • ไอ และพยายามขับเสมหะออก
  • บางรายอาจมีน้ำมูกไหลหรือคัดจมูก
  • ดูดนม/กินนมช้าลง เพราะหายใจไม่สะดวก
  • ทารกนอนบิดตัว นอนกระสับกระส่าย ตื่นบ่อยเพราะอึดอัด
  • ถ้าจมูกอุดตันมาก ทารกอาจหายใจทางปาก 

 

ลูกไอมีเสมหะ วิธีแก้

เมื่อทารกไอมีเสมหะ วิธีแก้เบื้องต้นที่คุณพ่อคุณแม่ทำได้ มีดังนี้ค่ะ

  • ล้างจมูกทารกด้วยน้ำเกลือ (0.9% NSS) แล้วดูดน้ำมูกออกเบา ๆ จะช่วยให้หายใจโล่งและเสมหะลดลง
  • จัดท่าให้ลูกนอนศีรษะสูงเล็กน้อย โดยใช้หมอนหนุน หรืออุ้มในท่านั่ง เพื่อช่วยให้หายใจสะดวก
  • ให้ลูกดื่มนมหรือน้ำบ่อยๆ เพื่อช่วยละลายเสมหะ
  • จัดให้ลูกอยู่ในห้องที่อากาศถ่ายเทดี และมีความชื้นพอเหมาะ (ถ้าอากาศแห้ง คุณแม่สามารถใช้เครื่องทำความชื้นช่วยได้)
  • หลีกเลี่ยงฝุ่น ควันบุหรี่ และกลิ่นแรงๆ เพราะจะทำให้อาการแย่ลง

ทั้งหมดนี้เป็นวิธีบรรเทาอาการไอของลูกน้อยที่คุณพ่อคุณแม่ทำได้ที่บ้านค่ะ แต่หากลูกเริ่มมีอาการต่อไปนี้ ควรรีบไปโรงพยาบาลเพื่อให้คุณหมอดูแล เพราะถือเป็นสัญญาณของอาการที่รุนแรงมากขึ้นค่ะ

  • ไอมากจนกินนมหรืออาหารไม่ไหว
  • มีอาการหอบ เหนื่อย หน้าอกบุ๋ม หรือหายใจเสียงดังผิดปกติ
  • มีไข้สูง หรือตัวซึม ไม่ร่าเริงเหมือนเดิม
  • เสมหะมีสีเขียว เหลือง หรือปนเลือด

 

ลูกไอมีเสมหะ หายใจครืดคราด อาจเกิดจากอาการภูมิแพ้ในเด็ก

อาการลูกไอ มีเสมหะ และหายใจครืดคราด อาจเกิดจากภูมิแพ้ทางเดินหายใจในเด็ก โดยเฉพาะถ้าอาการของลูกน้อยมีลักษณะดังนี้:

  • ไอเรื้อรัง โดยเฉพาะช่วงกลางคืนหรือตอนเช้า
  • มีน้ำมูกใส คัดจมูก จามบ่อย
  • ไม่มีไข้ (ต่างจากการติดเชื้อไวรัส/แบคทีเรียที่มักมีไข้ร่วม)
  • อาการเป็นๆ หายๆ หรือกำเริบเวลาเจอสิ่งกระตุ้น เช่น ฝุ่น ไรฝุ่น ขนสัตว์ ควัน หรืออากาศเปลี่ยน

แต่คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องคอยเฝ้าสังเกตดีๆ เพราะอาการแบบเดียวกันอาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น หวัดธรรมดา, การติดเชื้อไวรัส, หลอดลมอักเสบ, หรือกรดไหลย้อนในเด็ก ได้เช่นกัน

ดังนั้น หากลูกมีอาการต่อเนื่องบ่อยๆ หรืออาการเหล่านี้เริ่มรบกวนการนอนและการกินของลูก ควรพาไปพบกุมารแพทย์ เพื่อตรวจเพิ่มเติมว่าเป็นภูมิแพ้ในเด็กจริงหรือไม่ หรือมีโรคอื่นแอบแฝงค่ะ

 

ภูมิแพ้ป้องกันได้ เริ่มต้นวันนี้ เพื่ออนาคตที่ไม่แพ้

หากลูกมีสัญญาณที่น่าจะเป็นอาการภูมิแพ้ คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยทันที เพื่อจะได้ป้องกันและทำการรักษาได้ตั้งแต่ลูกยังเล็ก เพื่อให้เค้าสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแรง เอาชนะได้ทุกอุปสรรค ไม่สะดุดทุกอาการแพ้

เพราะหากคุณพ่อคุณแม่ปล่อยให้ลูกเป็นภูมิแพ้ต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่รักษา ลูกจะมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดภูมิแพ้ลูกโซ่ ซึ่งภูมิแพ้ลูกโซ่ก็คือเมื่อลูกเป็นภูมิแพ้ชนิดใดชนิดหนึ่ง ก็เสี่ยงที่จะเกิดภูมิแพ้ชนิดอื่นๆ ตามมาได้เมื่ออายุมากขึ้น

คุณพ่อคุณแม่สามารถป้องกันภูมิแพ้ในเด็กได้ด้วยวิธีเหล่านี้

  • หากสามารถให้นมแม่ได้ ควรให้ลูกได้กินนมแม่จะดีที่สุด เพราะนมแม่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเด็กได้ดีที่สุด
  • หลีกเลี่ยงสิ่งที่สามารถกระตุ้นให้ลูกเกิดอาการแพ้ได้
  • ในกรณีที่คุณแม่น้ำนมไม่เพียงพอหรือไม่สามารถให้นมแม่ได้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งแพทย์มักแนะนำ* โปรตีนที่ผ่านการย่อยอย่างละเอียด (eHP) ซึ่งมีคุณสมบัติ Hypoallergenic ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และโพรไบโอติกส์ แล็กโทบาซิลลัส รามโนซัส จีจี (LGG) เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง รวมถึงลดโอกาสในการเกิดภูมิแพ้อื่นๆ ที่อาจตามมาในอนาคต
    *แนวทางเวชปฎิบัติการดูแลรักษาโรคแพ้โปรตีนนมวัว พ.ศ. 2555

 

ไขข้อข้องใจเรื่อง ลูกไอมีเสมหะ วิธีแก้ กับ Enfa Smart Club

ลูกไอมีเสมหะ ไม่มีไข้ 1 ขวบ

หากลูก 1 ขวบ ไอมีเสมหะ ไม่มีไข้ แล้วลูกยังกินนมได้ เล่นได้ และไม่มีอาการหอบเหนื่อยมาก มักดูแลที่บ้านได้ค่ะ สิ่งที่ต้องตระหนักคือลูกวัยนี้ยังเล็กมาก ต้องพึ่งพาพ่อแม่ทั้งหมด เช่น ล้างจมูก ดูดน้ำมูก อุ้มศีรษะสูง คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยสังเกตอาการของเค้าว่ามีอาการเตือนที่อันตรายหรือไม่ หากลูกเริ่มแสดงอาการหอบ เหนื่อย หน้าอกบุ๋ม หรือหายใจเร็วผิดปกติ ปากหรือปลายมือปลายเท้าเขียว ไอจนกินนม/อาหารไม่ได้ หรืออาเจียนมาก ซึม ไม่ค่อยตอบสนอง หรือมีไข้ร่วม ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อความปลอดภัย

ลูกไอมีเสมหะไม่มีไข้ 2 ขวบ 

ถ้าไอมีเสมหะแต่ไม่มีไข้ และลูกวัย 2 ขวบยังกินได้ เล่นได้ ร่าเริง มักดูแลที่บ้านได้ค่ะ ลูกวัยนี้เริ่มช่วยบอกอาการตัวเองได้บ้างว่าไม่สบายตรงไหน แต่ยังดูแลตัวเองไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่อาจต้องคอยล้างจมูก ดูดน้ำมูกให้เค้าหายใจโล่งขึ้น และถ้าลูกมีสัญญาณเตือนถึงอาการที่รุนแรงขึ้น ควรรีบพาไปพบคุณหมอทันทีเพื่อความปลอดภัย

ลูกไอมีเสมหะ ไม่มีไข้ 3 ขวบ

ถ้าลูก 3 ขวบ ไอมีเสมหะ แต่ไม่มีไข้ ส่วนใหญ่จะไม่อันตราย และสามารถดูแลที่บ้านได้ค่ะ เป้าหมายหลักคือช่วยให้เสมหะไม่ค้างและลูกหายใจได้โล่งขึ้น ซึ่งคุณแม่ช่วยได้ด้วยการให้ลูกดื่มน้ำเยอะขึ้น ช่วยลูกล้างจมูก ที่สำคัญคือลูก 3 ขวบอาจเริ่มบ้วนหรือถ่มเสมหะออกได้เมื่อลูกมีเสลดในคอ ลองสอนให้เค้าบ้วนออกมา ดีกว่ากลืนลงไป

ลูกไอมีเสมหะ ไม่มีไข้ 4 ขวบ

ถ้าลูก 4 ขวบไอมีเสมหะ แต่ลูกยังกินได้ เล่นได้ ร่าเริง และไม่มีอาการหอบเหนื่อย สามารถดูแลที่บ้านได้ แต่ถ้ามีอาการเตือน หรืออาการไม่ดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ควรรีบพาไปพบคุณหมอค่ะ

บทความแนะนำ

 

 

 

* นมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก
Enfa Smart Club สนับสนุนให้คุณแม่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่าง
เดียวอย่างน้อย 6 เดือนและให้นมแม่ควบคู่อาหารตามวัยอีก 2 ปี หรือนานกว่านั้น ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO)
Enfa Smart Club พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลคุณแม่และลูกน้อย ด้วยการมอบข้อมูลโภชนาการและพัฒนาการลูกน้อยแต่ละวัย ที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ ผ่านเว็บไซต์ enfababy.com

คุณกำลังเข้าถึงเนื้อหาจากผู้ให้บริการภายนอกเกี่ยวกับการซื้อหรือ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท มี้ด จอห์นสัน นิวทริชัน (ประเทศไทย) จำกัด​

กรุณากดยืนยันเพื่อดำเนินการต่อ

Line TH
Cart TH Join Enfamama